เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำอีสาน ออกแถลงการณ์ “คัดค้าน พ.ร.บ.น้ำ หยุดเหยียบย่ำเกษตรกรคนลุ่มน้ำ ยิ่งปรับปรุงยิ่งให้อำนาจรัฐ” ชี้ปัญหากระบวนการรับฟังความคิดเห็น ทั้งยังให้รัฐยังมีอำนาจรวมศูนย์การจัดการน้ำ หวั่นฟื้นโครงการบริหารจัดการน้ำขนาดใหญ่
12 ต.ค. 2560 ภาคประชาชนและชาวบ้านลุ่มน้ำภาคอีสานนำโดย นายสิริศักดิ์ สะดวก ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำอีสาน นายนวรัตน์ เสียงสนั่น เจ้าหน้าที่ภาคสนามโครงการทามมูล พร้อมตัวแทนชาวบ้านลำน้ำพอง ตัวแทนชาวบ้านลำน้ำมูล ตัวแทนชาวบ้านลุ่มน้ำชี และตัวแทนชาวบ้านแก่งละหว้า จัดแถลงข่าวคัดค้านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ทรัพยากรนํ้า พ.ศ. … นอกจากนั้นยังจัดเวทีร่วม แลกเปลี่ยนความคิดเห็นของชาวบ้านลุ่มน้ำต่อร่าง กฎหมายดังกล่าว ที่สำนักงานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคอีสาน (กป.อพช.อีสาน) อ.เมือง จ.ขอนแก่น
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุข้อห่วงกังวล คือ
1) กระบวนการรับฟังความคิดเห็นร่างกฎหมายไม่ครอบคลุมพื้นที่ของชาวบ้านลุ่มน้ำผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย ตามหลักการมีส่วนร่วมร่วมของประชาชน
2) การปรับปรุงร่างกฎหมายยิ่งปรับปรุงยิ่งให้อำนาจรัฐในการบริหารจัดการน้ำ
3) ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (ก.น.ช.) มีอำนาจในการพิจารณาและให้ความเห็นชอบในการผันน้ำระหว่างลุ่มน้ำ ซึ่งจากจะเพิ่มความขัดแย้งระหว่างลุ่มน้ำเพราะการผันน้ำระหว่างลุ่มน้ำเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และอาจมีการฟื้นนโยบายโครงการบริหารจัดการน้ำขนาดใหญ่ เช่น โครงการผันน้ำโขง ชี มูล
4) คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (ก.น.ช.) และ คณะกรรมการลุ่มน้ำ มีลักษณะโครงสร้างที่ยังยึดโยงให้อำนาจกับภาครัฐมาก ไม่มีหลักประกันใดๆ ที่จะแสดงให้เห็นว่าภาคประชาชนจะเข้าไปถ่วงดุลอำนาจได้
5) หากมีการเก็บภาษีน้ำ อาจทำให้เกษตรกรจะต้องแบกภาระกับต้นทุนการผลิต
“ภายใต้เหตุผลดังกล่าวทางเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำอีสาน มองว่า พ.ร.บ.น้ำ ฉบับนี้จะเป็นการลิดรอนสิทธิของชุมชนและเกษตรกร เพื่อที่จะให้รัฐสามารถจัดการน้ำได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เนื่องจากสถานะของน้ำในแม่น้ำ แหล่งน้ำทุกประเภทกลายเป็นของรัฐโดยสมบูรณ์”
แถลงการณ์ดังกล่าวระบุข้อเสนอต่อร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. … ดังนี้
1) ให้ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ถอดถอนร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. … ออกจากการพิจารณาตามเหตุผลข้างต้น เนื่องจากยังสร้างความวิตกกังวลต่อเกษตรกรลุ่มน้ำและเกษตรกรทั่วไปในประเด็นความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการเก็บภาษีน้ำ
2) ให้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นทุกจังหวัด เพื่อสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมครอบคลุมกลุ่มคนผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งภาคประชาชน เอกชน อย่างแท้จริง เนื่องจากมีประชาชนหลายภาคส่วนโดยเฉพาะเกษตรกรไม่เคยได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการร่าง พ.ร.บ.น้ำ พ.ศ. …
แถลงการณ์
“คัดค้าน พ.ร.บ.น้ำ หยุดเหยียบย่ำเกษตรกรคนลุ่มน้ำ ยิ่งปรับปรุงยิ่งให้อำนาจรัฐ”
นับตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรน้ำมีความพยายามที่จะผลักดันให้มี การออกพระราชบัญญัติน้ำ อย่างต่อเนื่อง แต่กลับถูกประชาชนคัดค้านและไม่เห็นด้วยกับร่างพระราชบัญญัติน้ำที่ถูกนำเสนอมาตลอดเนื่องจากกระบวนการร่างกฎหมายนั้นขาดการมีส่วนร่วมและการแสดงความคิดเห็นของภาคประชาชน ในขณะปัจจุบันกฎหมายบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ พ.ศ. …ได้นำเข้าพิจารณาในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วาระที่ 1 ไปแล้วนั้น มีทั้งหมด 9 หมวด 100 มาตรา โดยได้ตั้งกรรมาธิการขึ้นมาเพื่อพิจารณา ซึ่งยังเหลืออีก 2 วาระ สภานิบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ถึงจะลงมติว่าจะเห็นควรประกาศหรือไม่เห็นควรประกาศ
จากการติดตามกระบวนการร่าง พ.ร.บ.น้ำ ของเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำอีสาน มีความเห็นว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะต้องถอดถอนร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. … เนื่องจากปัจจุบันกระแสการคัดค้าน พ.ร.บ.น้ำ ฉบับ พ.ศ. … จากเกษตรกรไม่เห็นด้วยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นที่จะมีการเก็บภาษีน้ำจากเกษตรกรเพราะจะทำให้เกษตรกรมีค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นจากเดิม ประกอบกับ
1) กระบวนการรับฟังความคิดเห็นกับร่างพระราบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. … ไม่ครอบคลุมพื้นที่ของชาวบ้านลุ่มน้ำผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย ตามหลักการมีส่วนร่วมร่วมของประชาชน นั้นย่อมหมายถึงความไม่โปร่งใสในการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในระดับพื้นที่อย่างแท้จริงตั้งแต่เริ่มกระบวนการ
2) การปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.น้ำ ยิ่งปรับปรุงยิ่งให้อำนาจรัฐในการบริหารจัดการน้ำ โดยเฉพาะตามร่าง พ.ร.บ.น้ำ มาตรา 6 อำนาจของรัฐในการพัฒนาทรัพยากรน้ำสาธารณะ “ให้รัฐมีอำนาจบริหารทรัพยากรน้ำสาธารณะบนพื้นฐานความยั่งยืนและความสมดุลของระบบนิเวศ โดยเปลี่ยนแปลงรูปร่างของแหล่งน้ำหรือขยายแหล่งน้ำได้” โดยรัฐยังมีอำนาจในการรวมศูนย์การจัดการน้ำ หรือสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างของแหล่งน้ำ ทั้งยังเป็นการเพิ่มอำนาจให้รัฐผูกขาดการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำโดยที่รัฐสามารถที่จะกำหนดการพัฒนาแหล่งน้ำไปในทิศทางที่คนลุ่มน้ำไม่มีส่วนร่วม ซึ่งอาจนำมาสู่ความขัดแย้งในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระหว่างรัฐกับชุมชน
3) ร่าง พ.ร.บ.น้ำ ในมาตรา 17 (10) ก.น.ช.มีอำนาจในการพิจารณาและให้ความเห็นชอบในการผันน้ำระหว่างลุ่มน้ำ ซึ่งจากอำนาจดังกล่าว ร่าง พ.ร.บ.น้ำ จะเพิ่มความขัดแย้งระหว่างลุ่มน้ำเพราะการผันน้ำระหว่างลุ่มน้ำเป็นเรื่องละเอียดอ่อนของแต่ละลุ่มน้ำที่มีความผูกพันกับการใช้ชีวิตกับลุ่มน้ำตนเอง อีกทั้งในแต่ละลุ่มน้ำมีระบบนิเวศที่แตกต่างกันอาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศลุ่มนั้นๆ ได้ โดยชาวบ้านวิตกกับอำนาจหน้าที่ของการบริหารจัดการน้ำของรัฐที่จะฟื้นนโยบายโครงการบริหารจัดการน้ำขนาดใหญ่ เช่น โครงการผันน้ำโขง ชี มูล ซึ่งปัจจุบันในหลายพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการจัดการน้ำขนาดใหญ่และยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะลุ่มน้ำมูล ลุ่มน้ำชี เป็นต้น ถึงแม้จะระบุไว้ว่าจะต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นก่อนตามมาตรา 18 วรรค2 ซึ่งทางเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำอีสาน ก็มองว่าเป็นเพียงการจัดทำพิธีกรรมเพื่อให้ครบถ้วน เพราะหน่วยงานรัฐมีธงเอาไว้แล้ว
4) ร่าง พ.ร.บ.น้ำ มาตรา 9 กำหนดให้มี “คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ” หรือ ก.น.ช. และในร่างมาตรา 26 “คณะกรรมการลุ่มน้ำ” ในสองมาตรานี้มีลักษณะโครงสร้างที่ยังยึดโยงให้อำนาจกับภาครัฐมาก ถ้ามองถึงสัดส่วนแล้วภาคประชาชนไม่มีที่ยืนในการที่จะร่วมกำหนดนโยบายเลย เพราะเป็นการกำหนดตำแหน่งไว้เสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วส่วนใหญ่มีแต่หน่วยงานราชการ ทำให้เห็นว่าไม่มีหลักประกันใดๆ ที่จะแสดงให้เห็นว่าภาคประชาชนจะเข้าไปถ่วงดุลอำนาจกรรมการได้ และ
5) ประเด็นสุดท้ายที่มีข้อวิตกกังวลจากเกษตรกรลุ่มน้ำและเกษตรกรทั่วไป คือ ในหมวดการจัดสรรน้ำ ที่กำหนดการใช้ทรัพยากรน้ำสาธารณะแบ่งเป็น 3 ประเภท ตามร่าง พ.ร.บ.น้ำ มาตรา 39 ในมาตรานี้มีการเชื่อมโยงไปอีกหลายมาตราเนื่องจากเกี่ยวข้องกับกับการเก็บภาษีน้ำของผู้ใช้น้ำ แม้ว่าในร่าง พ.ร.บ.น้ำ ฉบับนี้จะกำหนดเก็บภาษีเฉพาะการใช้น้ำประเภทที่สอง และการใช้น้ำประเภทที่สาม แต่เกษตรกรลุ่มน้ำ และเกษตรกรทั่วไปยังไม่มีความมั่นใจกับร่าง พ.ร.บ.น้ำตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งความไม่โปร่งใสของกระบวนการรับฟังความคิด และความไม่สอดคล้องของวิถีชีวิตของคนลุ่มน้ำและเกษตรกร
ซึ่งมีประเด็นอยู่ว่า 1.ถ้ามีการเก็บภาษี พ.ร.บ.น้ำจริง ตามวิธีคิดเบื้องต้นของอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำยังพูดชัดถึงการเก็บภาษีน้ำกับเกษตรกร ไม่เกิน 50 สตางค์ต่อลูกบาศก์เมตรในประเภทที่สองนั้นใครได้ประโยชน์ใครเสียประโยชน์ ถ้ามองดูเบื้องต้นเห็นชัดว่า กลุ่มผู้ใช้น้ำประเภทที่หนึ่ง และกลุ่มผู้ใช้น้ำประเภทที่สองยังคลุมเครือและยังแบ่งประเภทกันไม่ชัด เหมือนร่าง พ.ร.บ.น้ำ พ.ศ. … ที่ไม่มีความชัดเจน แต่ถึงอย่างไรผู้ที่จะได้ประโยชน์จาก ร่าง พ.ร.บ.น้ำ ฉบับนี้ คือ อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ตามระบุกลุ่มผู้ใช้น้ำประเภทที่สาม เพราะอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มีกำลังในการซื้อน้ำเข้าสู่กระบวนการผลิต เช่นโรงงานน้ำตาล โรงไฟฟ้าชีวมวล ที่กำลังขยายเพิ่มมากขึ้นในภาคอีสาน เป็นต้น ส่วนเกษตรกรในกลุ่มผู้ใช้น้ำประเภทที่หนึ่งและสองจะต้องแบกภาระกับต้นทุนการผลิต ราคาไม่แน่นอน ไหนจะมาเสียค่าน้ำเพิ่มอีกซึ่งขัดกับวิถีชีวิตคนลุ่มน้ำและเกษตรกรอย่างมาก
ภายใต้เหตุผลดังกล่าวทางเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำอีสาน มองว่า พ.ร.บ.น้ำ ฉบับนี้จะเป็นการลิดรอนสิทธิของชุมชนและเกษตรกร เพื่อที่จะให้รัฐสามารถจัดการน้ำได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เนื่องจากสถานะของน้ำในแม่น้ำ แหล่งน้ำทุกประเภทกลายเป็นของรัฐโดยสมบูรณ์ ทั้งหมดเหล่านี้รัฐบาลจะเป็นผู้ดูแล ฉะนั้นจึงมีข้อเสนอต่อร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. … ข้างต้นดังนี้
1) ให้ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ถอดถอนร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. … ออกจากการพิจารณาตามเหตุผลข้างต้น เนื่องจากร่าง พ.ร.บ.น้ำ ฉบับปัจจุบันยังสร้างความวิตกกังวลต่อเกษตรกรลุ่มน้ำและเกษตรกรทั่วไปในประเด็นความไม่ชัดเจนของร่าง พ.ร.บ.น้ำ ฉบับปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับการเก็บภาษีน้ำด้วย
2) ให้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นทุกจังหวัด เพื่อสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมครอบคลุมกลุ่มคนผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งภาคประชาชน เอกชน อย่างแท้จริง เนื่องจากมีประชาชนหลายภาคส่วนโดยเฉพาะเกษตรกรไม่เคยได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการร่าง พ.ร.บ.น้ำ พ.ศ. …
ขอแสดงความนับถือ
12 ตุลาคม 2560
คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.อีสาน)
เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำอีสาน
เครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภาคอีสาน
เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกภาคอีสาน
เครือข่ายปฎิรูปที่ดิน ภาคอีสาน
สมาคมผู้บริโภค จ.ขอนแก่น
สมาคมเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาเทือกเขาเพชรบูรณ์
สมาคมเครือข่ายชาวนาชาวไร่อีสาน
สมาคมป่าชุมชนอีสาน
สมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมและสาธารณะ
ศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติภาพอีสาน (ศสส.)
ศูนย์พัฒนาเด็กเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมแม่น้ำโขง
ศูนย์กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม
ศูนย์พิทักษ์สิทธิการจัดการทรัพยากรชุมชนลุ่มน้ำชีตอนล่าง
ศูนย์ศึกษาชุมชนท้องถิ่นอีศาน
โครงการทามมูล
กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี
คณะกรรมการชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากแนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 500 kv. จ.อุดรธานี
เครือข่ายคนรุ่นใหม่กลุ่มลุ่มน้ำโขงศึกษา
กลุ่มอนุรักษ์และฟื้นฟูลำพะเนียง
กลุ่มอนุรักษ์แม่น้ำโขง อ.ปากชม จ.เลย
เครือข่ายชุมชนฮักน้ำโขง
ขบวนการอีสานใหม่ (New Esaan Movements)
กลุ่มชาวบ้านอนุรักษ์แก่งละหว้า จ.ขอนแก่น
โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศห้วยเสนง จ.สุรินทร์
กลุ่มชาวบ้านอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศลุ่มน้ำชีตอนล่าง จ.ร้อยเอ็ด จ.ยโสธร
สมัชชาคนจนกรณีเขื่อนราษีไศล เขื่อนหัวนา จ.ศรีสะเกษ
กลุ่มอนุรักษ์ลำน้ำเซบาย จ.ยโสธร
เครือข่ายอนุรักษ์ลำน้ำเซบาย จ.อำนาจเจริญ
สมัชชาคนจน
กลุ่มรักษ์อำเภอวานรนิวาสภาคีเครือข่ายฯ จังหวัดสกลนคร
กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมห้วยเสือเต้นและโคกหินขาว จ.ขอนแก่น
กลุ่มเผยแพร่กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม (ดาวดิน)
ชมรมชาวบ้านอนุรักษ์ลำน้ำพอง จ.ขอนแก่น
กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนามูนดูนสาด จ.กาฬสินธุ์
ขบวนองค์กรชุมชน จ.สุรินทร์
กลุ่มสมุนไพรเพื่อสันติภาพ