บ่ายแก่ ๆ เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ได้พูดคุยกับ น้องผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงประสบการณ์ชีวิตในโรงพยาบาลสนามสองแห่งของจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา และหอพักนักศึกษาหญิง 5 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เปิดขึ้นเพื่อรองรับนักศึกษาและบุคลากรของมช. ที่พบการติดเชื้อเป็นจำนวนมาก
ชีวิต(ทางสังคม) กิจวัตรประจำวันในโรงพยาบาลสนาม ความคิด ความรู้สึกหลัง “กำแพง” นั้นเป็นอย่างไร ผ่านเวลาแต่ละวัน อย่างไร ชวนอ่าน
ตอนนี้เป็นไงบ้างครับ?
ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ แค่เสียงเปลี่ยน หนูมีไข้ประมาณวันที่ 4 – 5 แต่ช่วงนั้นยังไม่มีไทม์ไลน์ใครออกมา แล้วก็ไปตากฝนมาด้วย คิดว่าจะได้น่าจะได้รับเชื้อในวันที่ 2 เม.ย. เพราะเพื่อนที่อยู่บนโต๊ะเดียวก็โดนกันทั้งหมด แต่ที่งงมากคือพนักงานเขาไม่เห็นเป็นอะไร (หัวเราะ)
หนูเข้ามาในโรงพยาบาลสนามวันแรกที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงเย็นของวันที่ 10 ซึ่งยังมีคนอยู่ในนั้นไม่มาก ยังได้ช่วยยก ช่วยขนพวกพวกฟูกเข้ามาไว้บนเตียงสนาม เรื่องนอนไม่สบายอะไร ตอนแรกมันก็จะมีเตียงแข็ง ๆ แบบที่คนที่อยู่มาก่อนเขาบอกมานั่นแหละ แต่พอมีคนเข้ามาเพิ่มก็มีเตียงจากโรงแรมหรือของที่คนบริจาคเข้ามา มันก็นุ่มขึ้น
ที่นอนก็แยกหญิง แยกชาย แต่จะมีห้องโถงที่วางน้ำ วางขนมที่เป็นพื้นที่ใช้สอยร่วมกัน
“วันแรกข้าวอาจจะไม่พออยู่บ้าง บางคนก็ต้องต้มมาม่ากิน แต่พอมีคนรับรู้ เช้าอีกวัน (11 เม.ย.) ก็มีของมาบริจาคเต็มเลย แล้วตอนบ่ายเขาก็ให้เก็บของเตรียมย้ายมาโรงพยาบาลสนามของมช. แต่ก็รอนานมาก มาถึงที่นี่ประมาณทุ่มสองทุ่ม”
แล้วเขาเอารถอะไรไปรับ? รถตู้หรือเปล่า?
“ไม่ใช่รถตู้ค่ะ รถคอกหมู คือ ที่โรงเรียนเก่าหนูเรียกแบบนี้ นั่ง ๆ เบียด ๆ กันมา”
พอมาถึงกินข้าวเสร็จอาบน้ำแล้วไฟก็ดับ (หัวเราะ) แล้วช่วงดึก ๆ ก็มีคนทยอยเข้ามาเพิ่ม
หอ 5 หญิงนี่เป็นห้องพัดลมใช่ไหม
ค่ะ แต่ที่ศูนย์ประชุมฯเปิดแอร์ ส่วนที่มช.นอนที่นี่สบายกว่าแต่มันไม่เย็น ถ้าให้หนูเทียบ ที่นี่ก็ดีกว่า อย่างของศูนย์ประชุมฯ มีห้องอาบน้ำ 4 ห้อง แล้วผู้หญิง 200 คน แต่ที่นี่มันก็เหงา ๆ นะ เพราะต้องอยู่คนเดียว ห้องละ 1 คน แล้วก็สุ่มก็เหมือนเราเข้ามาอยู่หอใน จะเลือกห้องติดกับเพื่อนก็ไม่ได้ หนูเหงา เขาก็ไม่ให้ออกไปหลังห้องนะคะ อนุญาตให้ออกไปห้องน้ำและไปเอาอาหารตามเวลา แบ่งเป็นชั้นๆ ไป
ส่วนการตรวจวัดอะไรต่าง ๆ ก็ไปวัดกันเองแล้วส่งผลทางไลน์
“ถ้าเทียบกับที่ศูนย์ประชุมฯ ที่นู้นอยากทำอะไรก็ทำ อยากนอนกี่โมงก็ได้ หรือจะกินทั้งคืนก็ได้ แบบเช้ามาอีกวันเขาเรียกปลุกก็ไม่ตื่น (หัวเราะ) แต่ที่นี่หนูต้องตั้งนาฬิกาปลุก ตื่นเช้าให้ทันเวลาลงไปเอาข้าว เอาชุดที่เขาเตรียมให้เปลี่ยนทุกวัน”
ก็ได้อย่างเสียอย่าง อยู่ที่นี่มีห้องส่วนตัวแต่ก็เหงาใช่ไหม?
อย่างเมื่อวานมีวิดีโอคอลถามอาการเบื้องต้น อย่างเพื่อนหนู มีอาการเหนื่อยง่าย เขาก็ได้ยาที่แปะตามชื่อ พร้อมกับอาหารเช้า แต่ที่นู้นเขาก็จะเอายามาวางให้เหมือนเป็นร้านขายของชำ แล้วไปหยิบเอาเอง ตามอาการของแต่ละคน คิดเอาเอง อยากกินไรกินอะยา จริงแบบอย่างนั้นเลย แต่ตรงนี้เขาถามก็ให้ยาตามแต่ละคน คือ หนูไม่ได้นะ เพราะไม่ได้เป็นอะไรเลย
แล้วสั่งอาหารเข้ามาได้ไหมครับ?
สั่งได้คะ ที่ศูนย์ประชุมฯ เขาจะให้สองเวลา แต่มช.ให้ 3 เวลา คือ สั่งตอนไหนก็ได้แต่จะได้รับเวลาเดียวกับเวลารับอาหาร ส่วนอาหารแต่ละมื้อก็จะแตกต่างกันไป บางมื้อก็ดี บางทีก็ไม่ค่อยอร่อย อย่างเมื่อเช้าเป็นข้าวต้มวิญญาณหมู แต่กลางวันก็ดีนะคะ (หัวเราะ) ของที่นี่จะเป็นเหมือนชุดตักบาตร ทุกคนได้เหมือนกัน มีข้าวมีขนมปัง มีน้ำให้ แล้วถ้าไม่กิน อย่างหนูไม่กินอย่างของวันนี้ มันก็น่าจะเอาไปให้ใครไม่ได้ เพราะเราเป็นผู้ป่วยติดเชื้อไง แต่ถ้าอยู่ที่นู้น มันมีรวมกันเป็นกองกลาง ถ้าไม่กินเราก็ไม่ต้องเอามาก็ได้ มันก็จะไม่มีเหลือทิ้ง
“พอได้มาแล้ว พอหนูไม่กิน ก็เอาไว้อย่างนี้ ไม่รู้จะทำอย่างไง”
แล้วมีอะไรให้ทำระหว่างอยู่ไหมครับ เอาคอมพิวเตอร์ หนังสือ แทบเล็ตอะไรมาได้ไหม?
เอามาได้ เมื่อวานหนูก็ถามพยาบาลหรือหมอที่เขาโทรมาถามอาการ คือสงสัยว่าถ้าคนป่วยมันเยอะขึ้น แล้วห้องของหอในมันมีห้องละ 2 เตียงแบบนี้ หนูจะสามารถย้ายไปอยู่กับเพื่อนได้ไหม เขาตอบว่ายังไม่ชัวร์นะ เพราะห้องก็ยังเหลือ และจะมีการขยายโรงพยาบาลสนามที่อื่น ๆ เพิ่มอีกหรือเปล่า เขาก็ไม่แน่ใจ
“แต่หนูก็อยากจะอยู่กับเพื่อน เพราะมันเหงาอะไรแบบนี้ มันอยู่ข้าง ๆ กับคนที่เราไม่รู้จัก เหมือนอยู่หอในจริง ๆ คือ เพื่อนที่จะไปอยู่ด้วยก็เป็นเพื่อนที่ไปเที่ยวมาด้วยกันนั่นแหละ และเคยเป็นรูมเมทกันตอนอยู่หอเก่า”
คือดวงสมพงษ์ มีวาสนาต่อกันจริง ๆ นะ
หึหึ คือ ถ้าคนจะติดมันก็ติดแหละ อย่างวันที่ 4 หนูไปสอบอีกคณะ แล้วมีคนติดด้วย 1 คน หนูคิดว่าเขาติดจากหนู เพราะเขาไม่ทำอะไรเลย นอกจากอ่านหนังสือสอบ มาสอบที่คณะหาข้าวกินแถวมอแล้วก็กลับหอ มันก็มีคนสอบเสร็จวันที่ 3 แล้วก็เที่ยวในคืนนั้น ไปเจอคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง แต่ก็ไม่ติดอะไร
“มันจะติดก็ติดกันง่าย ๆ แบบนี้ ขณะที่เพื่อนหนูไปที่เสี่ยงมาหลายที่ หลายวัน ข้างหลังเขามีผู้ป่วยที่มารู้ในภายหลัง ส่วนแฟนมันไปเที่ยวมาวันเดียวก็ติด แล้วเพื่อนก็อยู่ด้วยกัน มันก็ยังไม่ติด อะไรแบบนี้”
แล้วอยู่ที่โน้นมีกิจกรรมคลายเครียดอะไรไหม หรือเพราะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่เลยไม่เหงามาก
อืม ก็ไม่มีกิจกรรมอะไรนะคะ มันอารมณ์แบบว่า…ไม่ได้แปลกใหม่อะไร คนที่เจอก็คือคนที่ไปร้านเดียวกันนั่นแหละ คือ นั่งกินข้าวอยู่ พี่พนักงานมาทักหนู มีทั้งพนักงาน เจ้าของร้าน ดีเจ ตำรวจ
อ๋อ หน้าสดเป็นแบบนี้นี่เอง ใช่ไหม?
จริง หนูก็ไม่ได้เอาเครื่องสำอางค์มา คือ โควิดเขาให้ใส่แมสแหละ ลืมไปว่ากินข้าวมันต้องถอดแมส (หัวเราะ)
แล้วได้เจอหนุ่ม ๆ บ้างไหมในนั่น?
อุ้ย ที่มช.ไม่เจอนะคะ แต่อยู่ที่หอประชมได้เจอ หนูนั่งมองหน้าพี่ดีเจทั้งวันเลย
“อยู่โรงพยาบาลสนามที่ศูนย์ประชุมฯอาหารการกินดี แต่เรื่องการรักษา ได้อยู่ห้องละ 1 คน หรือห้องน้ำ ตรงมช.น่าจะดีกว่า”
เท่าที่ฟังมาเหมือนว่าไม่ได้มีอาการเยอะ แล้วมันมีคนที่เขาอาการหนักกว่าเพื่อนไหมครับ?
ตอนที่ไฟดับก็มีคนที่ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล เหมือนเขาหายใจไม่ออก ไม่รู้ว่าเป็นจากโควิดหรือจากไฟดับแล้วเขากลัวความมืดหรือเปล่า ก็ไม่รู้
จากประสบการณ์ของการอยู่โรงพยาบาลสนามมาสองที่ ถ้าให้เลือกไปอยู่ที่บ้านตัวเองแทนโรงพยาบาลสนาม คิดว่าดูแลตัวได้ไหม?
ถ้าอาการมันไม่เป็นอะไร ในความคิดหนู ก็คิดว่าอยู่ได้แหละ แต่บ้านก็ต้องพร้อมจริง ๆ นะคะ ต้องมีห้องน้ำในตัว ที่เราจะไม่ปนกับคนในครอบครัวและเขาจะได้ไม่เสี่ยงกับเราด้วย แต่สุดท้ายหนูคิดว่า ถ้าให้อยู่บ้านแล้วมีคนอื่นอยู่ด้วยก็เสี่ยงอยู่ดี หรืออย่างเรื่องอาหาร ถ้าสั่งมากินแล้วต้องออกไปเอา เขาก็อาจได้รับเชื้อที่ติดมาจากเราก็ได้
แล้วเจอคนที่เขาเครียดกว่า ขวัญกำลังใจตกไหม?
ถ้านับจากคนที่ได้คุยมาทั้งหมด ทั้งคนเพิ่งรู้จักและรู้จักอยู่แล้ว ไม่มีใครเป็นแบบนั้นนะ เหมือนได้เจอเพื่อนใหม่ ไปเข้าค่ายลูกเสือ ค่ายรด.ที่ไม่ต้องทำอาหารเอง ไม่ต้องมีครูฝึก แบบสบายสุด ๆ
แล้วพอมาอยู่ที่นี่มาแล้ว 1 คืน วางแผนจะจัดการความเหงาตัวเองอย่างไงบ้าง นอกจากที่อยากจะไปอยู่กับเพื่อน?
หนูคอลหาเพื่อนตลอดเวลา เพื่อนเมทนี่แหละที่อยู่กันละห้อง แต่มันหน่ะอยู่ได้อยู่แล้ว บางคนเขาก็ชอบนะ มันส่วนตัวมากกว่า
ต้องอยู่ที่นี่ถึงวันไหนนะครับ?
ของมช. เขาจะให้อยู่ 14 วันหลังจากทราบผลการติดเชื้อ ส่วนทางศูนย์ประชุมฯเขาแจ้งไว้ว่า 10 วัน ของหนูถ้าอาการดีวันที่ 22 ก็จะได้ออกค่ะ
กิจวัตรแต่ละวันที่ก็ไปเอาข้าวตอนเช้า 8 โมง วัดอุณหภูมิ วัดชีพจร วัดออกซิเจน วัดการหายใจใน 1 นาที
“เหมือนได้เป็นพยาบาลเลย ไปถึงก็ไปยกเตียงให้คนป่วย แล้วคนที่ไปถึงแรก ๆ จะได้เครื่องวัดออกซิเจนส่วนตัวแบบอันเล็ก ๆ เขาก็ต้องคอยไปวัดให้เพื่อน ๆ ที่ไม่ได้ ต้องช่วยกันเอง คือ เราไม่ได้เห็นพยาบาลชุดอวกาศ เราจะได้ยินเสียงเขาผ่านลำโพง เขาก็จะอารมณ์แบบดูจากกล้อง ฮัลโหลได้ยินไหม ถ้าได้ยินก็ช่วยยกมือหน่อย อะไรแบบนี้”
มีอะไรจะฝากถึงเพื่อนที่อาจจำเป็นต้องเข้ามาอยู่ในโรงพยาบาลสนามไหม?
สำหรับศูนย์ประชุมฯ เขาจะแจ้งให้เตรียมของใช้มาหมดเลย แปรงฟัน ครีมอาบน้ำ แชมพู ฯลฯ ถ้าคนไม่มีก็จะมีของที่คนบริจาคมาให้ ส่วนของมช. เขาแจกให้เลยเลยคนละ 1 เซ็ต และชุดที่เขาให้ใส่ก็จะเปลี่ยนให้ทุกวันทุกเช้า แต่ที่นู้นก็จะให้ตอนเย็นและก็ได้ไม่ครบทุก
“เอาจริง ๆ หนูว่าอยู่ไหนไม่เหงานะ เราก็เจอแต่คนร้านเหล้านั่นแหละ”
อ๋อ ตอนที่เขาโทรมาจะบอกว่าชุดที่เราใส่ไปจะถูกทิ้ง ต้องกำจัด มันก็มีบางคนที่ลากกระเป๋าเอาฟูกอะไรไป แต่พอจะย้ายมาที่นี่ หนูถามว่าชุดที่ใส่มาต้องทิ้งไหม เขาก็บอกว่าให้เอากลับไปได้ แล้วหนูจะทิ้งได้ไหมเพราะมันเกะกะ เขาก็บอกว่าไม่ได้ คิดว่ามันเป็นเกี่ยวกับเรื่องการจัดการที่ต้องเผาฆ่าเชื้อ”
เขาก็โทรมาบอกและแจ้งสิ่งต่าง ๆ ที่เตรียมตัวก่อนเข้าโรงพยาบาลสนาม
ถ้าได้ออกโรงพยาบาลสนามแล้วสิ่งแรกที่จะทำคืออะไร?
“ถ้าผลหนูเป็นลบเมื่อไหร่ แล้วร้านเหล้ามันเปิดนะ หนูจะกลับไปร้านเดิมที่หนูติดมานี่แหละ จะเอาผลลบไปล้างพื้นมัน”
ทิ้งท้ายหน่อยสรุปเจอประสบการณ์ดีไม่ดีอะไรบ้าง?
ก็เจอถูกแคปไทม์ไลน์เอาไปต่อว่า แล้วก็ด่าเพื่อนหนูว่า และคนในคณะของเขาที่รู้จักกับเราก็ถูกโทรหามากมาย ทั้ง ๆ ที่ถึงไม่เจอหนู พวกเขาก็เสี่ยงเหมือนกัน เหมือนเขาจะเอาหนูมากล่าวโทษ เหมือนแบบตัวเองเป็นกลุ่มเด็กเรียนที่หนีพ่อแม่เที่ยว แล้วพอต้องเปิดไทม์ไลน์แล้วจะถูกพ่อแม่ต่อว่า
อีกเรื่องก็ตอนที่มีรถโรงพยาบาลมารับที่บ้าน เขาก็ไปรับหลาย ๆ นั่งเบียด ๆ กันมา แต่อันนี้ไม่เท่าไหร่ จะมีตรงที่เขาขับรถเร็วมาก จนหนูคิดว่าอาจจะตายเพราะรถชนก่อนโควิดนะคะ (หัวเราะ) เหมือนไปเล่นสนุกที่ต้องหาที่เกาะตลอดเวลา มันไม่มีเบลล์ให้
แต่สิ่งที่ดีดีก็มีนะ นอกจากเรื่องได้ฝึกเป็นพยาบาลได้ช่วยเหลือกัน หนูเตรียมกลับไปรันวงการที่ร้าน พี่ดีเจก็จำหน้าหนูได้แล้ว หรือบางร้านที่ลูกค้าไปอยู่ในไทม์ไลน์ตรงนั้น เขาจะให้เข้ากลุ่มไลน์ ซึ่งเราสามารถบอกสิ่งที่ต้องการ อยากได้อะไรก็แจ้งไปในไลน์ เขาก็จะส่งของผ่านมาทางเพื่อนพนักงานที่อยู่ในโรงพยาบาลสนาม อย่างวันนี้เขาก็เอาพิซซ่ามาเลี้ยง เขาแจกให้คนละถาดให้เลือกหน้าเลย แต่หนูไม่ได้เอานะ เพราะไม่ได้ชอบกินพิซซ่า เขาก็บอกรอบหน้าจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น เขากลัวพิซซ่ารวย
“อีกเรื่องนึงวันแรกที่หนูเข้าโรงพยาบาลสนาม ด้วยความที่อยากสำรวจห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกอาคาร เราก็เห็นคนสูบบุหรี่เป็นตัวเลย เขามองหน้าเรา แล้วก็ถามว่า “เอามั้ย?” เดี๋ยวมันต้องสตินิดนึงนะ โรคนี้มันลงปอด พยาบาลเขาก็ประกาศไม่ให้สูบบุหรี่ หรือมันต้องเกรงใจคนอื่นด้วยเพราะอยู่ร่วมกัน อย่างเพื่อนหนู พอมันรู้ว่าผลเป็นบวก มันก็อัดเตรียมไว้ก่อน หนูก็ด่าเพื่อนหนูทันทีเลยนะ มันต้องรอให้หายก่อนไหม”
เราหยุดคุยกันตรงนี้ เพราะมีสายโทรศัพท์เข้ามา อีกสักพักน้องส่งข้อความมาบอกว่า น้องดีใจมาก ๆ เพราะว่าเป็นครั้งแรกที่คณะติดต่อมาไถ่ถามอาการของเธอ.
**อัพเดพ ในค่ำของวันที่สัมภาษณ์ น้องได้ย้ายไปอยู่ร่วมกับเพื่อนสมปรารถนาแล้ว