จับตาแรงงานเคลื่อนย้าย หลังมาเลเซียขีดเส้นตายส่งกลับ 21 เม.ย.นี้

จับตาแรงงานเคลื่อนย้าย หลังมาเลเซียขีดเส้นตายส่งกลับ 21 เม.ย.นี้

นับถอยหลังมาเลเซียหวั่นโควิดลาม ขีดเส้นตายให้แรงงานออกนอกประเทศ 21 เม.ย.นี้ ส่งผลด่านชายแดนใต้ทุกพื้นที่ต้องเตรียมการรับทั้งผู้ปฏิบัติงานสาธารณสุขชายแดน และอสม. ในพื้นที่ ที่ต้องทำงานเชิงรุก เชียงใหม่เตือนอำเภอรอบนอก หลังผู้ป่วยเพิ่มสูง ขณะที่อำเภอเมืองผู้ป่วยลด ด้านผู้ที่อยู่ในโรงพยาบาลสนามล็อตแรกทยอยกลับบ้าน ด้านบุคลากรโรงพยาบาลขอนแก่นต้องกักตัวอื้อ เร่งหาทีมเสริม

ทีมสื่อพลเมืองร่วมกับเครือข่ายนักข่าวพลเมือง ติดตามสถานการณ์การระบาดโควิด 19 วันที่ 19 เมษายน  2654 พบประเด็นที่น่าสนใจหลายประเด็น

ใต้จับตามาเลเซียขีดเส้นตายแรงงานกลับบ้าน

เหลือเวลาเพียง 2 วันหลังจากทางการมาเลเซียกำหนดเส้นตายให้ชาวต่างชาติที่อาศัยในเมืองต้องออกจากประเทศก่อน 21 เม.ย.64 โดยเฉพาะกลุ่มคนไทยที่อยู่ในมาเลเซีย เเต่หลักฐานการเดินทาง การทำงาน หรือการอาศัยอยู่หมดอายุ ต้องเดินทางกลับประเทศตามกำหนดที่ประกาศนี้และจะต้องชำระค่าปรับตามระเบียบของมาเลเซียด้วย หลังจากที่ได้มีการผ่อนผันมาแล้วหลายครั้ง

ภาพกราฟิกจาก https://www.facebook.com/SouthernThaiPBS/photos/a.576429142408040/4100398976677688/

การออกประกาศครั้งนี้ เป็นผลมาจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในมาเลเซีย มีตัวเลขผู้ป่วยไม่ต่ำกว่าวันละ 2,000 คน ซึ่งพบว่า มีคนไทยในมาเลเซียยื่นลงทะเบียนขอกลับอย่างต่อเนื่อง และจังหวัดสงขลาได้เตรียมสถานที่กักตัวรองรับการกลับมาของคนไทยกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตาม จังหวัดชายแดนของไทยที่มีพรมแดนติดกับมาเลเซียมีด่านหลายแห่ง เช่น ที่ จ.สงขลามีด่านสะเดา – ปาดังเบซาร์ จ.นราธิวาส มีด่านสุไหงโกลก – ตากใบ จ.ยะลามีด่านเบตง และจ.สตูลมี ด่านวังประจัน นอกจากนั้นยังมีช่องทางธรรมชาติที่ถ้ากลับเข้ามาได้จะเดินทางกลับไปยังบ้านของตัวเองเลย ทำให้มีความเสี่ยงที่จะนำเชื้อเข้ามาได้ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการทำงานของกลุ่มสาธารณสุขชายแดน และอสม. ในพื้นที่ ที่ต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้น ทั้งนี้มีรายงานว่า แรงงานไทยในมาเลเซียมีทั้งสิ้นกว่า 200,000 คน

ส่วนที่ จ.ปัตตานี มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี ประกาศงดการละหมาดที่มัสยิด รวมถึงการละศีลอด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 เนื่องจากมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานีจะมีคนเข้าร่วมละหมาดจำนวนมากในช่วงเดือนรอมฎอน แต่ด้วยความเป็นจังหวัดที่ขนาบข้างด้วยจังหวัดที่มีการพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากอย่างสงขลา และนราธิวาส บวกกับในตัวจังหวัดปัตตานีเองก็พบผู้ป่วยโควิด-19 ระลอกเดือนเมษายนจำนวน 7 ราย การปิดมัสยิดในครั้งนี้จึงเป็นการเตรียมรับมือสถานการณ์แต่ต้น

ส่วนที่ อ.กะเปอร์ จ.ระนอง เป็นพื้นที่เสี่ยงหลังพบบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อโควิด-19 ในโรงพยาบาลกะเปอร์ 3 คน ทำให้โรงพยาบาลต้องปิดรับผู้ป่วยนอกชั่วคราว และมีเจ้าหน้าที่ที่สัมผัสเสี่ยงสูงมากกว่า 10 คน ทางโรงพยาบาลได้จัดเตรียมเตียงสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ไว้ 30 เตียง เพื่อรองรับเจ้าหน้าที่และคาดการณ์ไว้ว่าจะมีผู้มารับบริการติดเชื้อด้วย

ทีมสื่อพลเมืองภาคเหนือสำรวจสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ประจำวันที่ 18 เมษายน 2564 เวลา 21.00 น.ของ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน คือ

  1. เชียงใหม่ 2,233 ราย
  2. ลำพูน 141 ราย
  3. เชียงราย 140 ราย
  4. ลำปาง 119 ราย
  5. พะเยา 48 ราย
  6. น่าน 45 ราย
  7. แพร่ 44 ราย
  8. แม่ฮ่องสอน 28 ราย

ส่วนภาคเหนือตอนล่าง จำนวนผู้ป่วย ณ วันที่ 18 เมษายน 2564 เวลา 17.00 น. คือ

  1. นครสวรรค์ 178  ราย
  2. พิษณุโลก 156 ราย
  3. อุตรดิตถ์ 44 ราย
  4. เพชรบูรณ์ 31 ราย
  5. กำแพงเพชร 28ราย
  6. ตาก 32 ราย
  7. สุโขทัย 16 ราย
  8. อุทัยธานี 8 ราย
  9. พิจิตร 7 ราย

ลำพูนเปิดโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2

ทั้งนี้มีความเคลื่อนไหวสำคัญคือ จังหวัดลำพูนเตรียมเร่งเปิดโรงพยาบาลสนามเพิ่มเเห่งที่ 2 จำนวนเตียง 101 เตียง หลังพบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดผู้ติดเชื้อสะสมแล้ว 141 และโรงพยาบาลลำพูนเตียงกำลังจะเต็มแล้ว ขณะที่โรงพยาบาลสนามมีพื้นที่เหลืออยู่จำนวน 51 เตียง จึงเตรียมจะย้ายผู้ป่วยที่มีอาการไม่มากไปอยู่ที่โรงพยาบาลสนาม เพื่อเปิดพื้นที่ในโรงพยาบาลให้แก่ผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก โดยโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 ของลำพูนจะใช้ ห้องประชุมขององค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูนเป็นโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ใน 1-2 วัน

โดยเปิดรับสิ่งของที่ประชาชนอยากจะสนับสนุนให้แก่ บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่และผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 คือ ผ้าเช็ดตัว กระดาษทิชชู แชมพู สบู่ น้ำดื่ม และสิ่งของที่จำเป็น เพื่อใช้งานสำหรับเจ้าหน้าที่ที่จะต้องทำความสะอาดร่างกายทุกครั้งที่เข้าไปดูแลรักษาผู้ป่วย และผู้ป่วยเองที่ลืมนำติดตัวมาที่โรงพยาบาลสนาม หรือจะจองวันเตรียมอาหารให้แก่เจ้าหน้าที่และผู้ป่วยก็สามารถทำได้

สามารถแจ้งวันที่ที่จะไปบริจาคอาหารว่ามีกี่กล่อง หากขาดอาหารกี่กล่องทางโรงพยาบาลสนามก็จะจัดซื้อเพิ่มเติมก็จะทำให้ในแต่ละวันอาหารจะไม่ขาดและไม่เกิน  ทั้งนี้ประชาชนสามารถนำสิ่งของไปบริจาคได้ที่ชั้น 1 อาคารมะลิ โรงพยาบาลลำพูนเพียงแห่งเดียว ติดต่อและสอบถามได้ที่หมายเลข 065 – 472 3714 หรือ 065 -472 3715 ตั้งแต่เวลา 08.30 – 20.00 น. ทุกวัน  

จังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดศูนย์ห่วงใยเมืองสามหมอก ที่อาคารยิมเนเซียม สนามกีฬากลางจังหวัด เป็นโรงพยาบาลสนาม เพื่อให้ผู้ป่วยโควิด-19 จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลระยะหนึ่งและไม่มีอาการแทรกซ้อนมาพักรักษาให้ครบตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อบรรเทาความแออัดและลดภาระงานในโรงพยาบาล เบื้องต้นพร้อมรับผู้ป่วยได้ 50 เตียง และหากมีผู้ป่วยมากขึ้นก็สามารถเพิ่มเตียงได้ เป็นการทำงานร่วมกันของทีมสุขภาพจากโรงพยาบาลศรีสังวาลย์ ธัญญารักษ์แม่ฮ่องสอน ปางมะผ้า ขุนยวม และแม่ลาน้อย ที่หมุนเวียนมาดูแลสุขภาพผู้ป่วย ร่วมกับทีมดูแลด้านสุขภาพจิต สิ่งแวดล้อมในพื้นที่  และจ.แม่ฮ่องสอน ออกคำสั่งให้ผู้เดินทางเข้ามายังพื้นที่ทุกช่องทางต้องสแกน QR Code “สวัสดีแม่ฮ่องสอน” หรือ บันทึกภาพบัตรประจำตัวประชาชน ณ จุดตรวจค้นที่กำหนด เพื่อให้ติดตามได้ กรณีมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด 18 จังหวัด และให้รายงานตัวต่อ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. ในหมู่บ้าน เพื่อติดตาม สอบสวนไทม์ไลน์ และประเมินความเสี่ยง นอกจากนี้จะต้องเฝ้าระวังตัวเอง หลีกเลี่ยงการเข้าชุมชนและพื้นที่หนาแน่นเป็นเวลา 14 วัน

เยาวชนสร้างสรรค์กิจกรรมระหว่างกักตัว

ขณะที่ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน มีพลเมืองปักหมุด C-Site เล่าเรื่อง “สถานีกักตัวเพื่อเฝ้าสังเกตอาการ COVID-19 แม่สะเรียง”ว่า  เยาวชนกลุ่มนักศึกษาโครงการลดอุบัติเหตุในชุมชน มีความตั้งใจมาออกค่าย 4 วัน แต่ต้องกลายเป็นกักตัว 14 วัน โดยเป็นค่ายจากหลากหลายมหาลัยรวมตัวเพื่อเรียนรู้ชุมชน จ.ตาก แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่มีเพื่อนในกลุ่มที่เดินทางจากเชียงใหม่มาร่วมกิจกรรมและเป็นผู้ติดเชื้อ (รู้ภายหลัง) ส่งผลให้เยาวชนทั้ง 39 คน ต้องเฝ้าดูอาการ และได้ตรวจหาเชื้อ โดยประสานโรงพยาบาลแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน  ซึ่งอยู่ระหว่างเส้นทางเดินทางกลับ เพื่อตรวจหาเชื้อ ซึ่งเมื่อตรวจทั้ง 2 ครั้ง พบว่ามีผลเป็นลบไม่ติดเชื้อ

อย่างไรก็ตาม เยาวชนกลุ่มนี้มีความรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งหมดจึงขอกักตัว ณ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อรอเข้ารับการตรวจอีกครั้งก่อนกลับจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งระหว่างการกักตัว เพื่อเป็นการดูแลใจกันในช่วงของการกักตัว เยาวชนเป็นเด็กค่ายที่มาทำค่ายด้วยกัน จึงร่วมกันออกแบบกิจกรรมในแต่ละวัน เพื่อคลายความกังวลต่าง ๆ และการรับมือกับภาวะจำยอม จำนนต่อสถานการณ์ที่ไม่อาจต่อรองได้ และการต่อสู้กับความวิตกกังวล ความเครียดที่อาจจะเกิดขึ้น

กิจกรรมถูกออกแบบบนฐานคิดของการอยู่ร่วมกันอย่างรับผิดชอบต่อส่วนรวม และเห็นอกเห็นใจ เช่น วงแชร์กับเยาวชน เพื่อเช็คความรู้สึก ความต้องการ บนฐานการสื่อสารอย่างสันติ และการฟังด้วยหัวใจ ข้อคำถามเรื่องความกังวลการใช้ชีวิตในภาวะจำกัดและไม่ทันตั้งตัว กิจกรรมขยับร่างกาย โยคะ เป็นต้น

ณ ปัจจุบันเยาวชนทุกคนยืนยันว่าทุกคนร่างกายแข็งแรงดี มีเพียงจิตใจที่เริ่มอ่อนแรง ไม่ทันตั้งตัว กังวลถึงคนข้างหลัง เพราะการเตรียมตัวมาค่ายเพียง 4 วัน ต้องขยับออกไปนับ 10 วันหลังจากนี้ ทำได้เพียงให้กำลังใจกัน เช็คสภาพจิตใจ และดูแลกันเท่าที่ทำได้เบื้องต้น

โดยวันนี้ 19 เมษายน 2564 ภริยาผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และนายอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เข้าเยี่ยมกลุ่มนักศึกษา อาสาสมัคร กลุ่มทำกิจกรรมลดอุบัติเหตุ ลดยาสูบในชุมชน ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด19 หลังจากเข้สตรวจหาเชื้อทั้ง 2 ครั้ง และมีผลตรวจเชื้อเป็นลบทั้ง2ครั้ง มีการนำอาหารแห้ง และขนมขบเคี้ยวกรุบกรอบ มอบให้แก่น้องๆที่ต้องกักตัวในพื้นที่สังเกตและเฝ้าระวังการติดเชื้อ

เชียงใหม่เตือนอำเภอรอบนอกผู้ป่วยเพิ่ม

สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ หลังพบผู้ติดเชื้อกระจายนอกเขตอำเภอเมืองมากขึ้น และผู้ติดเชื้อในอำเภอเมืองลดลง  จังหวัดเชียงใหม่เน้นย้ำขอความร่วมมือประชาชนต่างอำเภอปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่รายงานพื้นที่อำเภอที่พบผู้ติดเชื้อ (ข้อมูล ณ วันที่ 18 เมษายน 2564) โซนสีแดง (ผู้ป่วยมากกว่า 50 คน) มี 7 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองเชียงใหม่ 1,185 คน อ.สันทราย 216 คน อ.สันกำแพง 104 คน อ.สารภี 100 คน อ.หางดง 85 คน อ.แม่ริม 78 คน และอ.ดอยสะเก็ด 60 คน โซนสีส้ม (ผู้ป่วย 11- 50 คน) มี 7 อำเภอ ได้แก่ อ.สันป่าตอง พบผู้ติดเชื้อ 40 คน อ.แม่แตง 27 คน อ.ฝาง 16 คน อ.ดอยหล่อ 16 คน อ.เชียงดาว 14 คน อ.แม่อาย 14 คน และ อ.จอมทอง 13 คน โซนสีเหลือง (ผู้ป่วย 1-10 ราย) มี 10 อำเภอ ได้แก่ อ.พร้าว พบผู้ติดเชื้อ 10 คน อ.แม่วาง 9 คน อ.เวียงแหง 7 คน อ.แม่ออน 7 คน อ.ไชยปราการ 5 คน อ.แม่แจ่ม 4 คน อ.ฮอด 4 คน อ.ดอยเต่า 3 คน อ.อมก๋อย 3 คน และ อ.สะเมิง 2 คน สำหรับโซนสีขาวซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อยังคงมีเพียงเดียวคือ อ.กัลยาณิวัฒนา และมีผู้ติดเชื้อที่อยู่ระหว่างการสอบสวน 13 ราย

ขณะที่ผู้ป่วยที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลสนาม ล็อตแรกกลับบ้านได้แล้วกว่า 40 คน ในส่วนของ Hospitel หรือหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ หลังจากจังหวัดเชียงใหม่ได้อนุมัติไปแล้ว 1 แห่ง คือ PIS Hospitel โดยเป็นความร่วมมือของมหาวิทยาลัยพายัพกับโรงพยาบาลแมคคอมิค ขนาดจำนวนห้อง 250 เตียง และยังมีอีก 2 แห่งที่สนใจทำ Hospitel ได้แก่ โรงพยาบาลเทพปัญญาและโรงพยาบาลราชเวช ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับทางโรงแรม เพื่อให้สาธารณสุขเข้าตรวจสอบมาตรฐานต่อไป

ขอนแก่นกักตัวบุคลากรทางการแพทย์อื้อ

จังหวัดอุบลราชธานี ประกาศใช้มาตรการ “ปิด-งด-จำกัด” ของ ศบค. และเพิ่ม 25 อำเภอเป็นพื้นที่ควบคุมโดยมียอดผู้ติดเชื้อ ณ วันที่ 18 เมษายน อยู่ที่ 114 คน มีการออกประกาศมาตรการควบคุม ใครที่มาจาก 18 จังหวัดความเสี่ยงควบคุมสูงสุด ต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน มิฉะนั้นจะถือเป็นความผิด และงดการรวมกลุ่มเกิน 50 คน

ที่จังหวัดนครพนมเตรียมปูพรมพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิด หลังมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แม้จะยังไม่ใช่พื้นที่สีแดงโดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 เมษายนนี้ ช่วงนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบความพร้อมของเจ้าหน้าที่ปูพรมพ่นยาฆ่าเชื้อโควิด โดยนำเครื่องมือที่มีศักยภาพ เป็นรถพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิดขนาดใหญ่ จำนวน 2 คัน พร้อมน้ำยาฆ่าเชื้อโควิดที่มีประสิทธิภาพสูง และได้เตรียมโรงพยาบาลรองรับผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นถึง 300 เตียง นับรวมทั้งในตัวเมืองนครพนมและอำเภอโดยรอบ คลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อของนครพนมมาจากสถานบันเทิง

ส่วนที่รพ.ขอนแก่นกักตัวบุคลากรทางการแพทย์แล้วกว่า 100 คน เตรียมประสานขอกำลังเสริมทดแทนกำลังหลักที่ต้องกักตัว  โดยนบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลที่ต้องกักตัวเฝ้าสังเกตุอาการเนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยง จำนวนกว่า 100 คน เป็นไปตามมาตรการควบคุมและป้องกัน และถือว่าส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลอย่างมากในระยะนี้ อย่างไรก็ดีโรงพยาบาลเตรียมประสานขอกำลังเสริมทดแทน รวมทั้งขอความร่วมมือประชาชนที่ยังมีสุขภาพแข็งแรงแต่ยังคงต้องรับยากับทางโรงพยาบาลโดยขอให้รับยาต่อเนื่องทางไปรษณีย์หรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยที่เดินทางมาโรงพยาบาลและลดความแออัดที่โรงพยาบาลอีกด้วย

สำหรับพื้นที่ภาคตะวันออก มีรายงานจากเครือข่ายชุมชนสู่โควิดคุณธิติกานต์ ถนอมสิน ชาวประมงบ้านคลองมะขาม ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ที่ระบุว่า การระบาดของโควิดระลอก 3 ทำให้ยอดขายลดน้อยลง เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายและแก้ปัญหาสินค้าล้นตลาดเพราะแม่ค้าไม่มารับซื้อเพื่อไปจำหน่ายต่อ จึงมีการแก้ปัญหาด้วยการขายปลีกให้กับผู้ที่สนใจอยากซื้อกับชาวประมงโดยตรง  

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ