ผลการประชุมคณะทำงานร่วม 4 ฝ่าย รัฐ ภาควิชาการ ประชาชน และผู้ประกอบการ แก้ไขปัญหาผลกระทบเหมืองทองคำ 3 จังหวัด ได้ข้อสรุปเดินหน้า 3 เรื่อง คือการดูแลคนป่วย ผู้มีผลเลือดผิดปกติ และตรวจสุขภาพเพิ่มประชาชนที่อาศัยรอบเหมือง 6,000 คน ความปลอดภัยน้ำดื่มน้ำใช้ และการจัดหาแหล่งพืชผักที่ปลอดภัย
12 มิ.ย. 2558 เว็บไซต์รัฐบาลไทย รายงานว่า ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์ไชยนันท์ ทยาวิวัฒน์ สาธารณสุขนิเทศก์เขตสุขภาพที่ 2 ในฐานะประธานคณะทำงานการเฝ้าระวังป้องกันผลกระทบประชาชนในพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัดรอบเหมืองทองคำ ได้แก่ พิจิตร เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก และคุณหญิงแพทย์หญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ประชุมความร่วมมือ 4 ฝ่าย ประกอบด้วยภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคประชาชนรอบเหมืองจังหวัดพิจิตร เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก และผู้ประกอบการเหมืองทอง
เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางดำเนินการแก้ไขป้องกันใน 3 ส่วน ได้แก่ 1.ปัญหาการเจ็บป่วยที่เกิดมาแล้ว 2.การตรวจสุขภาพประชาชนรอบเหมืองประมาณ 6,000 คน และ 3.การเก็บข้อมูลพื้นฐานด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เปรียบเทียบ
นายแพทย์ไชยนันท์ กล่าวว่า ในส่วนของผู้ป่วยและผู้ที่มีผลเลือดผิดปกติ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หญิงตั้งครรภ์ ที่อาจตกหล่นยังไม่ได้รับการดูแลรักษา ที่ประชุมขอให้ประชาชนส่งรายชื่อให้กระทรวงสาธารณสุข เพื่อประสานการดูแลรักษา และจะรวบรวมข้อมูลการตรวจรักษาที่ผ่านมาของหน่วยงานทั้งหมด ได้แก่ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กระทรวงสาธารณสุข บริษัทอัครา และรายชื่อที่ได้จากประชาชน เพื่อเป็นฐานข้อมูลเดียวกัน
สำหรับปัญหาน้ำดื่มที่ไม่เพียงพอและประชาชนไม่มั่นใจคุณภาพ ได้ตกลงให้ประชาชนเป็นผู้เลือกบริษัทผลิตน้ำดื่ม และบริษัทอัคราเป็นฝ่ายสนับสนุนค่าน้ำ ส่วนน้ำใช้ กระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการตรวจและปรับปรุงคุณภาพน้ำประปาใน 14 หมู่บ้านที่พบการปนเปื้อนโลหะหนัก โดยจะลงพื้นที่ร่วมกับประชาชน รวมทั้งเพิ่มการตรวจคุณภาพน้ำฝนด้วย
นอกจากนี้ ในเรื่องของการปนเปื้อนโลหะหนักในพืชผักและประชาชนไม่สามารถบริโภคได้ ในระยะเร่งด่วน ได้ให้ประชาชนเป็นผู้ระบุแหล่ง ให้บริษัทอัคราจะสนับสนุนงบประมาณในการจัดซื้อร่วมกับผู้ว่าราชการ 3 จังหวัด ส่วนระยะยาว ให้ประชาชนหารือแนวทางการหาพื้นที่เพาะปลูกที่ปลอดภัยต่อไป
นายแพทย์ไชยนันท์ กล่าวต่อว่า ในการเก็บข้อมูลพื้นฐานสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เปรียบเทียบนั้น ได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือข้อมูลสุขภาพประชาชน ให้กระทรวงสาธารณสุขกำหนดแผนการเก็บตัวอย่างเลือดและปัสสาวะ ร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และมหาวิทยาลัยรังสิต ในพื้นที่เป้าหมายที่ประชาชนร่วมกำหนด ส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลรามาธิบดี และบริษัทอัครารับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายในการตรวจทั้งหมด ส่วนข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม ได้ให้ทีมวิชาการจากมหาวิทยาลัยรังสิตดำเนินการออกแบบการเก็บข้อมูลต่างๆ ทั้งน้ำ ดินและพืช ส่งตรวจหาการปนเปื้อนโลหะหนัก คือ แมงกานีสและสารหนู ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และใช้เปรียบเทียบกับพื้นที่อื่นตามหลักวิชาการ
สธ.หารือ 4 ฝ่าย วาง 6 มาตรการ ดูแลประชาชนพื้นที่เสี่ยง
เว็บไซต์รัฐบาลไทย ร่ายงานด้วยว่าเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2558 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบสุขภาพประชาชนในการทำเหมืองแร่ 4 ฝ่าย ได้แก่ 1.หน่วยงานภาครัฐ เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงยุติธรรม 2.นักวิชาการ เช่น นักธรณีวิทยา นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยรังสิต 3.ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหมืองแร่ทองคำจากจังหวัดพิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ และ 4.ผู้ประกอบการเหมืองแร่ทองคำ เพื่อร่วมกันวางระบบดูแลสุขภาพอนามัยและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่รอบเหมืองแร่ทองคำ
นายแพทย์สมศักดิ์ กล่าวว่า การประชุมในวันนี้เพื่อดูแลสุขภาพอนามัยประชาชนในพื้นที่เสี่ยง เนื่องจากมีข้อบ่งชี้ว่า ประชาชนที่อยู่ในบริเวณนั้น พบการปนเปื้อนสารโลหะหนักในเลือด โดยผลการประชุมได้ข้อสรุปแนวทางการแก้ไข 6 มาตรการ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว คือ
1.การแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำอุปโภค บริโภค มีกรมอนามัยเป็นผู้รับผิดชอบหลัก ซึ่งผลการตรวจคุณภาพน้ำเบื้องต้นรอบพื้นที่เหมืองแร่ทองคำ 40 บ่อ ใน 24 หมู่บ้าน พบว่ามี 8 บ่อ ที่ปนเปื้อนสารโลหะหนัก ส่วนอีก 32 บ่อ ยังคงเฝ้าระวังตรวจคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง
2.การติดตามข้อมูลและการเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ มีกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้รับผิดชอบหลัก 3.การดูแลรักษาสุขภาพประชาชน 4.การพัฒนาระบบบริการ ซึ่ง 2 มาตรการนี้มีคณะทำงานด้านการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้รับผิดชอบ 5.การจัดทำฐานข้อมูลพื้นฐานด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ที่อาจมีการเปิดเหมืองแร่ทองคำใหม่ และ 6.กระบวนการลดความเสี่ยงในพื้นที่เหมืองแร่ที่กระทบต่อประชาชน
ทั้ง 2 มาตรการนี้จะมีการประชุมกลุ่มย่อยในวันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) เพื่อตั้งคณะทำงาน ร่วมวางระบบตรวจสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชนในพื้นที่เหมืองแร่ที่มีปัญหาและเหมืองแร่ใหม่ ครอบคลุมทั้งดิน น้ำ อาหาร อากาศ และสุขภาพ โดยจะเตรียมลงพื้นที่เก็บข้อมูล ซึ่งทุกมาตรการจะมีภาคประชาชนเข้าร่วมประชุมและเสนอความคิดเห็นด้วย เพื่อลดความกังวลใจและสร้างกลไกการดูแลสุขภาพประชาชนอย่างจริงจัง ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทุกฝ่าย รวมทั้งชาวบ้านมั่นใจและยอมรับ
นายแพทย์สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่ประชาชนในพื้นที่มีความเป็นห่วงต่อการเสียชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่ 7 ราย ในเบื้องต้นนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ประสานความร่วมมือจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อตรวจชันสูตรศพหาสาเหตุการเสียชีวิต นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขจะทำหนังสือถึงกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อแจ้งให้ทราบถึงข้อเสนอของที่ประชุมในวันนี้ ซึ่งอาจตั้งคณะทำงานและจัดประชุมร่วมกัน เพื่อให้เกิดนโยบายการทำเหมืองแร่ที่ปลอดภัยต่อประชาชนอย่างจริงจัง