ชีวิตนอกกรุง : เปิดเส้นทางท่องเที่ยว อุตรดิตถ์-วังเวียง โอกาสของการเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อจากสปป.ลาว สู่ภาคเหนือของไทย

ชีวิตนอกกรุง : เปิดเส้นทางท่องเที่ยว อุตรดิตถ์-วังเวียง โอกาสของการเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อจากสปป.ลาว สู่ภาคเหนือของไทย

วังเวียง เมืองท่องเที่ยวของ สปป.ลาว

นับตั้งแต่เส้นทางรถไฟลาว-จีนเปิดใช้ครบรอบ 1 ปีเมื่อไม่นานมานี้ การท่องเที่ยวของ สปป.ลาวก็เริ่มคึกคักมากขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีเมืองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างหลวงพระบางและวังเวียง

ไม่เพียงแต่ สปป.ลาว เท่านั้นที่ได้ประโยชน์ ไทยก็ได้อานิสงฆ์จากเส้นทางนี้ แต่ด้วยแนวเส้นทางอยู่ในทิศทางจากเขตเศรษฐกิจพิเศษบ่อเต็น วิ่งจนมาถึงเมืองเวียงจันทน์ของ สปป.ลาว ทำให้โอกาสของไทยดูจะไปกระจุกตัวอยู่แถบภาคอีสานอย่างจังหวัดหนองคาย อุดรธานี เป็นต้น ภาคเหนือของไทยดูเหมือนจะไม่ได้ประโยชน์จากเส้นทางนี้เท่าที่ควร

เส้นทางรถไฟลาว-จีน ที่มุ่งหน้าสู่เวียงจันทน์ และโอกาสเชื่อมต่อไปยังภาคอีสานของไทย

พอทางรถไฟมันสะดวก คนจีนจะไหลลงมาและก็ผ่านมาหลวงพระบาง ผ่านออกทางวังเวียง ผ่านไปทางนครหลวงเวียงจันทน์ แล้วลงไปที่หนองคาย ลงไปที่อุดรธานี ไปทางอีสานครับ เหนือกำลังจะโดนตัด เราจะเสียโอกาสมั๊ย ผมก็เลยคิดว่า เอ๊ะ เราจะต้องพยายามให้อุตรดิตถ์เนี่ยไปเชื่อมต่อ

พี่ตี๋ กิติพงษ์ วิรุฬห์ศรี ผู้ประกอบการท่องเที่ยวชาวอุตรดิตถ์ มีตำแหน่งเป็นนายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดอุตรดิตถ์

พี่ตี๋ กิติพงษ์ วิรุฬห์ศรี เป็นผู้ประกอบการท่องเที่ยวชาวอุตรดิตถ์และเป็นนายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดอุตรดิตถ์ เห็นถึงข้อติดขัดตรงนี้ จึงมีแนวคิดที่จะเชื่อมต่อเส้นทางท่องเที่ยวจากเมืองอุตรดิตถ์ไปยัง สปป.ลาว ผ่านด่านภูดู่ ซึ่งเป็นด่านชายแดนของอุตรดิตถ์ที่ติดกับแขวงไชยะบุรีของสปป.ลาว โดยมีระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตรจากตัวเมืองอุตรดิตถ์ถึงด่านภูดู่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงนิด ๆ

เส้นทางจากตัวเมืองอุตรดิตถ์ถึงด่านภูดู่ ระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร

การขับรถข้ามด่านจากไทยไป สปป.ลาว จำเป็นต้องมีเอกสารเกี่ยวกับรถที่จำเป็น ซึ่งพี่ตี๋ก็ได้อธิบายให้ฟังว่าใช้เพียงเอกสารไม่กี่อย่างก็สามารถขับรถเข้าไปเที่ยวในลาวได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย

 เขาเรียกว่า หนังสืออนุญาตระหว่างประเทศ ละก็ต้องไม่ขาดอายุนะครับ การขอเล่มสีม่วงเนี่ย ก็เอาเล่มสีฟ้าไปที่สำนักงานขนส่งจังหวัด จังหวัดไหนก็ได้ ละก็ไปขอเล่มสีม่วง อายุของเล่มสีม่วงจะได้เท่ากับปีของทะเบียนของแต่ละคัน แล้วเวลามาก็ถ่ายสำเนามาด้วย ถ่ายตั้งแต่หน้าผู้ครอบครองรถ และก็เรื่องภาษี แล้วก็แนบบัตรความเป็นเจ้าของรถ แต่ถ้าเจ้าของรถตัวจริงไม่ได้มาเนี่ย ต้องทำหนังสือมอบอำนาจแล้วก็ติดอาการแสตมป์ 30 บาท และก็มีสำเนาบัตรของผู้มอบและผู้รับมอบมา ก็เอามาผ่านศุลกากร เพื่อนำรถออกไปใช้ต่างประเทศได้ 

พี่ตี๋แสดงเอกสารที่จำเป็นในการขอนำรถเข้าไปขับขี่ใน สปป.ลาว

การเดินทางจากด่านภูดู่มุ่งหน้าสู่วังเวียง สปป.ลาว มีระยะทาง 276 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเกือบ 6 ชั่วโมง เนื่องจากเส้นทางบางจุดอยู่ในระหว่างก่อสร้าง แต่โดยรวมทางส่วนใหญ่ไม่ได้ลำบากมากนัก รถยนต์ทั่วไปสามารถสัญจรได้ตามปกติ

แผนที่เส้นทางจากด่านภูดู่จนถึงวังเวียง

ระหว่างที่เราเดินทาง พี่ตี๋ชักชวนให้แวะเมืองเฟือง สถานที่ท่องเที่ยวปักหมุดแห่งใหม่ที่น่าจับตา ด้วยลักษณะเป็นเมืองที่มีเขาหินปูนรูปร่างแปลกตาทั่วทั้งเมือง และมีบรรยากาศที่เหมาะกับการท่องเที่ยวแนวลุย ๆ ทำเอาเราทึ่งกับทิวทัศน์ที่สวยงามมาก ๆ

เมืองเฟือง สปป.ลาว เมืองท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่น่าจับตา

มืองเฟือง คนส่วนใหญ่มาที่นี่ก็เพราะว่าหลักๆ เลยเขามานอนเรือนแพ สิ่งที่ 2 ก็คือวัด เป็นสิ่งที่ดึงดูดให้ลูกค้ามา หลักๆ ก็คือตัวนี้นะ และก็มีธรรมชาตินี่ล่ะ ที่เห็นภูเขาป่าไม้สวย ภูหินอะไรนี่ ส่วนใหญ่ผมเปิดมาถึงปัจจุบันนี้คือ 80% ยังเป็นคนลาวภายในประเทศเนาะ หลักๆ ก็เป็นคนในเวียงจันทน์ นับตั้งแต่เริ่มเปิดประเทศมาเหมือนว่าคนไทยมาเยอะขึ้น คนจีนก็มีแต่ว่ายังเป็นคนจีนที่อาศัยอยู่ลาว

พี่แอ นะคอนสี ผู้ประกอบการเรือนแพ ชาวสปป.ลาว

แอ นะคอนสี ผู้ประกอบการเรือนแพในเมืองเฟืองเล่าถึงสถานการณ์ความคึกคักของเมืองเฟืองให้ฟัง โดยก่อนหน้านี้การเดินทางมายังเมืองเฟืองค่อนข้างลำบากทำให้การท่องเที่ยวยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แต่พอมีรถไฟลาว-จีน และทางด่วนเวียงจันทน์-วังเวียง ก็เป็นผลพลอยได้ให้เมืองนี้กลายเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

โห แบบหน้ามือเป็นหลังมือ แบบช่วยได้เยอะเลย เมื่อก่อนถ้ามาเมืองเฟืองนี่นะ จากเวียงจันทน์มานี่ก็ โห 4-5 ชั่วโมงนะ ขับมาเมืองเฟืองตอนทางด่วนยังไม่มีเนาะ เข้ามาที่นี่ก็เกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว ทางมันยากมาก หลังจากมีทางด่วนก็เดี๋ยวนี้มาเวียงจันทน์มาวังเวียงก็ ชั่วโมงครึ่ง แบบช่วยได้เยอะเลย ย่นเวลาได้เยอะ

ทางด่วนเวียงจันทน์-บ่อเต็น ช่วงที่ 1 จากเวียงจันทน์ถึงเมืองวังเวียง ซึ่งก่อสร้างเสร็จใช้งานได้ 100%

พี่ตี๋ ในฐานะคนที่มองเห็นข้อดีของเส้นทางท่องเที่ยวนี้ เห็นว่าเป็นโอกาสดีในการเชื่อมต่อกับผู้ประกอบการที่นี่ จึงมีการวางแผนการท่องเที่ยวเชื่อมต่อมายังอุตรดิตถ์ร่วมกับผู้ประกอบการเมืองเฟืองแห่งนี้ครับ

กิจกรรมที่จะพาลูกค้ามาเนี่ย ที่นี่เขาจะมีพายเรือคะยัก ผมก็จะบอกเขาเลยว่าเตรียมซัก 15 ลำ 20 ลำอะไรอย่างนี้ เขาก็จะเอารถกับลูกค้าขึ้นรถไปปล่อยทางเหนือน้ำ และก็พายมา ส่วนนึงก็คือที่เมืองเฟืองเนี่ย รถประจำทาง รถอะไรเขาน้อย วันนี้คนที่จะมาโดยเฉพาะคนไทยที่อยากมาเนี่ย หารถมายาก นั่งรถ 3 ต่อ 4 ต่อ ก็เลยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันว่าเขาก็ควรจะจัดรถ โดยที่เขาบอกเขาได้ประชุมกันกับผู้ประกอบการที่นี่ว่าเราหารถมาบริการรับลูกค้าตั้งแต่หน้าด่านได้เลย เอารถมาส่งถึงนี่และก็มารอ วันรุ่งขึ้นเอาอีกชุดนึงกลับไปส่ง แล้วไปรับชุดใหม่กลับมา ก็เก็ทไอเดีย ก็คิดว่าในอนาคตเมืองเฟืองคงจะเป็นอะไรที่น่าสนใจมากขึ้น

พี่ตี๋แลกเปลี่ยนรูปแบบการรับส่งนักท่องเที่ยวกับผู้ประกอบการชาวลาว

หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศเมืองเฟืองกันเต็มที่ ก็เตรียมเดินทางต่อไปยังวังเวียง พี่ตี๋บอกกับเราว่าจะพาสำรวจทางด่วนเวียงจันทน์-วังเวียง โดยจะพาย้อนไปลอดอุโมงค์ช่วงที่ 1 ของเส้นทางนี้เพื่อให้เราเก็บบรรยากาศ ลักษณะของทางด่วนเส้นนี้ก็จะยกระบบการจำหน่ายตั๋วและลักษณะการเดินรถมาจากประเทศจีนแทบทั้งหมด

ข้อมูลเบื้องต้นพี่ตี๋บอกเราว่าทางด่วนเส้นนี้มีแผนก่อสร้างจากเวียงจันทน์ไปจนถึงบ่อเต็นเมืองชายแดนที่ติดกับจีน เส้นทางเวียงจันทน์-วังเวียงที่เราวิ่งอยู่นี้เป็นเพียงโครงการระยะที่ 1 แผนระยะต่อไปที่เริ่มลงมือก่อสร้างแล้วคือเส้นทางจากวังเวียงต่อไปจนถึงหลวงพระบาง ถ้าสำเร็จจะย่นระยะทางได้อีกหลายชั่วโมงเพราะไม่ต้องขับรถปีนเทือกเขาสูงชันอีกต่อไป โดยจะเป็นถนนเส้นตรงเจาะทะลุเขาเหมือนอุโมงค์ที่เราเพิ่งลอดผ่านไป ฟังพี่ตี๋อธิบายจนเพลิน ในที่สุดเราก็มาถึงวังเวียง ซึ่งทำเราอึ้งกับภาพด่านเก็บเงินวังเวียงที่มีฉากหลังเป็นภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ในตัวเมืองวังเวียงครับ

ด่านเก็บเงินวังเวียง ฉากหลังเป็นภูเขาหินปูนขนาดใหญ่

พี่ตี๋บอกกับเราว่าการทำธุรกิจท่องเที่ยวผ่านเส้นทางนี้ ก็เพื่อแสดงให้ทุกคนในประเทศไทยโดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ เห็นถึงศักยภาพของการท่องเที่ยวบนเส้นทางอุตรดิตถ์-วังเวียงเส้นนี้ และต้องการผลักดันระบบขนส่งเพื่อให้เกิดเส้นทางขนส่งหรือระบบ บขส. จากอุตรดิตถ์มาวังเวียง ซึ่งมีความพยายามผลักดันมาหลายต่อหลายครั้ง หากเส้นทางนี้สำเร็จ อุตรดิตถ์จะกลายเป็น Hub เชื่อมต่อระบบขนส่งจากเส้นทางรถไฟลาว-จีนสู่ภาคเหนืออย่างแท้จริง

เครือข่ายการเชื่อมต่อในอนาคต หากเส้นทาง บขส.อุตรดิตถ์-วังเวียง สำเร็จ

ก็เกิดไอเดียว่า อยากจะทำเส้นทาง บขส. จากอุตรดิตถ์มาวังเวียง เพื่อที่จะให้คนทั้งภาคเหนือเนี่ย มีโอกาสเชื่อมต่อมากับทางรถไฟ และที่สำคัญคือ คนที่เดินทางมาทางรถไฟ ไม่ว่าจะเป็นคนจีนหรือเป็นยุโรป หรืออเมริกา ต่างชาติ ที่อยู่ที่วังเวียงเนี่ย อยากไปภาคเหนือของไทย ก็เดินทางโดยบขส. เข้าไปที่อุตรดิถต์ พอถึงอุตรดิตถ์ปั๊บ คุณอยากไปสุโขทัย ไปพิษณุโลก ไปตาก คุณจะไปเชียงใหม่ หรือไปปาย ไปเชียงราย ไปพะเยา แพร่ น่าน ไปได้หมดเลย เพราะอุตรดิตถ์จะกลายเป็น Hub ขึ้นมาทันที

พี่ตี๋เน้นย้ำถึงโอกาสของอุตรดิตถ์ หากมีเส้นทางเชื่อมต่อ บขส.อุตรดิตถ์-วังเวียง

พอฟังพี่กิตติพงษ์เล่าก็เห็นภาพเลยว่าอุตรดิตถ์จะใช้โอกาสนี้ เพื่อขยับตัวเองไปเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและโลจิสติกส์ได้ หากนักท่องเที่ยวมาถึงวังเวียงก็จะสามารถท่องเที่ยวต่อไปเวียงจันทน์หรือหลวงพระบางได้ทั้งทางรถไฟลาว-จีนและทางด่วนสายเวียงจันทน์-วังเวียง กลับกันนักท่องเที่ยวที่มาทางรถไฟก็สามารถมาเที่ยวภาคเหนือของไทยได้ด้วยบริการ บขส. จนถึงอุตรดิตถ์

มาถึงตรงนี้แล้ว เราก็ได้เห็นถึงความพยายามของคนอุตรดิตถ์ ที่ต้องการผลักดันเมืองของตัวเองแล้วรู้สึกตื่นเต้นไปด้วย อยากเห็นภาพอนาคตของพวกเขาเร็ว ๆ แล้วว่าแนวคิดของพวกเขาจะเดินหน้าไปได้ไกลแค่ไหนกับทิศทางของโลกที่ขยับตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ