เลี้ยงปลาไหลในบ่อซีเมนต์ สร้างรายได้ สร้างอาชีพ

เลี้ยงปลาไหลในบ่อซีเมนต์ สร้างรายได้ สร้างอาชีพ

ปลาไหล (eel) สัตว์น้ำจืดที่คุ้นเคยของประเทศไทย ไม่เพียงเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศในเมนูอาหารพื้นบ้านของจังหวัดสุรินทร์ หากยังเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้ชุมชนปีละหลายล้านบาท แต่จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การขยายพื้นที่ของชุมชนเมือง การทำลายแหล่งน้ำธรรมชาติ การปล่อยของเสียลงสู่แม่น้ำ รวมถึงการใช้สารเคมีภาคการเกษตร ทำให้ปริมาณปลาไหลจากแหล่งน้ำธรรมชาติมีจำนวนลดน้อยลงอย่างมาก

ปลาไหล มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Monopterus albus Zuiew ปลาไหลที่พบตามแหล่งน้ำธรรมชาติที่ค่อนข้างนิ่ง เช่น คูน้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง เรียกว่า ปลาไหลบึง (swamp eel) ส่วนปลาไหลที่เจริญเติบโตในนาข้าว เรียกว่า ปลาไหลนา (rice-field eel) หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “เอี่ยน) ปลาไหลอาศัยอยู่ตามพื้นโคลนที่มีซากพืชซากสัตว์เน่าเปื่อยสะสม ปกคลุมด้วยวัชพืชที่ชื้นแฉะ ในฤดูแล้งขุดรูลึก 1-1.5 เมตร ฝังตัวในลักษณะจำศีลใต้พื้นโคลน และสามารถอาศัยอยู่ในที่แห้งแล้งได้นาน

ลักษณะของปลาไหลนา                   

รูปร่างคล้ายงูไม่มีเกล็ด มีตาขนาดเล็ก 1 คู่บริเวณหัว ปลายหางแบนยาว มีสองเพศในตัวเดียวกัน ในช่วงวัยอ่อนจะเป็นเพศผู้ เมื่อเจริญเติบโตขึ้นจะเปลี่ยนเป็นเพศเมีย ซึ่งจะสังเกตได้ในช่วยอายุ 4-6 เดือน ความยาว 25-150 เซนติ เมตร สายพันธุ์ที่พบในประเทศไทยได้แก่ ปลาไหลนา ปลาไหลแดง หรือปลาหล่อย ปลาไหลหลาด หรือปลาไหลงู

รูปแบบการวางไข่

.วางไข่บริเวณกอหญ้าหรือพืชน้ำ เพศเมียและเพศผู้จะจับคู่และก่อหวอด เพศเมียทั้งหมดใช้ปากดูดไข่ที่ผสมเชื้อแล้วพ่นติดกันกับหวอด เกาะเป็นกลุ่มบริเวณกอหญ้าบนผิวน้ำ

๒.วางไข่ปากรู เพศเมียใช้ลำตัวดันดินปากรูให้เป็นโพรงสูงกว่าระดับน้ำประมาณ 1 นิ้ว เพื่อให้ไข่ลอยอยู่ในโพรงได้ เพศเมียจะคอยระวังศัตรูอยู่ภายในรู เฝ้าดูไข่จนฟักเป็นตัวและเลี้ยงลูกจนมีขนาด 3-4 นิ้ว ลูกปลาจะกินซากพืชและสัตว์หรือแมลงน้ำตัวเล็กๆ

การเลี้ยงปลาไหลในท่อซีเมนต์

การเตรียมบ่อ หากใช้บ่อซีเมนต์ใหม่ ต้องกำจัดฤทธิ์ซีเมนต์ด้วยด่างทับทิม เกลือสินเธาว์ หรือ ต้นกล้วยสับผสมน้ำแช่ทิ้งไว้ 1-2 สัปดาห์ ล้างทำความสะอาดและตากบ่อ 1 วัน เพื่อลดความเป็นด่างของบ่อ เติมน้ำให้พ้นจากผิวดิน 10 เซนติเมตร ใส่ดินเลนหรือดินที่มาจากแหล่งชุกชุมของปลาไหลตามธรรมชาติลงในบ่อเลี้ยงสูงประมาณ 15-30 เซนติเมตร ใส่พืชน้ำ เช่น ผักบุ้ง แหน ผักตบ เพื่อเป็นที่พักอาศัยอำพรางตัว คลายร้อน และเพิ่มออกซิเจนในน้ำ คุณสมบัติของน้ำที่เหมาะสมสำหรับเลี้ยงปลาไหล ควรมีค่าความเป็นกรด-ด่าง (ph) 6.5-8.5 อุณหภูมิน้ำประมาณ 19-28 องศาเซลเซียส ออกซิเจนในน้ำไม่ต่ำกว่า 5.0 มิลลิกรัม/ลิตร ก่อนปล่อยลูกปลาไหลลงบ่อ ควรปรับอุณหภูมิน้ำในบ่อให้ใกล้เคียงกันเพื่อป้องกันปลาช็อค โดยแช่ภาชนะขนส่งในบ่อก่อนปล่อยลงบ่อเลี้ยงประมาณ 30 นาที ฉาบพื้นผิวบ่อให้เรียบป้องกันการเป็นแผลถลอก

พ่อพันธุ์แม่พันธุ์

-เลือกพ่อพันธุ์ที่มีน้ำหนัก 300-420 กรัม ลำตัวยาว 60 เซนติเมตร แม่พันธุ์ที่มีน้ำหนัก 70-250 กรัม ลำตัวยาว 29-50 เซนติเมตร

-ปล่อยพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ในสัดส่วน (เพศผู้ : เพศเมีย) 1:3 ต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร

-ลูกปลาไหลเมื่ออายุ 2 สัปดาห์ นำแม่พันธุ์ออกจากบ่อซีเมนต์ เพื่อป้องกันการกินลูกตัวเอง

การให้อาหาร

-ให้อาหารเสริมปลาไหล 2วัน/ครั้ง ได้แก่ อาหารสำเร็จรูป อาหารปลาดุก อาหารปลานิล อาหารลูกอ๊อด ต้นกล้วยสับ โดยสังเกตตามขนาด เช่น ขนาดความยาว 2.5-3 เซนติเมตร กินสิ่งมีชีวิตเล็กๆวันละ 2 ครั้ง ยาว 5 เซนติเมตร ฝึกให้กินอาหารสำเร็จรูปร่วมกับแหนแดง ยาว 8-10 เซนติเมตรหรืออายุ 6 สัปดาห์ เริ่มให้ปลาสดบดวันละ 2 ครั้ง ปลาไหลมีนิสัยรวมกลุ่มอยู่อาศัยหรือกินอาหาร ชอบกินอาหารในที่มืดแทะกินเนื้อสัตว์ที่ตายแล้วทั้งสภาพสดที่มีกลิ่นคาวจัดจนเน่าเปื่อยมีกลิ่นเหม็น รวมถึงลูกปลาขนาดเล็ก ตัวอ่อนแมลง ไส้เดือน หอยเชอรี่ กุ้งฝอย หรือสัตว์หน้าดินต่าง ๆ ซากวัชพืชที่มีสิ่งมีชีวิตเล็กๆเกาะอาศัยอยู่

ข้อควรระวัง

  1. การพ่อพันธุ์แม่พันธุ์จากธรรมชาติเข้ามาเลี้ยงควรระมัดระวังในเรื่องการลำเลียง ไม่ควรให้หนาแน่นมากเกินไป จะทำให้ปลาไหลบอบช้ำได้
  2. การนำปลาไหลมาเลี้ยงควรคัดขนาดและอายุที่ไม่ต่างกันมากนักเพื่อลดปัญหาการกัดกินกันเอง
  3. การนำปลาไหลมาเลี้ยงควรพักไว้ในถังหรือกาละมังประมาณ 3-4 วันก่อนลงบ่อเลี้ยง
  4. อาหารที่ให้ปลาไหลในช่วงแรกไม่ควรแตกต่างจากที่เคยกินในธรรมชาติ (หอย, ปลาสับ)เนื่องจากปลาไหลจะไม่ยอมกินอาหาร
  5. เมื่อพบปลาไหลแสดงอาการผิดปกติหรือป่วยควรรีบตรวจสอบสาเหตุและแก้ไขทันที เลือกใช้ยารักษาโรคหรือสารเคมีที่เหมาะสม การรักษาอาการป่วยเมื่อเริ่มพบปัญหา จะช่วยให้การรักษาได้ผลดีและประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษา

วิธีการเลี้ยงปลาไหลอย่างถูกวิธีเพื่อลดการสูญเสียรวมถึงวิธีการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการเลี้ยงปลาไหลนอกจากขายพันธุ์ หรือขายสดด้วยการแปรรูปที่หลากหลาย เช่น ปลาไหลต้มเปรต ผัดเผ็ดปลาไหล หลามปลาไหล ปลาไหลแดดเดียว ต้มแซ่บปลาไหล เป็นต้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า

การสังเกตลักษณะการป่วยของปลาไหล

  1. ปลาไหลจะออกจากรูดินลอยอยู่ในน้ำบ่อย และหุบเอาอากาศบ่อยๆ วิธีแก้ไขคือ ควรแยกปลาไหลออกมาพักนอกบ่อ โดยใส่ถังหรือกาละมังไว้ เปลี่ยนน้ำทุกๆ 3-5 วัน ดูความแข็งแรง หากไม่แข็งแรงให้ใช้ด่างทับทิมแช่ไว้ประมาณ 1 วัน เปลี่ยนน้ำให้บ่อยที่สุด ตรวจสอบคุณภาพน้ำ หรือล้างพักบ่อทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์
  2. ปลาไหลมีแผล วิธีแก้ไขคือ แช่ด่างทับทิม จำนวน 1-3 กรัมต่อน้ำ 1,000 ลิตรแช่นาน 1 วัน เปลี่ยนน้ำทุกวัน ประมาณ 3-5 วัน ดูความแข็งแรงแล้วปล่อยลงบ่อซีเมนต์เหมือนเดิม ส่วนมากเกษตรกรจะใช้วิธีเปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ ล้างบ่อ พักบ่อ และสุดท้าย จะใช้ด่างทับทิมในการรักษาปลาไหลเมื่อป่วยหรือมีอาการข้างต้น

การดูแลจัดการ                    

สังเกตพฤติกรรมการกินอาหารของปลาไหล ปรับปริมาณอาหารให้พอดีตามความต้องการ หากให้อาหารสด ควรเปลี่ยนน้ำอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง หากเป็นอาหารสำเร็จรูปควรเปลี่ยนน้ำทุก ๆ 10-20 วัน เพราะคุณภาพน้ำส่งผลต่อการเจริญเติบโตของปลาไหล และอัตราการรอดสูงลดความเสี่ยงการเกิดโรค รวมถึงการโกยดินในบ่อเลี้ยงอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งเพื่อดูปริมาณไข่ การเจริญเติบโต และจำนวนประชากรของปลาไหล

ต้นทุนต่ำ กำไรงาม

การเลี้ยงปลาไหลนา 1 บ่อ ได้ลูกปลาไหล 30-60 ตัว/บ่อ น้ำหนัก 4-6 ขีด/ตัว ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 4-6 เดือน ก็สามารถนำไปขายได้ โดยราคาขายอยู่ที่ กิโลกรัมละ 200 บาท 1 บ่อจะได้เงินประมาณ 5000-8000 บาท ที่มากกว่านั้นคือหากเราเลี้ยงเพื่อขยายพันธุ์สามารถจำหน่ายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ได้ถึงคู่ละ 500-1000 บาท เลยทีเดียว ส่วนลูกพันธุ์ที่มีขนาด 10-15 เซนติเมตรสามารถจำหน่ายได้ถึงตัวละ 15 บาท เพียงแค่ลงทุนวงบ่อซีเมนต์ 450 บาท อาหารสำเร็จรูป 80 บาท ส่วนพ่อพันธุ์แม่พันธุ์จากธรรมชาติก็ได้โดยไม่ต้องซื้อ ก็สามารถสร้างกำไรได้อย่างงดงาม

การแปรรูป                   

ในจังหวัดสุรินทร์ มีการเลี้ยงปลาไหลในพื้นที่ 3 อำเภอได้แก่ อำเภอชุมพลบุรี อำเภอรัตนบุรี และอำเภอสนม ซึ่งก็คงยังไม่แพร่หลายเท่าที่ควร สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดสุรินทร์ ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฎสุรินทร์ มองเห็นความสำคัญในเรื่องดังกล่าวจึงพยายามที่จะร่วมกันส่งเสริมและขยายผลให้เกษตรกรได้เลี้ยงเป็นอาชีพที่จะสร้างรายได้เพิ่มเติมเป็นอาชีพรอง หรืออาชีพหลักก็ได้ โดยการอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการเลี้ยงปลาไหล เพื่อให้เกษตรกรที่สนใจได้เข้าใจในกระบวนการ ขั้นตอน วิธีการเลี้ยงปลาไหลอย่างถูกวิธีเพื่อลดการสูญเสียรวมถึงวิธีการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการเลี้ยงปลาไหลนอกจากขายพันธุ์ หรือขายสดด้วยการแปรรูปที่หลากหลาย เช่น ปลาไหลต้มเปรต ผัดเผ็ดปลาไหล หลามปลาไหล ปลาไหลแดดเดียว ต้มแซ่บปลาไหล เป็นต้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า

ข้อมูลโดย  อ.นิชาภา  เฉตระการ

คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฎสุรินทร์

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

Prev

May 2025

Next

Mon

Tue

Wed

Thu

Fri

Sat

Sun

28
29
30
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
1

15 May 2025

Nothing to show.

เข้าสู่ระบบ