สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่ แม้จะส่งผลให้สถานศึกษาหลายแห่งปิดการเรียนการสอนและหันกลับไปใช้การเรียนออนไลน์แทน แต่มหาวิทยาลัยขอนแก่นยังคงเปิดทำการเรียนการสอนอยู่ พร้อมกับเพิ่มมาตรการและการเฝ้าระวังการระบาดอย่างเข้มงวดมากขึ้น
ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีฝ่ายดิจิทัล ที่คอยอำนวยความสะดวกในเรื่องของดิจิทัลทั้งหมดในรั้วมหาวิทยาลัย ก็เตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือนักศึกษาหากปรับมาสู่การเรียนออนไลน์แบบ 100%
“การเปลี่ยนแปลงของดิจิทัล เรื่องนี้มีความสำคัญมาก เพราะว่าผู้เรียนมีความคาดหวังอยู่แล้วว่าการเรียนปกติในห้องเรียน เขาสามารถไปเรียนนอกห้องเรียนได้ด้วย จะมีโควิด-19 หรือไม่มีก็ตาม การเรียนออนไลน์เป็นความคาดหวังของนักศึกษาในการมาเรียนที่นี่”
ผศ .ดร.เด่นพงษ์ สุดภักดี รองอธิการบดีฝ่ายดิจิทัล ให้สัมภาษณ์ว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้เปิดให้เรียนออนไลน์ควบคู่กับเรียนในชั้นเรียนมานานแล้ว และการมีฝ่ายที่ดูโดยเฉพาะทำให้การเตรียมตัวรวดเร็วขึ้น แต่การจะมีหรือไม่มีโควิด-19 ไม่ใช่เรื่องสำคัญมาก เพราะผู้เรียนเขาคาดหวังการเรียนออนไลน์มาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว
“ม.ขอนแก่น มีการดำเนินการให้มีเทคโนโลยีการเรียนการสอนในอดีตก็เป็นคอมพิวเตอร์ทั่วไป แต่พอมาในยุคอินเทอร์เน็ตเราก็ปรับมาใช้ในออนไลน์มากขึ้น เพราะฉะนั้นในการเตรียมความพร้อมของเรา มีตั้งแต่เรื่องของการสร้างองค์กรภายในในเรื่องของการดูแลเฉพาะ ตั้งแต่เรื่องของพัฒนาคน พัฒนาอาจารย์ พัฒนาผู้เรียน และเรื่องของการผลิตสื่อ มีคนช่วยผลิตสื่อ มีหน่วยงานช่วยทำ และมีเรื่องของการวางโครงสร้างพื้นฐาน ทางด้านผลิตสื่อ และโครงสร้างพื้นฐานของอินเทอร์เน็ต เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของดิจิทัล ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของโควิด-19 และเรื่องนี้มีความสำคัญมาก เพราะว่าผู้เรียนมีความคาดหวังอยู่แล้วว่าการเรียนปกติในห้องเรียน เขาสามารถไปเรียนนอกห้องเรียนได้ด้วย ในห้องเรียนมีอยู่ก็จริง แต่นอกห้องเรียนก็มีอยู่แล้ว จะมีโควิด-19 หรือไม่มีก็ตาม การเรียนออนไลน์เป็นความคาดหวัง เพราะฉะนั้นการเตรียมความพร้อมของมหาวิทยาลัยขอนแก่น จึงเตรียมมาตลอด เพื่อให้ตรงกับความคาดหวัง เราเลยมีการเรียนการสอนในลักษณะอย่างนี้กันเป็นประจำอยู่แล้ว
การเรียนการสอนของที่นี่แบ่งออกเป็น 4 แบบ
- คือการเรียนแบบออนไลน์อย่างเดียว ไม่มีครูผู้สอน
- คือการเรียนออนไลน์โดยมีครูผู้สอนเป็นที่ปรึกษา มีการติว ให้การบ้าน ตรวจการบ้าน เหมือนเรียนปกติ แต่ใช้การออนไลน์
- คือการเรียนแบบออนไลน์ด้วยครึ่งหนึ่ง และ เรียนแบบในห้องเรียนครึ่งหนึ่ง ผสมกันไป ซึ่งเป็นแบบสภาวะปกติที่เราทำมาตลอด คือการเรียนทั้งออนไลน์ และ ในห้องเรียนผสมกัน
- คือการเรียนแบบในห้องเรียนอย่างเดียว”
ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกหากจะมีการเรียนออนไลน์อีกครั้งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เพราะในการระบาดรอบก่อนมหาวิทยาลัยขอนแก่น ก็ได้เปิดเรียนออนไลน์แบบ 100% ซึ่งผลตอบรับจากครั้งนั้นมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบการเรียนผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแบบนี้
“ผลตอบรับคือ ช่วงแรก ๆ นักศึกษาก็ชอบอยู่นะ เพราะว่าไม่ต้องไปเจอใคร กลัวโควิด-19 แต่พอเรียนไปสักพัก มันเป็นความรู้สึกว่าเรียนอยู่คนเดียว ความเป็นสังคมของนักศึกษาทำให้เขาอยากจะเจอเพื่อนบ้าง และอาจารย์เองก็ไม่ค่อยชินกับการที่ไม่เจอนักศึกษาเลย จากการประมวลออกมา มีทั้งคนที่ชอบการเรียนออนไลน์แบบนั้นไปเลย และมีทั้งคนไม่ชอบไปเลย เพราะเขาอยากเจอเพื่อน อยากเจออาจารย์”
แม้มหาวิทยาลัยขอนแก่นจะยังไม่ได้มีประกาศปิดไปเรียนออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ แต่ทางมหาวิทยาลัยก็เตรียมพร้อม ถอดบทเรียนจากรอบก่อนเพื่อมาปรับใช้ในรอบใหม่ที่จะถึงนี้ โดยแก้ปัญหาหลักคือเรื่องของสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่ขยายสัญญาญการเข้าถึงให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นและการปรับหลักสูตรการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม เหมือนนั่งอยู่ในห้องเรียนจริง
“ก่อนหน้านี้เราถอดบทเรียน เราก็เห็นถึงปัญหา ความพร้อมของนักศึกษาที่จะเข้าถึงอินเทอร์เน็ต เพราะว่าเครื่องมือมันออนไลน์หมด การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ต้องคุยกับอาจารย์ไปด้วยคุณภาพอาจจะไม่ดี ทำให้หลายคนไม่ชอบเรียนออนไลน์และอยากมาเจออาจารย์ต่อหน้าเลย ตอนนี้มหาวิทยาลัยเรายังไม่ได้ปิดเรียน แต่ถ้าปิดเรียนขึ้นมาคงมีนักศึกษาส่วนหนึ่งที่กลับบ้าน ส่วนหนึ่งก็คงจะอยู่รอบ ๆ นี้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องปรับ คือการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของนักศึกษาจะพุ่งเข้ามาอยู่ในมหาวิทยาลัย เราปรับปรุงให้มีสัญญาณอินเทอร์ที่ดีขึ้น หอพักที่อยู่รอบมหาวิทยาลัยในเครือเราก็เพิ่มอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเข้าไป ถึงหอพักเลย ตรงนี้ก็น่าจะสะดวกขึ้น ส่วนหลักสูตรการสอนของอาจารย์ก็อาจจะมีปรับ เช่น บางช่วงบางตอนก็เปิดให้นักศึกษาแลกเปลี่ยน หรือมีกิจกรรมทำไปด้วยระหว่างเรียน เพราะฉะนั้นกิจกรรมระหว่างเรียนในออนไลน์ จะต้องมีบ่อยขึ้นหรือถี่ขึ้น”
โดยในช่วงท้าย ผศ.ดร.เด่นพงษ์ สุดภักดี รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนามหาวิทยาลัยดิจิทัล มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้กล่าวทิ้งท้ายว่าการเรียนออนไลน์เป็นหนึ่งทักษะในอนาคตที่เราทุกคนหนีไม่พ้น เพราะทุกวันเราใช้การสืบค้นหรือหาข้อมูลผ่านโลกออนไลน์ การฝึกใช้ทักษะหรือเตรียมพร้อมอยู่เสมอ จะทำให้ผู้เรียนเพิ่มศักยภาพในการเรียนได้มากขึ้น