ทีมสื่อพลเมืองทั่วประเทศร่วมจับตาสถานการณ์โควิดระบาด เหนือเร่งสร้าง รพ.สนาม หลายพื้นที่ ตัวเลขผู้ป่วยเชียงใหม่เริ่มทรงที่หลัก 100 และมีเปิด Hospitelแห่งแรกของภาคเหนือแล้ว หลายชุมชนปรับตัวตั้งการ์ด อิสานยกระดับมาตรการเข้ม หลายจังหวัดใต้ต้องงดกิจกรรมทางศาสนาอิสลามในช่วงเดือนรอมฎอนพร้อมจับตามการควบคุมโรคช่วงเดินทางกลับบ้านเทศกาลฮารีรายอ ส่วนภาคกลาง อยุธยาเร่งตรวจเชิงรุกตลาดกลางกุ้ง
ทีมสื่อพลเมืองสำรวจสถานการณ์การระบาดของโควิด 19 ทั่วประเทศประจำวันที่ 18 เมษายน 2564 พบข้อมูลน่าสนใจ
โดยจำนวนผู้ป่วย ณ วันที่ 17 เมษายน 2564 เวลา 21.00 น.ของ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน คือ
- เชียงใหม่ 2,037 ราย
- ลำพูน 129 ราย
- เชียงราย 123 ราย
- ลำปาง 111 ราย
- พะเยา 42 ราย
- แพร่ 39 ราย
- น่าน 39 ราย
- แม่ฮ่องสอน 28 ราย
ส่วนภาคเหนือตอนล่าง จำนวนผู้ป่วย ณ วันที่ 17 เมษายน 2564 เวลา 17.00 น. คือ
- นครสวรรค์ 171 ราย
- พิษณุโลก 130 ราย
- อุตรดิตถ์ 10 ราย
- เพชรบูรณ์ 27 ราย
- กำแพงเพชร 22 ราย
- ตาก 19 ราย
- สุโขทัย 15 ราย
- อุทัยธานี 7 ราย
- พิจิตร 7 ราย
สำหรับจังหวัดเชียงใหม่ แม้จะมีผู้ป่วยสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศและถูกกำหนดเป็นพื้นที่สีแดง แต่ในระดับพื้นที่ จังหวัดได้มีการจัดทำแผนที่และกำหนดสีตามภูมิลำเนาของแต่ละอำเภอไว้ด้วยเช่นกัน โดยแบ่งออกเป็น 3 โซน ได้แก่ โซนสีแดง ผู้ป่วยมากกว่า 50 ราย โซนสีส้ม คือผู้ป่วย 11-50 ราย โซนสีเหลือง ผู้ป่วย 1- 10 ราย และโซนสีขาว ไม่พบผู้ป่วย ซึ่งพบว่าอำเภอที่ยังไม่มีผู้ป่วยเลยคือ อ.กัลยาณิวัฒนา (ข้อมูล ณ วันที่ 17 เมษายน 2564)
นักข่าวพลเมือง อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 เมษายน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บ้านหนองเจ็ดหน่วย, บ้านห้วยบง ต.วัดจันทร์ อ.กัลยาณิวัฒนา ให้ข้อมูลว่า มีการประกอบพิธีปิด “เกร๊าะหญี” ปิดหมู่บ้าน คนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้า ตามความเชื่อของชุมชนที่จะทำเมื่อมีโรคภัยไข้เจ็บและโรคระบาด ก็จะประกอบขึ้นเพื่อขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าป่าเจ้าเขา ให้ปกปักคุ้มครอง ให้คนในหมู่บ้านอยู่รอดปลอดภัย เป็นพิธีที่ทำสืบเนื่องกันมาแต่อดีต โดยไม่อนุญาตให้ใครออกจากหมู่บ้าน หรือเข้าหมู่บ้านระหว่างการประกอบพิธี ตั้งแต่วันที่ 16 -18 เมษายน 2564 การปิดหมู่บ้านนี้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากพิธีกรรมตามความเชื่อแล้ว ทางหมู่บ้านได้มีมติให้ผู้ที่ฝ่าฝืน จะมีโทษปรับ 500-5,000 บาทด้วย
ทั้งนี้ ตัวเลขโดยรวมของผู้ป่วยโควิด 19 ในจังหวัดเชียงใหม่ มีแนวโน้มลดลง จากเริ่มเพิ่มสูงขึ้นหลักสิบเมื่อวันที่ 8 เมษายน และสูงกว่า 281 ราย ในวันที่ 11 เมษายน และอยู่ที่หลักเกิน 200 ต่อเนื่อง 5 วัน ขณะที่เริ่มลดลงอยู่ที่หลัก 100 อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (18 เมษายน) ได้พบผู้ติดเชื้อซึ่งเป็นครูและครูฝึกสอนในโรงเรียนเอกชนในเชียงใหม่ ที่เข้าทำการเรียนการสอนหลายวิชาและคุมสอบก่อนปิดภาคเรียน ซึ่งโรงเรียนได้ส่งจดหมายแจ้งให้ผู้ปกครองและนักเรียนเฝ้าระวังอาการ
ดูแลสุขภาพจิตผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์
ในส่วนของโรงพยาบาลสนามของภาคเหนือมีรายงานว่าโรงพยาบาลในมหาวิทยาลัยที่อยู่ในสังกัด กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม เริ่มทะยอยเข้าจัดการให้เกิดโรงพยาบาลสนามเพื่อเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่นที่ ม.นเรศวร ม.แม่ฟ้าหลวง ม.พะเยา เป็นต้น โดยที่โรงพยาบาลสนาม ม. เนเรศวรพร้อมรองรับผู้ป่วย 20 เตียง ในระยะแรก และได้นำเทคโนโลยี หุ่นยนต์ส่งอุปกรณทางการแพทย์ในใช้เพื่อลดการสัมผัสระหว่างแพทย์และผู้ป่วยด้วย ขณะเดียวกันหลายโรงพยาบาลสนามเริ่มออกแนวปฏิบัติเพื่อให้ผู้ที่จะเข้ามาใช้บริการได้เข้าใจเงื่อนไขของการปฏิบัติตัวและการควบคุมโรคมากขึ้น และในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของจ.เชียงใหม่ที่มีความรุนแรง มีผู้ป่วยจำนวนมากที่เข้ารับการรักษาที่รพ.สนาม ซึ่งการดูแลผู้ป่วยนั้นต้องให้การดูแลทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตควบคู่กันไป
เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2564 พญ.รจนพรรณ นันทิทรรภ และ นพ.สุกฤษฎ์ เลาห์อุทัยวัฒนา จิตแพทย์พร้อมด้วยทีมสุขภาพจิต รพ.นครพิงค์ ได้ลงพื้นที่ รพ.สนามของจ.เชียงใหม่ทั้ง 2 แห่ง เพื่อประเมินและวางแผนการทำงานร่วมกับทีมสุขภาพจิตเครือข่าย พบผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงเฝ้าระวังด้านสุขภาพจิต 3 รายจากภาวะเครียด และมีผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวังด้านอาการขาดแอลกอฮอล์ 3 ราย โดยได้มีการจัดระบบแนวทางการประเมินและการช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต ผ่านระบบออนไลน์และการปรึกษาทางโทรศัพท์ โดยให้การดูแลสุขภาพกายและจิตแบบบูรณาการร่วมกับทีมแพทย์รพ.สนาม นอกจากนั้นยังได้ให้กำลังใจ และดูแลสุขภาพจิตของทีมบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความอ่อนล้า จากการทำงานหนักอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
เชียงใหม่ผุด Hospitel แห่งแรกแล้ว
ม.พายัพ-โรงพยาบาลแมคคอร์มิค ผุด “PIH Hospitel” แห่งแรกของเชียงใหม่และใหญ่ที่สุดของภาคเหนือ รองรับผู้ป่วยโควิด-19 ขนาด 250 เตียง โดยปรับสถานที่บ้านพักนานาชาติของมหาวิทยาลัยพร้อมติดตั้งทุกระบบตามมาตรฐานสาธารณสุข เริ่มเปิด19เม.ย.64 ราคา 2,000-2,400บาท/คืน
รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่และคณะ เข้าตรวจสอบระบบงานสำคัญในการขออนุญาตจัดตั้ง PIH Hospitel ที่บ้านพักนานาชาติภราดรภาพ มหาวิทยาลัยพายัพ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งดำเนินการโดยมหาวิทยาลัยพายัพร่วมกับโรงพยาบาลแมคคอร์มิค เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19ของจังหวัดเชียงใหม่ โดยคณะทำงานผู้ตรวจสถานพยาบาลอื่นซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องอยู่ในบังคับตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล กรณีให้บริการเฉพาะผู้ป่วยโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นการชั่วคราว ได้ให้ความสำคัญต่อการตรวจเช็คทุกระบบอย่างเข้มข้น รัดกุม เนื่องจากเป็น Hospitel แห่งแรกของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้เกิดมาตรฐานการดำเนินการในระบบต่าง ๆ ที่สามารถเป็นต้นแบบที่ถูกต้องเหมาะสมแก่ผู้ที่ประสงค์เปิดบริการ Hospitel ต่อไปในอนาคต
การตรวจระบบต่าง ๆ ที่สำคัญในครั้งนี้ ประกอบด้วย ความสะดวก ปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายของอาคารสถานที่ตั้ง,มีการแบ่งพื้นที่ให้บริการเป็นสัดส่วนที่ชัดเจน, ระบบเวชระเบียน, ระบบบริการดูแลผู้เข้าพัก, ระบบรับส่งผู้ป่วยฉุกเฉิน, ระบบควบคุมการติดเชื้อ, ระบบบำบัดน้ำ, ระบบน้ำสำรอง, ระบบไฟฟ้าหรือแสงสว่างสำรอง, เครื่องมือ เครื่องใช้ ยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นประจำสถานพยาบาลในจำนวนเหมาะสมและเพียงพอ, ที่สำคัญต้องมีบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลพร้อมปฏิบัติการอยู่ประจำ ซึ่งการตรวจทุกระบบก่อนการอนุญาตให้จัดตั้ง PIH Hospitel พบว่าเป็นไปตามมาตรฐานและเตรียมการอย่างรัดกุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบความปลอดภัยที่ดำเนินการโดยโรงพยาบาลแมคคอร์มิค สร้างความมั่นใจให้กับทีมทำงาน พร้อมเปิดให้บริการได้ทันทีภายหลังจากได้รับใบอนุญาต สำหรับ PIH Hospitel แห่งแรกของจังหวัดเชียงใหม่ ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ รองรับได้สูงสุด 250 เตียง คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการได้ในวันที่ 19 เมษายน 2564 เพื่อรองรับผู้เข้าพักซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ผ่านการพักฟื้นจากโรงพยาบาลสนามหลักของจังหวัดเชียงใหม่มาแล้ว ไม่ต่ำกว่า 7 วัน และต้องการความสะดวกสบาย ความเป็นส่วนตัว มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น สามารถเข้าพักฟื้นต่อ ณ PIH Hospitel ได้จนครบระยะเวลาการกักตัวและหายเป็นปกติ โดยสามารถพัก 1 – 2 คน อัตราห้องพัก 2,000-2,400 บาท
แต่ละชุมชนปรับตัว New Normal
ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาละศีลอดในเดือนรอมฎอนของชาวมุสลิมด้วย มีรายงานจากทีมสื่อมุสลิมว่า ในพื้นที่ภาคเหนือมีการปรับตัว ทั้งวิธีการละหมาด และการเลี้ยงละศีลอด ซึ่งปกติจะมีการเลี้ยงละศีลอดการตามมัสยิด แต่ปีนี้คนมุสลิมปรับตัวทำเป็นชุดอาหารใส่ถุงเพื่อแจกจ่ายกันในช่วงเลี้ยงละศีลอดที่เกิดขึ้นทุกช่วงเย็น
ส่วนการทำงานของ อสม.หลายชุมชนได้ปฏิบัติหน้าที่เต็มที่ เช่นที่ อสม.ต.ดอนเเก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ มีการลงพื้นที่ตรวจเชิงรุกกรณีคนกลับจากกรุงเทพมหานคร โดยได้เข้ามาให้กรอกเอกสารและให้อุปกรณ์วัดไข้ต่อผู้กักตัว และวัดไข้ส่งแจ้งอาการทางไลน์เป็นประจำทุกวันจนกว่าจะพ้นระยะ
ส่วนชุมชนบ้านปางหละ อ.งาว จ.ลำปาง นำบทเรียนจากการระบาดของโควิดรอบที่ 1 และรอบที่ 2 ที่ชุมชนพยายามปรับตัวเพื่อให้ผู้ป่วยลดการเดินทาง เมื่อเกิดการระบาดของโควิดรอบใหม่นี้ ทำให้ผู้นำชุมชนและชาวบ้านที่นี่ปรับมาใช้แผนเดิมอีกครั้ง
โดยชุมชน ปรับตัวรับมือการให้การดูแลผู้ป่วยในหมู่บ้านโดยพยายามลดการเดินทางของคนในชุมชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ที่จะสัมผัสโรค โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องเดินทางรับยาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชน เช่น ผู้สูงอายุ ด้วยเดินทางเข้าไปดูแลและนำยามาให้ผู้ป่วยถึงหน้าบ้าน ของผู้นำชุมชนและอสม.ในพื้นที่ จึงเป็นทางเลือกของการลดความเสี่ยงในวิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยโรงพยาบาลงาว หรือโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านหวด จะนำส่งยาผ่านมาทางประธาน อสม. ของหมู่บ้าน และนำแจกจ่ายให้กับ อสม. ที่ดูแลผู้ป่วยแต่ละคน พร้อมทั้งให้อสม.แนะนำการใช้ยาให้กับผู้ป่วยด้วย
ในพื้นที่ภาคอีสาน พบว่า จังหวัดที่มีการควบคุมสูงสุดของอีสานมี 3 จังหวัด คือขอนแก่น นครราชสีมา อุดรธานี โดยในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นมีการใช้มาตรการควบคุมสูงสุดตาม ศคบ.ประกาศ ห้ามข้าราชการออกนอกพื้นที่ และปิดถนนคนเดินและสถานที่ตามไทม์ไลน์โควิด นอกจากนั้นได้มีการก่อสร้างโรงพยาบาลสนามแล้วที่หอพักหญิง 26 ม.ขอนแก่น รองรับได้ทั้งสิ้น 258 คน แต่ต้องมีการกักตัวแพทย์กว่า 100 เฝ้าระวังอาการ เนื่องจากมีบุคลากรสัมผัสเชื้อก่อนหน้านี้ต้องประสานขอกำลังเสริมทดแทน
ที่จังหวัดอุดรธานี มียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 142 ราย (ข้อมูลวันที่ 17 เม.ย. 64) รักษาอยู่ที่รพ.อุดรธานี มีมาตรการงดถนนคนเดิน วัดคำชะโนด ร้านอาหารในศูนย์การค้าหลัง 18.00 น. งดรับประทานอาหารในร้าน / ยังคงมีประชาชนทยอยไปตรวจเรื่อย ๆ และกลุ่มคนรุ่นใหม่ในพื้นที่ ซึ่งได้ทำ “ตู้นี้เพื่อพี่หมอ” เมื่อปี 2563 จำนวน 3 ตู้ส่งมอบให้แพทย์ได้ใช้ปฏิบัติงานป้องกันการติดเชื้อยังคงใช้ตรวจได้ในการระบาดรอบนี้
ส่วนที่ จังหวัด อุบลราชธานี ยกระดับมาตรการควบคุม “ห้าม ปิด งด ข้อจำกัด” และจำกัดการรวมกลุ่มเกิน 50 คน
จังหวัดนครพนม เพิ่มระดับการดูแลคนลักลอบเข้าเมืองตามเขตชายแดน เตรียมโรงพยาบาลสนามไว้ แต่ยังไม่ได้เปิดใช้
จังหวัดกาฬสินธ์เริ่มมีผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้น 15 ราย (ข้อมูลเมื่อ 17 เมษายน) และปิดสถานที่เสี่ยงตามมาตรการ
ในส่วนของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในภาคอิสาน ขณะนี้เป็นช่วงเวลาปิดเทอม และการทำงานของเจ้าหน้าที่และอาจารย์ มีประกาศให้ Work from home
สำหรับพื้นที่ภาคใต้ ณ วันที่ 18 เมษายน 1564 มีจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เกิน 50 คนอยู่ 3 จังหวัด คือภูเก็ต สงขลา นราธิวาส ทำให้ทั้ง 3 จังหวัด ต้องงดกิจกรรมทางศาสนาอิสลาม ในช่วงเดือนรอมฎอน ของอิสลาม และจับตามการคบคุมโรคช่วงเทศกาลฮารีรายอซึ่งจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนเมษายน ซึ่งน่าจะเป็นช่วงเวลาของการเคลื่อนย้านเดินทางกลับบ้านมาร่วมเทศกาล
ขณะที่แต่ละจังหวัดเริ่มมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น และมีการคุมเข้มมาตรการเปิดปิดสถานที่ต่าง ๆ อย่าง เกาะลิบง จ.ตรัง ชาวบ้านร่วมกันประชุมหาแนวทางป้องกันโควิด-19 ได้ข้อสรุปให้ปิดเกาะเป็นเวลา 14 วัน (จนถึง 30 เม.ย. 64)
ด้านครัวปิ่นโตตุ้มตุ้ย ของศูนย์บ่อยาง จ.สงขลา หารือกันเพื่อเตรียมความพร้อมที่จะส่งมอบความช่วยเหลือผู้เดือดร้อน จากโควิด -19 ในครั้งนี้จะปรับเปลี่ยนเป็น การบริจาคข้าวสาร + ไข่เค็ม (ช่วยกันผลิต) + น้ำพริกชนิดต่างๆ เช่น น้ำพริกแมงดา น้ำพริกตาแดง น้ำพริกกุ้งเสียบ (ช่วยกันผลิต) ตามจำนวนประชากรในครัวเรือน ครัวเรือนละ 1 ชุดต่อสัปดาห์ นอกจากนี้จะพยายามหาแนวทางให้แต่ละครัวเรือนเกิดการเรียนรู้การปลูกผักในกระถาง เพื่อเป็นแหล่งอาหารในครัวเรือน
ส่วนในพื้นที่ภาคกลาง มีรายงานจากนักข่าวพลเมืองคุณอยู่อย่างสันติ แจ้งว่า หลังจากที่พบผู้ติดเชื้อโควิด 19 จากตลาดกลางกุ้ง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ทำให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยาต้องเร่งออกตรวจคัดกรองหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก active case finding ในพื้นที่ตลาดกลางกุ้งอย่างเร่งด่วนโดยแยกประชาชนกลุ่มเสี่ยงออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเสี่ยงต่ำที่ซื้อกุ้งกลับบ้าน และกลุ่มเสี่ยงสูงที่มานั่งรับประทานในตลาด รวมทั้งเจ้าของร้านและเด็กเสิร์ฟทุกคนทั้งนี้มีการควบคุมกำกับมาตรฐานการตรวจอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ มีประชาชนให้ความสนใจเดินทางมาตรวจคัดกรองกว่า 800 คน ในวันที่ 18 เมษายน 2564