10 ก.พ. 2559 สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) เผยแพร่แถลงการณ์เนื่องในวาระครบรอบ 1 ปี การสังหาร ‘ใช่ บุญทองเล็ก’ นักต่อสู้เพื่อสิทธิในที่ดิน ชุมชนคลองไทรพัฒนา จ.สุราษฎร์ธานี ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ โดยความคืบหน้าในคดีล่าสุด ศาลจังหวัดเวียงสระนัดตัดสินคดี ในวันที่ 15 มี.ค. 2559 โดยอาจไม่สามารถนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ขณะที่กรณีปัญหาที่ดินของชุมชนคลองไทรยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ แม้ว่าที่คดีความที่ ส.ป.ก. เป็นโจทก์ฟ้องขับไล่ บริษัท จิวกังจุ้ยพัฒนา จำกัด ได้ถึงที่สุดแล้ว
“เมื่อนักต่อสู้เพื่อสิทธิของชุมชนแม้เพียงคนหนึ่งถูกสังหาร นั่นย่อมสะท้อนว่าความชอบธรรมของรัฐในการใช้อำนาจทางปกครองลดลง เพราะอำนาจรัฐมิได้ถูกใช้เพื่อดูแลให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
เมื่อนักต่อสู้เพื่อสิทธิของคนจนได้ถูกกระทำให้ล้มลงไป นั่นย่อมสะท้อนว่า ความยุติธรรมกำลังสูญหาย อำนาจเถื่อนอธรรมกำลังอยู่เหนือกฎหมาย
เมื่อนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนถูกทำลายจนถึงแก่ชีวิต นั่นย่อมสะท้อนว่า สังคมนั้นไร้ซึ่งสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย
ชีวิตอาจถูกทำลายได้ แต่เจตจำนงในการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพและความเป็นธรรมจักซึมซ่านอยู่ในทุกอณูของแผ่นดิน” แถลงการณ์ระบุ
ทั้งนี้ รายละเอียดแถลงการณ์ มีดังนี้
แถลงการณ์ สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) การต่อสู้เพื่อทวงคืนสิทธิอันชอบธรรมในที่ดินเขต ส.ป.ก. จำนวน ๑,๐๐๐ ไร่เศษ ซึ่งที่ดินของรัฐแปลงนี้ตกอยู่ภายใต้การครอบครองปลูกปาล์มน้ำมัน ของบริษัท จิวกังจุ้ยพัฒนา จำกัด มานับตั้งแต่ปี ๒๕๒๘ การต่อสู้ที่แหลมคมในกรณีนี้เป็นชนวนสำคัญที่นำไปสู่การสังหาร ลุงใช่ บุญทองเล็ก (ก่อนหน้านี้สมาชิกของชุมชนคลองไทรฯ ได้ถูกสังหารไปแล้ว ๓ คน และเชื่อได้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้ล้วนเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับการต่อสู้เรื่องที่ดินทำกิน และทุกกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดมาสู่การพิจารณาลงโทษโดยกระบวนการยุติธรรมได้เลย) โดยมือปืนได้บุกเข้าไปยิงซึ่งหน้า ในบ้านพักของครอบครัวลุงใช่ บุญทองเล็ก หมู่ที่ ๒ ตำบลไทรทอง อำเภอชัยบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เหตุเกิดตอนเย็นของวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ มีชีวิตอยู่ด้วยความคับแค้น ตายด้วยความเจ็บปวด การล้มลงของ ลุงใช่ บุญทองเล็ก ผู้นำอาวุโสแห่งชุมชนคลองไทรพัฒนา ได้สะท้อนถึงอิทธิพลเถื่อน อำนาจมืดที่อยู่เหนือกฎหมาย ซึ่งมีบทบาทครอบงำกำกับการจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติ-ทรัพยากรทางสังคม และขัดขวางคนจน-เกษตรกรรายย่อยมิให้สามารถเข้าถึงที่ดินในฐานะที่เป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญ ทั้งยังสะท้อนถึงความพยามผลักดัน ขับไล่ และทำลายความมั่นคงของชุมชนคลองไทร ที่ก่อตั้งขึ้นในพื้นที่นี้มากว่า ๘ ปี ด้วยเจตนารมณ์สำคัญคือ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้พี่น้องเกษตรกรที่ยากไร้ ด้วยความเชื่อมั่นว่า “พลังของคนจนและเกษตรกรรายย่อยเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการปฏิรูปที่ดิน” ประมาณ ๑ ปี ที่ผ่านมา สกต.ได้ร่วมมือกับทนายความด้านสิทธิมนุษยชน และองค์กรที่ทำหน้าที่ปกป้องนักปกป้องสิทธิในระดับชุมชน เพื่อติดตามทวงถามความเป็นธรรมให้ลุงใช่และครอบครัว แต่น่าเศร้าใจเป็นอย่างยิ่ง ที่กระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะในชั้นเจ้าพนักงานสอบสวนขาดความมุ่งมั่นและความจริงจัง รวมทั้ง ขาดความเป็นอิสระในการรวบรวมพยานหลักฐาน และข้อมูลต่างๆ เพื่อเขียนสำนวนประกอบการส่งฟ้องผู้ต้องสงสัย ดังนั้น ในชั้นเจ้าพนักงานอัยการ จึงพิจารณาไม่ส่งฟ้องบุคคลผู้ต้องสงสัยว่าเป็นมือปืน ทั้งที่ญาติของผู้เสียชีวิตได้เป็นประจักษ์พยาน โดยอยู่ในที่เกิดเหตุและได้ชี้ตัวระบุว่า บุคคลนั้นเป็นมือปืนผู้ลงมือสังหารลุงใช่ บุญทองเล็ก ศาลจังหวัดเวียงสระ นัดตัดสินคดีสังหารลุงใช่ บุญทองเล็ก ในวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๙ โดยคาดว่าจะมีเพียงคนขับรถจักรยานยนต์ให้มือปืน เท่านั้น ที่จะถูกลงโทษตามกฎหมาย ในขณะเดียวกัน กระบวนการในการนำที่ดินในความรับผิดชอบของ ส.ป.ก. แปลงซึ่งเป็นที่ตั้งหมู่บ้านและที่ทำกินของชุมชนคลองไทร รวมพื้นที่ ๑,๐๐๐ ไร่เศษ ก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งๆ ที่คดีความที่ ส.ป.ก. เป็นโจทก์ ฟ้องขับไล่ บริษัท จิวกังจุ้ยพัฒนา จำกัด คดีได้ถึงที่สุดแล้ว โดยเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ศาลฎีกาได้พิพากษาให้บริษัทฯ เป็นฝ่ายแพ้คดี และให้ขนย้ายทรัพย์สิน และบริวาร ออกจากพื้นที่พิพาท แต่ทุกอย่างเสมือนคลื่นกระทบฝั่ง ไม่ว่าจะถูกคุคามเข่นฆ่าเช่นไร ในปัจจุบัน สมาชิก สกต. ชุมชนคลองไทรพัฒนา ยังคงยืนหยัดต่อสู้ด้วยความทรหดอดทน เพื่อยืนยันสิทธิในที่ดินของเกษตรกร ที่จะใช้ทำการผลิตสร้างความมั่นคงทางอาหาร เพื่อยืนยันสิทธิชุมชนในการร่วมกันจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ เมื่อนักต่อสู้เพื่อสิทธิของชุมชนแม้เพียงคนหนึ่งถูกสังหาร นั่นย่อมสะท้อนว่าความชอบธรรมของรัฐในการใช้อำนาจทางปกครองลดลง เพราะอำนาจรัฐมิได้ถูกใช้เพื่อดูแลให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เมื่อนักต่อสู้เพื่อสิทธิของคนจนได้ถูกกระทำให้ล้มลงไป นั่นย่อมสะท้อนว่า ความยุติธรรมกำลังสูญหาย อำนาจเถื่อนอธรรมกำลังอยู่เหนือกฎหมาย เมื่อนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนถูกทำลายจนถึงแก่ชีวิต นั่นย่อมสะท้อนว่า สังคมนั้นไร้ซึ่งสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย ชีวิตอาจถูกทำลายได้ แต่เจตจำนงในการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพและความเป็นธรรมจักซึมซ่านอยู่ในทุกอณูของแผ่นดิน แถลง ณ วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ |