เมื่อวันที่ 29-30 มิถุนายน 2566 เครือข่ายพระสงฆ์ภาคอีสานร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดงานมหกรรมบวชสร้างสุข บทบาทพระสงฆ์กับการสร้างสุขภาวะ ณ วัดโพธิการาม ต.โพนสูง อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมจากเครือข่ายต่าง ๆ ในการสนับสนุนงานเครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนา ในการพัฒนาสุขภาวะของพระสงฆ์และใช้หลักธรรมส่งเสริมสุขขภาพชุมชน งานครั้งนี้มีภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมจำนวนมาก ภายในงานมีการแสดงนิทรรศการ ผลงานเครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนา เช่น ส่งเสริมให้มีงานบวชเรียบง่ายไม่เลี้ยงฉลองใหญ่โต เพื่อให้คนที่สนใจบรรพชาได้เข้ามาศึกษาธรรมมะอย่างแท้จริง การพัฒนาวัดเป็นสถานที่วัดปลอดการพนัน ปลอดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการแสดงทางวัฒนธรรม จากสภาวัฒนธรรมอำเภอ โรงเรียนผู้สูงอายุในตำบลต่างๆ ในเขตอำปทุมรัตต์ ทำให้บรรยากาศเป็นอย่างคึกคัก
เครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาภาคอีสานถือว่าเป็นเครือข่ายที่รวมกลุ่มในการทำงานเพื่อสร้างสุขภาวะให้กับชุมชน ประสานความร่วมมือในการทำงาน เชื่อมโยงการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาสำคัญ ๆ ในภาคอีสานที่กำลังเผชิญดังที่กล่าวมา โดยเฉพาะปัญหาสุขภาพพระสงฆ์ที่ถูกละเลยมานาน พระสงฆ์ป่วยติดเตียง เจ็บป่วยด้วยเบาหวาน ความดัน การทำงานของเครือข่ายพระสงฆ์นั้นมีการประสานความร่วมมือตั้งแต่เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ และเจ้าอาวาส ทำงานในทิศเดียวกัน ซึ่งถือว่าเป็นภาพการทำงานที่มีความชัดเจน ผสมผสานระหว่างเครือข่ายภายนอกที่เข้ามาสนับสนุนทางวิชาการ และวิทยากรในการพัฒนาพระสงฆ์
พระเทพวัชรวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดหนองบัวลำภู ที่ปรึกษาโครงการบวชสร้างสุขภาคอีสานตอนบน กล่าวว่า โครงการบวชสร้างสุขเป็นโครงการที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างสังคมแห่งความสุข หากจะทำความเข้าใจคำว่าความสุขประกอบไปด้วย ความสุขกาย และสุขใจ การบวชสร้างสุขนั้นจะส่งผลต่อพระพุทธศาสนาในอนาคตในการที่จะมีผู้สืบทอดศาสนทายาท สิ่งที่สำคัญคือเราจะทำให้วัดกลับมาเป็นจุดศูนย์กลางอย่างในอดีตได้อย่างไร เพราะวัดยังเป็นแหล่งสำคัญทำให้ชาวบ้านเกิดความสุข เป็นที่พึ่งให้กับชาวบ้าน แม้วัดเปลี่ยนแปลงไปตามยุคตามสมัยก็ตาม บทบาทพระสงฆ์ยังมีความสำคัญในการที่จะทำให้ชาวบ้านมีคุณภาพชีวิตที่ดี หากเราช่วยให้ชาวบ้านมีเศรฐกิจที่ดี ก็จะทำให้พระศาสนามีความั่นคงตามไปด้วย แต่หากพูดถึงความสุขใจทางพระพุทธศาสนาหมายถึงความสงบ เราจะพัฒนายกะดับให้ถึงจุดนั้นได้อย่างไร ต้องอาศัยพระสงฆ์ในปัจจุบันที่จะต้องหาแนวทางในการทำงานในลักษณะแบบนี้ และต้องได้รับความร่วมมือจากบ้าน วัด หน่วยงานราชการ ตามหลัก บวร
พระครูโพธิวีรคุณ เจ้าคณะอำเภอปทุมรัตต์และเป็นผู้จัดงาน กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้สืบเนื่องจากเครือข่ายพระสงฆ์ภาคอีสานร่วมกับมูลนิธิสังฆะเพื่อสังคมได้ดำเนินโครงการบวชสร้างสุข มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมบทบาทพระสงฆ์กับการสร้างสุขภาวะชุมชน มีวัดต้นแบบเข้าร่วมจำนวน 10 แห่ง ประกอบไปด้วย จังหวัดร้อยเอ็ด จังวัดมหาสารคาม จังหวัดกาฬสินธุ์ และจังหวัดขอนแก่น วันนี้จึงเป็นการถอดบทเรียนการดำเนินงานวัดต้นแบบในภาคอีสานตอนบน โดยที่ผ่านมาได้มีการจัดทำ MOU ร่วมกันในการขับเคลื่อนงานบวชร้างสุขแบบเรียบง่าย ลดการสิ้นเปลื้องค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ครั้งนี้จึงเป็นการจัดงานมหกรรมบวชสร้างสุข บทบาทพระสงฆ์กับการสร้างสุขภาวะ โดยมีเครือข่ายพระสงฆ์ภาคอื่นเข้าร่วมสังเกตการณ์ได้แก่ ภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคกลาง เพื่อเชื่อมโยงการทำงานในอนาคต
งานครั้งนี้ยังมีเวทีเสวนาถอดบทเรียนการทำงานบวรสร้างสุข ซึ่งมีพระสงฆ์ที่มาร่วมแลกเปลี่ยนจากวัดต้นแบบจำนวน 10 วัดโดยมีบทเรียนสำคัญ อาทิ การบวชสร้างสุข เป็นสร้างคุณค่าความหมายใหม่ให้กับพิธีกรรมงานบวชที่เดิมมีการเลี้ยงฉลองใหญ่โต มีการสิ้นเปลื้องเงินทอง เลี้ยงสุราทำให้เกิดทะเลาะวิวาท การสร้างความหมายของการบวชที่แท้จริงตามพระธรรมวินัย จึงเป็นการทำให้ประชาชนได้เข้าใจหลักการบวชอย่างแท้จริง เป็นการบวชทีมีคุณค่า ความหมาย มากกว่าการบวชเพียงประเพณีเท่านั้น แน่นอนว่าการทำงานที่สวนทางกับค่านิยมของคนส่วนใหญ่ก็ต้องอาศัยการทำงานอย่างต่อเนื่องจึงจะเกิดผลวงกว้าง นอกจากนี้การทำให้เห็นเป็นรูปธรรมว่าการบวชแบบเรียบง่ายก็สามารถบวชได้จริง เริ่มจากกลุ่มคนเล็กๆ แล้วค่อยขยายวงออกไป จนกลายเป็นคุณค่ารูปแบบใหม่ในอนาคตของพุทธศาสนิกชน
การจัดงานครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการที่จะสร้างกระแสและการตื่นตัวในพุทธศาสนิกชนในการจัดงานบวชให้ลูกหลานด้วยความเรียบง่าย ตลอดถึงพระสงฆ์ที่เป็นพระอุปัชฌาย์ที่จะต้องเป็นผู้เตือนสติให้กับญาติโยม ให้เข้าใจแก่นแท้ของการบวช ไม่เพียงแข่งขันจัดงานใหญ่โต เกิดการสิ้นเปลื้องเงินทอง จนกลายเป็นหนี้สินมากมายตามมา นอกจากนี้ยังเป็นวันครบรอบอายุวัฒนมงคลของพระครูโพธิวีรคุณเจ้าคณะอำเภอปทุมรัตต์ พระสงฆ์นักพัฒนาภาคอีสาน ครบรอบอายุ 54 ปี 33 พรรษา การจัดงานครั้งนี้จึงมีการถวายมุทิตาจิตท่านในความเป็นบทบาทพระสงฆ์นักพัฒนาภาคอีสานตอนบน
