เรื่อง: สันติสุข กาญจนประกร
บางส่วนจากบรรณาธิการบันทึก ในนวนิยายชื่อ ดังนั้นจึงสิ้นสลาย ของ นิธิ นิธิวีรกุล พูดกับคนอ่านว่า ความทรงจำเป็นลักษณะเฉพาะที่ผู้คนยอมเจ็บร้าวลึกรานเพื่อทะลักล้นปีติแห่งความทรมาน มันเป็นสำลักของความเจ็บปวดที่งดงามเกินบรรยาย มันเป็นภาวะของการเสพติดที่ให้คุณและโทษพอๆ กัน มันมีไว้ใช้สำหรับสายพันธุ์เฉพาะอย่างแท้จริง
คงคล้ายๆ ที่ผู้เขียนต้องการพาเราไปสำรวจตวจสอบชีวิตอันแสนปวดร้าวของตัวละครเอกในเล่ม ที่นิธิ-คนเขียนให้นิยามว่า เป็นสลิ่มทรงความรู้ สลิ่มปัญญาชน ผู้อกหักจากการรัฐประหาร
อกหักเพราะลึกๆ แล้ว นิธิตั้งใจเขียนให้ตัวละครตัวนี้มีความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง โดยไม่คาดฝันว่าทหารจะออกมาชิงทุกอย่างไปจากมือเขา
ใน 5 คำตอบของนิธิจากบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ ถ้าพินิจดีๆ เขาเสนอทางออกให้ด้วยว่า ตัวละครตัวนั้น ควรจัดวางชีวิตของตัวเองอย่างไร นอกเหนือไปจาก บางสุ้มเสียงที่ลอยอยู่เหนือบางหน้ากระดาษว่า…
ความสงบเรียบร้อยที่พวกคุณปรารถนานั้นไม่เคยมีอยู่จริง และสักวันหนึ่ง เสียงของประชาชนจะกลบทุกเสียงที่พวกคุณพยายามทำให้พวกเขาเงียบงัน
01
ถ้าในโลกจริง ในสังคมการเมืองจริง ตัวละครที่คุณให้นิยามว่า เป็นสลิ่มชั้นดี ควรมีทางออกให้แก่ตัวเองอย่างไร ในเมื่อความเชื่อที่เคยมีพลังทลายลง
มี 2 ทางในความคิดผม ซึ่ง ชอบ อนุจารี (ชื่อตัวละครตัวนั้น) อาจไม่เลือกอีกทางก็ได้
หนึ่ง… ปกป้องการเข้ามายึดอำนาจของ คสช. และมองทหารว่ากำลังพยายามปฏิรูปประเทศแทนนักการเมืองที่ทำให้ทุกอย่างมันพังทลายไป
สอง… ฆ่าตัวตาย โดยในนิยายเขาฆ่าตัวตายจริงๆ หรืออาจเป็นการฆ่าตัวตายจากความเชื่อเดิมๆ ของตัวเอง และประการหลังนี้ทำได้ยากมาก เพราะการฆ่าตัวตายในทางการเมือง คุณต้องใช้มากกว่าความกล้า การฆ่าตัวตายในทางการเมือง คือการเปลี่ยนข้าง แล้วเสี่ยงต่อการถูกมองว่าเป็นสลิ่มกลับใจ
02
การมองย้อนกลับไปดูบาดเเผลของตัวละครบางตัวในอดีต ซึ่งอาจไม่ใช่ตัวละครที่เป็นผู้เล่นสำคัญบนหน้าประวัติศาสตร์ สำหรับคุณแล้วมีประโยชนฺ์อะไร
เพราะมันคือภาพแทนของ ‘ประชาชน’ จริงๆ ประชาชนทั่วๆ ไปที่ส่วนมากแล้วมักถูกจดจำก็ต่อเมื่อถูกยิงเสียชีวิต เราต้องจดจำความตายแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ การปฏิรูปประเทศที่แท้จริงในความคิดของผมจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมีการเลือกตั้ง ซึ่งจะเปิดทางนำไปสู่ระบบการตรวจสอบที่เราสามารถทำให้เข้มแข็งขึ้นได้ในมือของประชาชน
ไม่ใช่ด้วยการดึงทหารเข้ามาแล้วกดคนด้วยกระบอกปืนให้ยอมรับการปฏิรูป
03
มีส่วนหนึ่งในนวนิยายเล่มนี้ ที่คุณเขียนไว้ว่าเป็นลายมือของ ชอบ อนุจารี โดยสื่อว่า กลิ่นนั้นเชื่อมโยงตัวเรากับสิ่งอื่นๆ ที่ประกอบสร้างขึ้นมาเป็นความทรงจำ … เเละบ่อยครั้ง ความทรงจำมักหลอกล่อเรา ให้จมอยู่กับภาพจำอันเเสนสุขของวันเวลาในอดีต มากกว่าตระหนักถึงปัจจุบัน ตรงนี้คุณกำลังจะบอกกับคนในสังคมว่า ความทรงจำที่สวยงาม เป็นเรื่องเพ้อเจ้อหรือเปล่า
ความสวยงามไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อหรอกครับ แต่การยึดติดจนเอาตัวเอง และทุกอย่างในชีวิตไปทุ่มเทให้ตรงนั้นมากกว่าที่ควรถูกตั้งคำถาม ชอบ อนุจารี เป็นคนที่ยึดติดกับอดีต และหลงอยู่ในภาพจำที่มีความสุข ไม่ว่าความสุขในแง่มุมส่วนตัว หรือความสุขในระดับสังคม จนถึงทางการเมือง เขาเชื่อเหมือนที่คนอื่นๆ เชื่อว่า ประเทศเราเคยร่มเย็น สุขสงบมากกว่านี้ กระทั่ง การมาถึงของทักษิณ และการก่อกำเนิดของคนเสื้อแดง
04
ไปที่เรื่องสั้นชื่อ มืดเเละเงียบ ในเล่มรวมเรื่องสั้น อาจเป็นเพราะเหตุนั้น ตัวละครบางตัวกลับมาจากเหตุสลายการชุมนุม เเละต้องเข้ารับการรักษาอาการทางประสาท วันดีคืนดีเมื่ออาการกำเริบ ก็จะหยิบท่อนเหล็กออกไปตระโกนหน้าบ้านว่า มึงเอาชนะกูไม่ได้หรอก ถ้าเข้าใจไม่ผิด นี่คือการอธิบายปรากฎการณ์ทางสังคมการเมืองของเราอย่างชัดเจนว่า ความหวังของเราก็คล้ายตัวละครที่สติไม่ดี
มันคงคล้ายที่หลายๆ คนพูดกันต่อกรณีนักศึกษาทั้ง 14 คนที่ถูกจับว่าให้มองโลกตามความเป็นจริง ปัญหาคือความเป็นจริงของคุณ กับของผมอาจไม่เหมือนกัน มากกว่านั้นที่ทำให้ประเทศไม่อาจเคลื่อนไปไหนมากกว่าที่เป็น คือการไม่ยอมรับโลกของคนเห็นต่าง และเที่ยวไล่ด่าว่าเขาเป็นทาสเงินของนักการเมืองบ้าง มองโลกไม่รอบด้าน เอาแต่การเลือกตั้ง ซึ่งมันไม่จริง
05
การได้เห็นนักศึกษาโดนจับเข้าเรือนจำ เป็นสิ่งเกินความคาดหมายของคุณไหม
ไม่เกินเลย อันที่จริง แทบไม่แปลกใจเลยด้วย มันกลับยิ่งเน้นให้เห็นอย่างชัดเจนว่ารัฐกลัวความเห็นต่างแค่ไหน และด้วยความหวาดกลัวนั้น การจับกุมภายใต้กฎหมายที่สถาปนาขึ้นเอง ก่อนตามมาด้วยคำอธิบายเพื่อสร้างความชอบธรรมต่อการจับกุม
ก็เพื่อเหตุผลเดียว ให้เชื่อฟัง และห้ามโต้เเย้งใดๆ