เพราะศิลปะเป็นศาสตร์หนึ่งที่เป็นพัฒนาการการเรียนรู้สำหรับเด็กได้เป็นอย่างดี แต่ทว่า ศิลปะ ในห้องเรียนกลับเป็นตัวเลือกเล็ก ๆ ที่ไม่ค่อยได้มีการให้ความสำคัญในการเรียนการสอนเท่าที่ควรนัก ด้วยว่าการศึกษาในห้องเรียนให้ความสำคัญกับการนำไปสู่การแข่งขันมากกว่าการเสริมทักษะให้เด็กได้เรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ สนุกและนำไปต่อยอดได้ในอนาคต เป็นพลเมืองโลกที่ดีได้
ที่บ้านลุงวัฒน์สอนศิลป์ บ้านหนองเก่า ต.พราน อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ได้เปิดพื้นที่ส่วนตัวให้เป็นห้องเรียนใบใหญ่ให้เด็กเยาวชนที่สนใจด้านศิลปะมาร่วมเรียนรู้ได้ฟรี และได้มีผู้ที่สนใจนำบุตรหลานมาจากหลายพื้นที่ ทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัดเข้าร่วมกิจกรรมกันเกินความคาดหมาย อีกทั้งยังได้รับความสนใจและการอนุเคราะห์สงเคราะห์ช่วยเหลืออุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงอาหารการกินจากเพื่อนมิตรครูบาอาจารย์ที่เห็นความสำคัญร่วมกัน กับกิจกรรมค่าย “ปลูกดอกไม้ในหัวใจเด็กชายขอบ”
พัทธ์ฒวรรตน์ จันทร์นาม ข้าราชการบำนาญ ครูผู้คร่ำหวอดด้านศิลปะ กล่าวว่า บ้านหนองเก่า ต.พราน อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ เป็นที่รู้จักกันดีของคนทั่วไปว่าเป็นพื้นที่สวนทุเรียนภูเขาไฟที่มีชื่อเสียง เราก็อยากใช้พื้นที่จุดนี้ที่เป็นของเราเองทำสิ่งดี ๆ ให้กับสังคมด้วย โดยใช้ความรู้ความสามารถที่เราทำงานมา และได้จัดค่ายศิลปะมากว่า 30 ปี จึงได้นำมาจัดที่บ้านของเราเองบ้าง โดยตอนแรกคิดว่าจะใช้ทุนตัวเองจัดแบบเล็ก ๆ แต่พอโพสต์บนโซเชียลไปแล้ว ได้รับการตอบรับจากเพื่อน ๆ ได้บริจาควัสดุอุปกรณ์ด้านศิลปะมามากมายรวมถึงเรื่องอาหารด้วย ที่สำคัญได้มาร่วมบรรเลงดนตรีให้ความสนุกสนานกับเด็ก ๆ ด้วยตนเอง อบอุ่นมากและรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้ง ๆที่ตัวเองก็เพิ่งออกจากโรงพยาบาลและต้องรักษาตัวเองอยู่เช่นกัน
ลุงวัฒน์ เล่าให้ฟังถึงที่มาและการจัดงานค่ายที่บ้านตัวเองว่า ต้องการให้ที่ตรงนี้เป็นอีกหนึ่งพื้นที่เรียนรู้ที่เสริมพัฒนาการด้านศิลปะให้เด็กได้คิดได้ คิดเป็น ให้พื้นที่ชายแดนเราได้มีแหล่งเรียนรู้ที่มากกว่าในสถานศึกษาหรือหน่วยงานต่าง ๆ และจะจัดต่อไปอีก หากมีกำลังกาย กำลังใจและกำลังทรัพย์ ที่ได้รับการสนับสนุนด้วยดีเช่นนี้
ประสิทธิ์ เรืองคำ กล่าวว่า เดินทางมาจากจังหวัดอุบลราชธานีมาร่วมกิจกรรมที่นี่ ก่อนหน้านี้ได้รับรู้ข่าวว่าลุงวัฒน์จะจัดกิจกรรมค่ายศิลปะกับเด็กเยาวชนในพื้นที่ ก็ได้ประสานและขอรับบริจาคทุนทรัพย์จากเพื่อน ๆ เพื่อระดมทุนมาช่วยลุงวัฒน์ให้งานค่ายดี ๆ แบบนี้เกิดขึ้นให้ได้ ก็ได้มีเพื่อนมิตรสหายที่รู้จักมักคุ้นกันช่วยบริจาคเป็นจำนวนมาก ทั้งได้จัดซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ และนำมาสมทบอีกจำนวนหนึ่ง และได้เดินทางมากับคณะร่วมให้กำลังใจลุงวัฒน์ถึงที่ด้วย
ดีใจที่ได้เห็นลูกหลานในพื้นที่ชายแดนแบบนี้ได้มีกิจกรรมที่สร้างสรรค์ด้วย
ประสิทธิ์ เรืองคำ
ซึ่งในกิจกรรมครั้งนี้ อาหารการกินที่ได้รับการสนับสนุนมา ก็ได้รับความร่วมมือด้วยดีจากทีมแม่บ้านในชุมชนหนองเก่า ที่อาสาสละเวลาและออกแบบอาหารแสนอร่อยให้กับเด็กเยาวชนที่ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้
ชนัญชิดา ธิวัน เล่าให้ฟังว่า
ได้เห็นว่าทางอาจารย์วัฒน์ จะจัดงานในบ้านของเรา ก็รู้สึกดีใจที่ได้รับรู้ว่าเป็นกิจกรรมศิลปะให้กับเด็ก ๆ พอทางอาจารย์ได้ประสานมาก็ยินดีและได้ชักชวนทีมงานมาร่วมกันประกอบอาหารแบบจิตอาสา เพราะอย่างน้อย ๆ เด็กที่มาก็เป็นลูกหลานบ้านเราเป็นหลัก พอวันงานจริง ๆ กลับเห็นเด็กเยาวชนมาจากหลายพื้นที่ หลายอำเภอ มาจากต่างจังหวัดด้วยก็ดี ดีใจมาก ๆ ที่ได้เห็นสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นในบ้านของเราค่ะ
เช่นเดียวกับ อำนาจ จันทวิเศษ เดินทางมาจากจังหวัดปทุมธานี พาลูก ๆ มาร่วมกิจกรรมค่ายในครั้งนี้ และได้นำอาหารมาร่วมประกอบให้กับเด็กเยาวชนในพื้นที่ด้วย เล่าว่า เราไม่ค่อยเห็นงานค่ายที่จัดในพื้นที่บ้านนอกแบบนี้นัก โดยเฉพาะจัดขึ้นโดยไม่ได้มีงบประมาณจากหน่วยงานไหน ๆ เราเคยเห็นแต่จัดในเมืองหรือในสถานศึกษา ซึ่งได้ทราบข่าวจากเพื่อน ๆ ที่อยู่ในศรีสะเกษว่ามีกิจกรรมดี ๆ ในวันหยุด เลยพาลูก ๆ และครอบครัวมาร่วมกิจกรรมด้วย ตอนแรกคิดว่าเป็นงานไม่ใหญ่พอมาเจออีกทีทำให้รู้สึกแอบ wow ในใจเลยครับ
บุณยวีร์ มาลัย เยาวชนจากบ้านหนองเก่า อ.ขุนหาญ กล่าวว่า สนุกสนานมาก ได้เรียนการวาดภาพแบบง่าย ๆ และได้มีเพื่อนใหม่ ๆ เยอะเลย
เช่นเดียวกับ ทัญพร หอมพันธ์ เยาวชนจากบ้านหนองว้า อ.เบญจลักษ์ กล่าวว่า มาเรียนศิลปะครั้งนี้มากับเพื่อน ๆ อีก 5 คน ให้แม่พามา เพราะเป็นวันหยุดอยากเรียนรู้เรื่องศิลปะ พอมาก็สนุกมาก มีเพื่อนเยอะแยะและได้วาดภาพใหม่ ๆ ได้เรียนรู้ใหม่ ๆ มากมายเลย ที่สำคัญมีอาหารกินตลอด มีเพื่อนใหม่มากมายเลย อยากให้จัดบ่อย ๆ จะดีมากค่ะ
และในกิจกรรมครั้งนี้ เครือข่ายนักสื่อสารสร้างสรรค์ชายแดน ได้ร่วมเดินทางเก็บภาพและบรรยากาศเพื่อช่วยกันนำเสนอเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนบ้านเราด้วยเช่นกัน
ประมิตร ดวงพล เจ้าของเพจ ตะต้น ไร่พอเพียงใต้แสงตะวัน แห่ง ไทบ้านสาระวิถี หนึ่งในเครือข่ายนักสื่อสารสร้างสรรค์ชายแดน กล่าวว่า วันนี้ได้มาร่วมเก็บภาพบรรยากาศดี ๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเราเพื่อนำเสนอเรื่องราวให้กับสังคมได้รับรู้ช่วยกัน ได้เห็นกิจกรรมดี ๆ ในบ้านเราก็รู้สึกดีใจ ภูมิใจ และพร้อมนำเสนอเพื่อบันทึกเรื่องราวดี ๆ เหล่านี้เอาไว้
เพราะศิลปะ เป็นสิ่งที่สร้างพัฒนาการที่ดีให้กับเด็กเยาวชน นำไปสู่การเรียนรู้ในศาสตร์อื่น ๆ ได้อย่างมีคุณภาพ และเป็นการเติมเต็มการเรียนรู้ด้านศิลปะให้กับคนในพื้นที่ห่างไกลชายแดนไทยกัมพูชาได้เป็นอย่างดี อีกทั้งการจัดกิจกรรมในแบบอาสาเช่นนี้ โดยใช้พื้นที่ส่วนตัว คณะวิทยากร ล้วนมาด้วยใจ โดยมีพลังโชเชียลเป็นแรงขับเติมเต็มด้านค่าใช้จ่ายที่มาจากหลายกลุ่มคนที่แบ่งปันมาเป็นค่าวัสดุอุปกรณ์ อาหารและอื่น ๆ อีกมากมาย
มิติหนึ่งที่สร้างสรรค์ในพื้นที่ชายแดนบ้านเรา กับ กิจกรรม “ปลูกดอกไม้ในหัวใจเด็กชายขอบ” ที่ตอบโจทย์และเสริมพลังให้กันและกันได้เป็นอย่างดี