เครือข่ายคนรักษ์นครนายกเดินหน้ายื่นหนังสือ กมธ.สภาผู้แทนฯ เร่งตรวจสอบโครงการจัดตั้งเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัยเครื่องใหม่ ขนาด 20 เมกะวัตต์ในพื้นที่ อ.องครักษ์ หวั่นส่งผลกระทบ เหตุขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ จี้ชะลอเวที ค.3 ใน 19 และ 21 ก.ย. 2563 นี้
9 ก.ย. 2563 – ที่รัฐสภา เกียกกาก นายแพทย์สุธีร์ รัตนะมงคลกุล เครือข่ายคนรักษ์นครนายก มรดกธรรมชาติ และร.ท. วิลาศ อบอวน เครือข่ายสมาคม องค์การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ประจำจังหวัดนครนายก เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อสภาผู้แทนฯ ให้มีการเร่งตรวจสอบ โครงการจัดตั้งเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัยเครื่องใหม่ เพื่อการแพทย์ เกษตรกรรม และอุตสาหกรรม ในพื้นที่ อ.องครักษ์ จ.นครนายก ร่วมกับภาคประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งขอให้และชะลอการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น ครั้งที่ 3 เพื่อป้องกันการใช้จ่ายงบประมาณอย่างไม่คุ้มค่าอันเกิดจากการขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน
ทั้งนี้ได้มีการ ยื่นหนังสือต่อ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนฯ และ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและกองทุน
สืบเนื่องจาก โครงการจัดตั้งเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฯ ขนาด 20 เมกะวัตต์ งบประมาณ 16,000 ล้านบาท ของสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. กำลังรอทำประชาพิจารณ์ครั้งสุดท้าย (เวทีครั้งที่ 3 หรือ ค.3) เพื่อให้ประชาชนรับรองโครงการตามการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ในวันที่ 19 และ 21 ก.ย. 2563 นี้
ผู้ร้องเรียนระบุว่า โครงการดังกล่าวขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ การทำเวทีครั้งที่ 1 และที่ 2 ขาดการให้ข้อมูลที่รอบด้านและทั่วถึงในผลการศึกษาความเป็นไปได้และความคุ้มค่าของโครงการฯ และขาดการมีส่วนร่วมในการคัดเลือกพื้นที่ตั้งของโครงการฯ จนทำให้เสี่ยงต่อการใช้เงินงบประมาณภาษีไม่คุ้มค่า จากความไม่เปิดเผยโปรงใส
ก่อนหน้านี้ ในพื้นที่เคยเกิดปัญหามาแล้วในโครงการสร้างเตาปฏิกรณ์ขนาด 10 เมกะวัตต์ซึ่งอยู่ระหว่างการฟ้องร้องโดยมีมูลค่าฟัองร้องเกือบ 9,000 ล้านบาท และที่ผ่านมาประเทศไทยได้จ่ายค่าแท่งเชื้อเพลิงยูเรเนียม 111,490,000 ล้านบาทไปแล้วเมื่อ 20 ปีที่แล้ว แต่ยังไม่ได้รับของแต่อย่างใด อีกทั้งการเก็บกากรังสีที่สำนักงาน สทน. องครักษ์โดยไม่เปิดเผยใบอนุญาตให้ประชาชนได้รับทราบ
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า จะศึกษาข้อมูลจาก คณะอนุ กมธ. ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานขององค์การมหาชนและกองทุน และจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะ กมธ. โดยจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล ซึ่งคณะ กมธ. จะติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และเร่งตรวจสอบให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย