“เรือลำเล็กของเรา นำความหวังของเรา ความหวังของเพื่อน ๆ ความหวังของคนทุกข์ยากที่จะมีอาหารครบมื้อ เราหวังที่จะให้ปลาทูกลับมาอยู่ในครัวไทยอีกครั้ง ณ วันนี้ เราทอดสมออยู่ต่อหน้าที่ทำการรัฐสภา ที่ทำงานของผู้แทนประชาชนทั้งประเทศ สำเร็จแล้ว “
เป็นใจความตอนหนึ่งในแถลงการณ์ ทวงคืนน้ำพริกปลาทู : หยุดจับ หยุดซื้อ หยุดขาย สัตว์น้ำวัยอ่อน ฉบับที่ 3 ของขบวนทวง ภาคีทวงคืนน้ำพริกปลาทู โดยสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทยและและสมาคมรักษ์ทะเลไทย ขอให้ยุติการจับสัตว์น้ำวัยอ่อนที่เป็นต้นเหตุให้ปริมาณสัตว์น้ำเศรษฐกิจลดลงอย่างมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
วันนี้ (8 มิ.ย 65) ขบวนภาคีทวงคืนน้ำพริกปลาทู โดยสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทยและสมาคมรักษ์ทะเลไทย เดินเรือจากสวนสันติชัยปราการมายังรัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือถึง นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ขอให้เร่งรัดกระบวนการคุ้มครองสัตว์น้ำเศรษฐกิจวัยอ่อนและสัตว์น้ำขนาดเล็กผ่านกระบวนการรัฐสภาและ แจ้งเวียนเอกสารแก่สมาชิกรัฐสภาติดตามกระบวนการแก้ไขปัญหาสัตว์น้ำเศรษฐกิจวัยอ่อนสู่การจัดการอาหารทะเลไทยอย่างยั่งยืน เนื่องในวันมหาสมุทรโลก 2565
โดยให้ใช้อำนาจของรัฐมนตรีที่ระบุไว้ในมาตรา 57 ของพระราชบัญญัติการประมงแห่งชาติ พ.ศ. 2558 ว่า ห้ามมิให้ผู้ใดจับสัตว์น้ำหรือนําสัตว์น้ำที่มีขนาดเล็กกว่าที่รัฐมนตรีประกาศกําหนดขึ้นเรือประมง แต่ยังไม่ปรากฏว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะประกาศกำหนดตามบัญญัติมาตราดังกล่าวแต่อย่างใด ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ชาวประมงพื้นบ้านและต่อเศรษฐกิจ ขอให้รัฐสภาทำหน้าที่กำกับตรวจสอบการบริหารของรัฐบาลผ่านกระบวนการของรัฐสภา โดยเน้นย้ำให้สนับสนุนและติดตามกระบวนการแก้ไขปัญหาสัตว์น้ำเศรษฐกิจวัยอ่อนผ่านกระบวนการรัฐสภา
พร้อมออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 บรรลุภารกิจส่งมอบข่าวสาร #ทวงคืนน้ำพริกปลาทู : หยุดจับ หยุดซื้อ หยุดขาย สัตว์น้ำวัยอ่อน
เราบากบั่นล่องเรือเดินทาง มาถึงที่นี่ เพื่อนำสารเล็กๆเรื่องหนึ่ง มาบอก…ณ ที่ซึ่งห่างจากแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งนี้ ไกลออกไปจนสุดเขตแดนประเทศทางทะเล ที่นั่นมีกุ้ง มีปลาหลากพันธ์ มีโลมาสีชมพู มีพะยูน มีวาฬตัวใหญ่ ทั้งหมดนั้น เราท่านทั้งหลายสามารถชื่นชมและแบ่งปันพึ่งพาเป็นอาหารพอให้เราอิ่มท้องทุกคน
เรามาถึงที่นี่เพื่อบอกว่า อุตสาหกรรมอาหารทะเลไทย กำลังทำลายสรรพสิ่งเหล่านั้นมากเกินไป ทำร้ายชาวประมงพื้นบ้านขนาดเล็กหลายแสนคนที่จะมีรายได้เลี้ยงชีพ ทำลายโอกาสทางเศรษฐกิจนับพันหมื่นล้านบาทต่อปี ทำลายโอกาสของคนเล็กคนน้อยทั่วประเทศ ที่จะได้กินอาหารที่มีคุณค่า ไม่ทำร้ายธรรมชาติ และราคาเป็นธรรม
เรามาเพื่อเตือนว่า โดยไม่รู้ตัว เราท่านกำลังปล่อยให้ มีการนำสัตว์น้ำในทะเลที่ปนเปื้อน “ลูกอ่อนทารกของสัตว์น้ำทะเล” ไปป่นละเอียด ปนลงไปในอาหารเลี้ยงน้องแมว ที่เราทั้งหลายรัก มากกว่าสามร้อยล้านกิโลกรัมต่อปี แต่นำเข้าปลาจากประเทศที่ห่างออกไปแช่แข็งแรมเดือน มาขายเลี้ยงเพื่อนของเรา
เรารู้ว่า ทั่วทั้งโลกกำลังจะขาดแคลนอาหาร อาหารคุณภาพดียิ่งราคาแพงขึ้น แพงขึ้น เพื่อน ๆ ของเราที่มีรายได้น้อยหรือปานกลาง จะไม่สามารถเข้าถึงได้อีกในอนาคตใกล้ ๆ นี้ เรามา เพื่อยืนยันกับท่านทั้งหลายว่า ทั้งชาวประมงผู้จับสัตว์น้ำผู้ที่มีบทบาทซื้อขาย ผู้ที่กินอาหารทะเล และซื้ออาหารสัตว์ไปเลี้ยงน้องแมวและสุนัข ต่างมีส่วนต้องรับผิดชอบกับต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นร่วมกัน เรามาที่นี่ เพื่อบอกว่า ผู้รับผิดชอบบริหารดูแลการประมง แทนพวกท่าน ไม่ยินยอมที่จะให้เรา ปกป้องตัวอ่อนสัตว์น้ำเพื่อปล่อยให้สัตว์ทะเลทั้งหลายนั้นได้เติบโต เขาไม่ยอมที่จะประกาศชื่อสัตว์น้ำขนาดที่ไม่ควรจับแม้แต่ชนิดเดียว
เรือลำเล็กของเรา นำความหวังของเรา ความหวังของเพื่อน ๆ ความหวังของคนทุกข์ยากที่จะมีอาหารครบมื้อ เราหวังที่จะให้ปลาทูกลับมาอยู่ในครัวไทยอีกครั้ง ณ วันนี้ เราทอดสมออยู่ต่อหน้าที่ทำการรัฐสภา ที่ทำงานของผู้แทนประชาชนทั้งประเทศ สำเร็จแล้ว
เราได้ยื่นข้อเสนอต่อตัวแทนรัฐบาล พวกเขาบอกว่าเห็นด้วยในการคุ้มครองสัตว์น้ำวัยอ่อน และจะเร่งมือแก้ไขปัญหา และเราจะเข้าไปบอกกล่าวโดยตรงกับผู้แทนของประชาชนทั่วประเทศ ในรัฐสภาแห่งนี้
แม้ว่าดูเหมือนสิ้นหวัง สายน้ำยังดำคล้ำส่งกลิ่น แต่เรายืนยันว่า ณ ที่เราผ่านทางมา ยังมีความหวัง ยังมีสายน้ำใสสะอาด มีปลาแหวกว่าย มีหาดทรายขาว ยังมีทุกสิ่งอย่างที่เหลืออยู่ เพียงพอให้เราไม่ยอมแพ้