ถอนฟ้อง ‘กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด’ หมิ่นประมาทเหมืองทองผ่านเฟซบุ๊ก – ทนายชี้จบคดีนี้ยังมีอีกเพียบ

ถอนฟ้อง ‘กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด’ หมิ่นประมาทเหมืองทองผ่านเฟซบุ๊ก – ทนายชี้จบคดีนี้ยังมีอีกเพียบ

เหมืองทองฯ ถอนฟ้องคดีโพสต์ข้อความหมิ่นประมาทผ่านเฟซบุ๊ก หลังกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด จ.เลย พร้อมพยายานผู้เชี่ยวชาญเดินทางร่วมสืบพยานที่แม่สอด ด้านบริษัทเหมืองดำเนินการฟ้องคดี 2 ทาง โดยช่องทางผ่าน ตร. อัยการสั่งไม่ฟ้องแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ ส่วนทนายจำเลยชี้จบคดีนี้ ยังมีคดีเหลืออีกเพียบ

20161003143654.jpg

10 มี.ค. 2559 เวลาประมาณ 09.45 น. สุรพันธ์ รุจิไชยวัฒน์ เลขาธิการกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด และตัวแทนกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน อ.วันสะพุง จ.เลย 1 คนรถตู้ เดินทางมาที่ศาลแม่สอด จ.ตาก ตามที่ศาลได้นัดสืบพยานฝ่ายโจทก์และจำเลย จากกรณีที่บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ฟ้องนายสุรพันธุ์ ในข้อหาหมิ่นประมาท และนำเข้าข้อความอันเป็นเท็จสู่คอมพิวเตอร์ (อาญา) คดีดำ 1430/2558 โดยอ้างว่า นายสุรพันธุ์ได้นำเข้าข้อความในเฟซบุ๊กเพจ ‘เหมืองแร่ เมืองเลย’

นอกจากกลุ่มชาวบ้านแล้ว พยานผู้เชี่ยวชาญฝั่งจำเลยที่เดินทางมาสืบพยานในวันนี้ประกอบด้วย นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และจอมพล พิทักษ์สันตโยธิน อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ส่วนในวันพรุ่งนี้ (11 มี.ค. 2559) จะมีการสืบพยาน อาทิตย์ สุริยะวงศ์กุล ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองเน็ต

ตามคำฟ้องในคดีนี้ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด อ้างว่า เหตุเกิดที่ ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก โดยสุรพันธุ์ถูกกล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2557 ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กในเพจชื่อ ‘เหมืองแร่เมืองเลย’ ระบุว่า บริษัทฯ ได้ประทานบัตร 6 แปลงเพื่อทำเหมืองแร่ทองคำและแร่พลอย บนภูทับฟ้าและภูซำป่าบอนโดยมิชอบ  ทำให้ให้สินแร่ที่ได้จากการทำเหมืองแร่ตามประทานบัตรนั้นมิชอบด้วย

ทางบริษัท ทุ่งคำ จำกัด เห็นว่าการกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหาย เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่น เกลียดชัง และประการที่ลูกค้าของโจทก์ได้เห็นข้อความดังกล่าวอาจจะทำให้เกิด ความไม่แน่ใจในกิจการของโจทก์ หรือไม่เชื่อถือในสินค้าของโจทก์ และประชาชนทั่วไปที่พบเห็น ก็เข้าใจได้ว่าโจทก์ประกอบธุรกิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขาดความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ 2550 มาตรา14 (1)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการสืบพยานโจทก์และจำเลยวันนี้ (10 มี.ค. 2559) ศาลได้ไกล่เกลี่ยให้โจทก์และจำเลยพูดคุยกันเพื่อให้มีการถอนฟ้องคดี ซึ่งโจทก์ยินยอมจะถอนฟ้องหากจำเลยยืนยันว่าไม่ใช่คนโพสต์จริง ส่วนจำเลยยืนยันไม่ใช่คนโพสต์ข้อความและไม่คัดค้านหากโจทก์จะถอนฟ้อง ศาลจึงมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องคดีนี้ ทำให้ไม่มีการสืบพยานต่อไปอีกในวันที่ 10-11 มี.ค. 2559 ตามนัดหมายเดิม

ส รัตนมณี พลกล้า นักกฏหมายจากศูนย์ข้อมูลชุมชน ทีมทนายจำเลย ให้ข้อมูลว่า คดีนี้โจทก์เสนอถอนฟ้องโดยมีเงื่อนไขให้จำเลยโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดียว่าไม่ได้เป็นคนโพสต์ข้อความตามที่ถูกฟ้อง ซึ่งจำเลยไม่ได้คัดค้านการถอนฟ้อง แต่ไม่รับที่จะดำเนินการตามคำขอ ซึ่งศาลก็ได้พิจารณาอนุญาตให้ถอนฟ้อง ทำให้คดีของชาวบ้านสิ้นสุดไปอีก 1 คดี 

อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด มีคดีที่จะต้องขึ้นศาลอีก คือ คดีที่บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ฟ้องสมัย ภักดิ์มี ประธานสภา อบต.เขาหลวง เป็นคดีอาญาต่อศาลจังหวัดเลยในข้อหาเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เกี่ยวกับการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าไม้ ซึ่งนัดสืบพยานในวันที่ 17-19 พ.ค. 2559 

นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังฟ้องสมัยในอีกคดีหนึ่งในข้อหาเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เกี่ยวกับการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าไม้ และถอนการขออนุญาตใช้พื้นที่ ส.ป.ก. ออกจากวาระการประชุมสภา อบต.เขาหลวง นัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 23 พ.ค. 2559

ส่วนคดีที่มีการนัดฟังพิพากษา มี 2 คดีคือ คดีที่บริษัทฯ ฟ้องเรียกค่าเสียหายชาวบ้าน 50 ล้านบาท จากการก่อสร้างป้าย ‘ปิดเหมืองฟื้นฟู’ ที่ซุ้มประตูและบริเวณเส้นทางเข้าหมู่บ้าน ศาลจังหวัดเลยนัดฟังคำพิพากษา 30 มี.ค. 2559 และคดีที่ชาวบ้านถูกกระทำจากการปิดล้อมหมู่บ้านเพื่อขนแร่ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2557 ซึ่งมีการฟ้องนายทหาร 2 นาย นัดฟังคำพิพากษา 16 พ.ค. 2559

 

คดีฝั่งตำรวจ อัยการจังหวัดแม่สอดสั่งไม่ฟ้องกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากกรณีโพสต์ข้อความเดียวกันนี้ที่ฟ้องต่อศาลแม่สอด บริษัท ทุ่งคำ จำกัด ได้ดำเนินการทางคดี 2 ทาง คือการฟ้องคดีต่อศาล และก่อนหน้านี้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับทางสถานีตำรวจภูธรแม่สอดในขอหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาต่อ สุรพันธ์ รุจิไชยวัฒน์ และภัทราภรณ์ แก่นจำปาด้วย ซึ่งล่าสุดเมื่อวานนี้ (9 มี.ค. 2559) ทั่งสองได้เดินทางไปเซ็นรับทราบคำสั่งไม่ฟ้องคดีของอัยการจังหวัดแม่สอดที่ สภอ.แม่สอด 

ในเอกสารไม่สั่งฟ้องของอัยการมีคำวินิจฉัยว่า หนังสือร้องเรียนของกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดที่ได้ทำเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบสินแร่ของบริษัทฯ ยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นหนังสือแสดงความเดือดร้อนที่ประชาชนได้รับ จึงเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ติชมด้วยความเป็นธรรม ตามวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้เพื่อประโยชน์ส่วนรวม อีกทั้งไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลการใช้งานและ IP Address ได้ คดีมีพยานหลักฐานไม่พอฟ้อง

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ