วันนี้ 13 ตุลาคม 2562 เวลา 14:34 น.เพจเหมืองแร่เมืองบัว เผยแพร่คำประกาศฉบับที่ 3 ยืนยันการปักหลักต่อสู้ยืดเยื้อยาวนาน เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี เพื่อผลักดันให้ฟื้นฟูเหมืองและพัฒนาดงมะไฟเป็นแหล่งท่องเที่ยวและโบราณคดี
สำหรับเนื้อหาของคำประกาศ มีดังนี้
วันนี้ 13 ตุลาคม 2563 คือ วันครบรอบสองเดือนเต็ม นับตั้งแต่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่พวกเรากลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ซึ่งประกอบไปด้วยพี่น้องชาวบ้านจากบ้านผาซ่อน บ้านโชคชัย หมู่ที่ 8 และ 12 บ้านนาเจริญ บ้านนาไร่ บ้านโนนมีชัย และพันธมิตรในตำบลดงมะไฟ ในอำเภอสุวรรณคูหา และในจังหวัดหนองบัวลำภู ได้ชุมนุมปฏิบัติการยึดเหมืองหินและโรงโม่ของนายธีรสิทธิ ตรีวัฒน์สุวรรณ หรือบริษัท ธ. ศิลาสิทธิ จำกัด
นับเป็นความสำเร็จที่ภาคภูมิใจยิ่ง เพราะเราไม่คิดว่าจะมาได้ไกลขนาดนี้ แต่วันนี้เราได้ทำให้เห็นแล้วว่า พวกเราสามารถปิดเหมืองหินและโรงโม่ได้เอง ด้วยสองมือสองเท้าของพวกเรา และเชื่อมั่นว่า ‘ชุมชนผาฮวกพัฒนา ชาวประชาสามัคคี’ ที่ปักหลักชุมนุมกันอยู่ที่ทางเข้าเหมืองนี้จะอยู่ได้ไม่น้อยกว่า 1 ปี
เราจึงขอประกาศว่าเราจะปักหลักต่อสู้ยืดเยื้อยาวนาน ณ ทางเข้าเหมืองนี้เป็นเวลา 1 ปี เป็นอย่างน้อย
เราจะสร้างสิ่งปลูกสร้างถาวรเพื่อจัดทำกำแพงประวัติศาสตร์ ณ ทางเข้าเหมือง บอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้ตั้งแต่ขวบปีแรกจนย่างเข้าสู่ทศวรรษที่สามอยู่ในขณะนี้ โดยที่เรากำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อเปลี่ยนแปลงดงมะไฟด้วยการผลักดันข้อเรียกร้องสำคัญอีกสองข้อ นั่นคือ ผลักดันให้เกิดการฟื้นฟูเหมือง และพัฒนาดงมะไฟเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมและอารยธรรมโบราณคดี
สองเดือนเต็มเราได้บรรลุข้อเรียกร้องข้อแรกที่ให้ปิดเหมืองหินและโรงโม่แล้ว ถึงแม้จะมีอุปสรรคขวากหนามพอสมควรที่เหมืองหินและโรงโม่อาจจะกลับมาใหม่ได้หากเราเผลอ เราจึงจะไม่เผลอและไม่ประมาท ด้วยการปักหลักเฝ้าระวังอยู่ที่นี่ โดยจะไม่ยอมให้เหมืองหินและโรงโม่หิน เข้ามาในพื้นที่อีกต่อไป
พร้อมกับการสร้างกำแพงประวัติศาสตร์ เราจะสร้างศูนย์เรียนรู้ และโรงเรียนสังคมและการเมืองไปพร้อม ๆ กัน เพื่อเป็นบ่อเกิดภูมิปัญญาของพี่น้องและลูกหลานคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นพลังสำคัญในการผลักดันข้อเรียกร้องอีกสองข้อให้เกิดผลสำเร็จให้จงได้
และเราเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่า วิธีการชุมนุมของพวกเรา คือการต่อสู้ที่สันติวิธีที่สุดแล้ว เป็นการชุมนุมด้วยความสงบและปราศจากอาวุธ ด้วยสองมือสองเท้าของเรา เราคิด พูดและลงมือทำตามความฝันของเรา ซึ่งไม่มีวิธีการต่อสู้ไหนที่เราสามารถเดินเข้าไปยึดเหมืองหินและโรงโม่โดยละม่อมได้มากกว่าวิธีนี้อีกแล้ว
นอกจากวิธีนี้แล้วคือคำหลอกลวงของพวก กอ.รมน. ที่บอกให้เราเรียกร้องไปตามระบบราชการที่ตอบสนองรับใช้เหมืองตลอดมา
วันนี้เราเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าพวก กอ.รมน. ยืนอยู่ข้างเหมือง ไม่ได้ยืนอยู่ข้างเราในฐานะประชาชน ทำทีเห็นอกเห็นใจและปลอบประโลมเราที่ลุกขึ้นมาต่อสู้ แท้จริงแล้วคือการกดข่มหรือเลี้ยงไข้เราให้เรียกร้องไปตามระบบราชการ เพื่อให้เหมืองระเบิดทำลายภูผาป่าไม้ของเราต่อไปได้
นี่เป็นวิธีต่อสู้ที่เห็นผลที่สุด ถึงแม้จะมีความพยายาม ‘แบ่งแยก’ และ ‘ทำลาย’ พวกเราจากสมุนรับใช้เหมืองและ กอ.รมน. ที่ปล่อยข่าวยุยงสร้างความแตกแยก และสร้างสถานการณ์เพื่อหาช่องทางก่อความรุนแรงให้ได้ เราก็ไม่หวั่นไหว
ยิ่งกดเราให้กลัว ผลลัพธ์ที่ได้กลับตรงกันข้าม เพราะมันยิ่งทำให้เราฮึกเหิมต่อต้าน
พลังฮึกเหิมต่อต้านนี้ ยิ่งกลายเป็นการสร้างความมุ่งมั่นตั้งใจให้เนื้อตัวร่างกายและจิตใจเราแข็งแกร่งที่จะปักหลักต่อสู้ยืดเยื้อยาวนาน เพื่อให้บรรลุข้อเรียกร้องอีกสองข้อ นั่นคือ ผลักดันการฟื้นฟูเหมืองหินและโรงโม่ และพัฒนาดงมะไฟเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมและอารยธรรมโบราณคดี ให้ประสบความสำเร็จให้จงได้
ขอขอบคุณสาธารณชนที่ติดตามและส่งกำลังใจถึงเราอย่างต่อเนื่อง และขอให้ติดตามและส่งกำลังใจถึงเราอย่างต่อเนื่องต่อไป
ให้เหมืองหินและโรงโม่จบที่รุ่นเรา
กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได
13 ตุลาคม 2563
author
กองบรรณาธิการเว็บไซต์ citizenthaipbs.net ดูแล เรียบเรียง และรวบรวมเนื้อหาจากนักข่าวพลเมือง