ส.นักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย-สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ยื่นหนังสือ บอร์ด กสทช. ให้ทบทวนแผนแม่บทฯ เร่งรัดเรียกคืนคลื่นความถี่ฯ เร็วขึ้นกว่าเดิม จากที่กำหนดไว้ วิทยุ 5 ปี โทรทัศน์ 10 ปีและโทรคมนาคม 15 ปี ป้องกันปฏิรูปสื่อล่าช้า
20 มี.ค.2555 – นายวิสุทธิ์ คมวัชรพงศ์ นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และ นางสาวสุวรรณา สมบัติรักษาสุข ประธานสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย พร้อมคณะกรรมการองค์กรวิชาชีพทั้งสองแห่ง ยื่นหนังสือต่อ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) พันเอก ดร.นที ศุกลรัตน์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เพื่อขอให้ กสทช.ทบทวน สาระสำคัญในการกำหนดระยะเวลาเรียกคืนคลื่นความถี่ ซึ่งมีตัวแทนภาคประชาชน นักวิชาชีพ และนักวิชาการจำนวนมากทักท้วงไม่เห็นด้วยกับกรอบระยะเวลาการเรียกคืนคลื่นความถี่ กิจการวิทยุภายใน 5 ปี กิจการโทรทัศน์ภายใน 10 ปี และ กิจการโทรคมนาคมภายใน 15 ปี พร้อมเรียกร้องให้กสทช. นำข้อเสนอจากรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อ ร่างแผนแม่บทบริหารคลื่นความถี่ฯ และ ร่างแผนแม่บทกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ฉบับที่ 1 (พ.ศ.2545-2559) ซึ่งได้ดำเนินการไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมากลับไปพิจารณาใหม่
องค์กรวิชาชีพสื่อฯ เห็นว่าระยะเวลาที่นานเกินไป ประกอบกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงเร็ว จะทำให้ร่างแผนการบริหารคลื่นความถี่ฯนี้ อาจไม่มีผลบังคับใช้ได้จริงในทางปฏิบัติ พร้อมเสนอให้เร่งระยะเวลาสิ้นสุดการใช้คลื่นในกิจการกระจายเสียงว่าไม่ควรเกิน 2 ปี และกิจการโทรทัศน์ไม่ควรเกิน 4 ปี เพื่อให้กิจการแต่ละประเภทปรับเข้าสู่ระบบใบอนุญาตในรอบต่อไปได้เร็วขึ้น อันจะส่งผลให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการปฏิรูปสื่อที่ล่าช้ามานานกว่า 14 ปี
สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เห็นว่า ข้อเสนอจากภาคส่วนต่างๆ ที่มีต่อแผนยุทธศาสตร์การคืนคลื่นความถี่ฯ โดยเฉพาะความเห็นที่ผ่านกระบวนการในเวทีรับฟังที่กสทช.เป็นผู้จัดให้มีขึ้นนั้นมีความสำคัญ จึงจำเป็นที่ กสทช.จะต้องหยิบยกขึ้นมาพิจารณาและถือเป็นสาระสำคัญเพราะมีผู้เห็นด้วยกับข้อทักท้วงนี้จำนวนมากอีกทั้งต้องการให้เร่งรัดการจัดสรรคลื่นความถี่โดยเร็วที่สุด หากกสทช.ปฏิเสธความเห็นเหล่านี้ เท่ากับปฏิเสธความคิดเห็นและปฏิเสธการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งขัดต่อแนวทางหลักที่จัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวขึ้นมา ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อการบริหารงานและกำหนดทิศทางนโยบายในอนาคต จึงขอเรียกร้องให้กสทช.ทบทวนแนวคิดดังกล่าวโดยเร็วที่สุด ก่อนประกาศใช้แผนฯ หรือมาตรการใดๆที่จะส่งผลกระทบต่อผู้คนในวงกว้าง