เป็นวันที่ 3 ของการปักหลักชุมนุมชาวบ้านเหมืองตะกั่ว ยังคงรอคำตอบอยู่ที่หน้าศาลากลาง จ.พัทลุง หลังจากเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการ จ.พัทลุง ขอให้ยกเลิกโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว อ.ป่าบอน จ.พัทลุง เพราะพื้นที่นี้เป็นต้นน้ำของการทำเกษตรใน จ.พัทลุง ก่อนจะไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลา
ย้อนดูความเป็นมาโครงการอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว
2533
โครงการอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว จ.พัทลุง มีจุดเริ่มต้นนายโสภณ กสิวงค์ ประธานสภาราษฎรจ.พัทลุง ทำหนังสือถึงรมว. เกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2533 แจ้งว่ามีการตัดไม้ทำลายป่าบริเวณเทือกเขาบรรทัด ทำให้เกิดผลกระทบในการขาดแคลนน้ำการอุปโภคบริโภค สำนักงานเลขานุการรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ จึงทำหนังสือถึงกรมชลประทานเพื่อทำการศึกษารายละเอียดความเป็นไปได้ของโครงการอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว
ลักษณะโครงการ โครงการชลประทานขนาดกลาง ความจุกักเก็บน้ำ 10.14 ล้านลูกบาศก์เมตร ลักษณะเป็นเขื่อนดินถมแบบแบ่งส่วน ความกว้างสันเขื่อน 8 เมตร ความยาวสันเขื่อน 420 เมตร ความสูงเขื่อน 48 เมตร งบประมาณ งบประมาณโครงการรวมทั้งสิ้น 800 ล้านบาท (แผนงบประมาณปี 2560 – 2563) ประเภทของการใช้พื้นที่ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ (เทือกเขาบรรทัด) จำนวน 290.63 ไร่ พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า (เขาบรรทัด) จำนวน 188.45 ไร่ การศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ปี 2555 จัดทำ Environment Checklist แล้วเสร็จ 12 กันยายน 2556 กรมชลประทานดำเนินการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ 9 หมู่บ้าน จำนวน 74 คน โดยร้อยละ 84 เห็นด้วยกับการดำเนินโครงการ 7 กันยายน 2558 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีหนังสือให้ระงับโครงการ เนื่องจากประชาชนนอกพื้นที่คัดค้านการก่อสร้าง โดยเห็นว่าการรับฟังความคิดเห็นไม่ครบถ้วนทุกด้าน และมีรายชื่อประชาชน 381 คน คัดค้านการดำเนินโครงการ 22 ตุลาคม 2558 นายอำเภอป่าบอนมีหนังสือแจ้งแผนการจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ เพื่อรับฟังการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำโดยวิธีอื่นที่เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด (ครั้งที่ 1 วันที่ 5 พฤศจิกายน 2558 และครั้งที่ 2 วันที่ 6 พฤศจิกายน 2558 |
2563
ราวเดือนกรกฎาคม 2563 กรมชลประทาน จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อสรุปทางเลือกในการพัฒนาโครงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว โดยที่ประชุมมีมติเลือกแนวทางพัฒนาด้วยการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ปรับปรุงฝายเดิม พร้อมระบบส่งน้ำ ซึ่งก่อนที่จะได้ข้อสรุปในการเลือกโครงการดังกล่าว กรมชลประทานได้เสนอทางเลือกในการพัฒนาที่เหมาะสมที่สุด โดยแบ่งเป็น 3 ทางเลือก ได้แก่
- การพัฒนาโครงการโดยการปรับปรุงฝายเดิมและก่อสร้างฝายทดน้ำเพิ่มเติม
- การพัฒนาโครงการโดยโครงการประเภทสระเก็บน้ำพร้อมปรับปรุงฝายเดิม
- การพัฒนาโครงการโดยการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ปรับปรุงฝายเดิม พร้อมระบบส่งน้ำ
สำหรับทางเลือกที่ 1 การพัฒนาโครงการโดยการปรับปรุงฝายเดิมและก่อสร้างฝายทดน้ำเพิ่มเติม จะต้องปรับปรุงฝายเดิมและก่อสร้างฝายทดน้ำเพิ่มเติมตามลำน้ำรวม 6 แห่ง ซึ่งมีความกว้าง เฉลี่ย 15 เมตร ลึกประมาณ 3 เมตร รูปแบบตัวฝายเป็นฝายคอนกรีต สูง 2 เมตร จะมีความจุหน้าฝายทดน้ำรวมทั้งสิ้น 223,500 ลบ.ม. แบ่งเป็น ปรับปรุงฝายทดน้ำคลองท่ายูง 1 แห่ง ความจุหน้าฝานทดน้ำ 14,625 ลบ.ม.,ปรับปรุงฝายทดน้ำคลองบ้านใหม่ 1 แห่ง ความจุหน้าฝายทดน้ำ 42,750 ลบ.ม. และการก่อสร้างฝายทดน้ำแห่งใหม่ 4 แห่ง ได้แก่ ฝายทดน้ำบ้านเหมืองตะกั่ว ความจุหน้าฝายทดน้ำ 21,000 ลบ.ม.,ฝายทดน้ำบ้านเกาะยูง ความจุหน้าฝายทดน้ำ 21,375 ลบ.ม.,ฝายทดน้ำบ้านใหม่ ความจุหน้าฝายทดน้ำ 33,750 ลบ.ม. และฝายทดน้ำบ้านสายคลอง ความจุหน้าฝายทดน้ำ 90,000ลบ.ม. โดยโครงการดังกล่าวจะทำให้พื้นที่ได้รับประโยชน์ 6,188 ไร่ คิดเป็นพื้นที่ชลประทาน 3,800ไร่ ในฤดูฝนและฤดูแล้ง ประมาณ 900 ไร่ อย่างไรก็ดี ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ สำหรับแหล่งน้ำที่จะต้องใช้ในการอุปโภค-บริโภค
ทางเลือกที่ 2 เป็นทางเลือกการพัฒนาโครงการโดยโครงการประเภทสระเก็บน้ำ พร้อมปรับปรุงฝายเดิม ซึ่งจะเป็นการปรับปรุงฝายที่มีอยู่เดิมให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และเสนอแนะให้ปรับปรุงฝายทดน้ำเดิม จำนวน 2 แห่ง คือ ฝายทดน้ำคลองท่ายูง และฝายทดน้ำคลองบ้านใหม่ รวมกับศักยภาพสระเก็บน้ำ 8 แห่ง จะสามารถเก็บกักน้ำรวมทั้งสิ้นได้ประมาณ 0.45 ล้านลบ.ม. โดยสามารถส่งน้ำให้แก่พื้นที่รับประโยชน์กว่า 6,172 ไร่ คิดเป็นพื้นที่ชลประทาน 4,629 ไร่ และฤดูแล้ง ประมาณ 1,200 ไร่ ซึ่งถือว่าโครงการดังกล่าว ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ สำหรับแหล่งน้ำที่ต้องใช้ในการอุปโภค-บริโภค
สำหรับทางเลือกที่ 3 จะใช้การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ปรับปรุงฝายเดิม พร้อมระบบส่งน้ำ โดยการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ที่ตั้งหัวงานของโครงการตั้งอยู่ที่ บ้านเหมืองตะกั่ว หมู่ที่ 1 ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง จะมีพื้นที่รับประโยชน์กว่า 16,475 ไร่ คิดเป็นพื้นที่ชลประทานฤดูฝน 11,600 ไร่ และฤดูแล้ง ประมาณ 2,600 ไร่ พร้อมกันนี้ จะปรับปรังฝายทดน้ำคลองท่ายูง 1 แห่ง และฝายทดน้ำคลองบ้านใหม่อีก 1 แห่ง ซึ่งจะสามารถทำให้มีแหล่งน้ำเพียงพอ สำหรับการอุปโภค-บริโภคแก่ตำบลหนองธง และบริเวณใกล้เคียง
ข้อมูลล่าสุดจากฐานข้อมูลอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศ ของกรมชลประทาน พบว่าในพื้นที่ใกล้เคียงกับพื้นที่ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่วมีอ่างเก็บน้ำ 2 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองหัวช้างและอ่างเก็บน้ำคลองป่าบอน ข้อมูลเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2563 อ่างเก็บน้ำคลองหัวช้างมีปริมาตรน้ำในอ่าง ร้อยละ 33.1ของความจุ 30 ล้านลบ.ม. ส่วนอ่างเก็บน้ำคลองป่าบอน มีปริมาตรน้ำในอ่าง ร้อยละ 48.7ของความจุ 20 ล้านลบ.ม.
จากข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัยด้านการเกษตรของสำนักงานเกษตรจังหวัดพัทลุงระบุว่า พื้นที่ปลูกพืชที่จะได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง 11 อำเภอ รวม 410,440 ไร่ โดยคาดการณ์ว่า อำเภอป่าบอนเป็นอำเภอซึ่งมีพื้นที่ปลูกพืชที่จะรับผลกระทบจากภัยแล้งปี 2563 มากที่สุด รวม 190,009 ไร่
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ชาวบ้านเหมืองตะกั่ว หมู่ที่ 1 ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง ได้ปักหลักชุมนุมที่ศาลากลางจังหวัดพัทลุง เป็นวันที่ 2 เรียกร้องให้มีการยุติโครงการเขื่อนเหมืองตะกั่ว หรือที่กรมชลประทานซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการเรียกว่าอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว โดยยื่นหนังสือไปยังนายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง โดยระบุว่าชาวบ้านจะปักหลักที่ศาลากลางเพื่อรอฟังคำตอบภายในวันที่ 21 ส.ค. 63 หากรัฐบาลยังไม่ประกาศยกเลิกการสร้างเขื่อน ชาวบ้านเหมืองตะกั่วและชาวพัทลุง รวมทั้งพื้นที่อื่น ๆ ที่อยู่ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริจะเดินทางไปชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล
ชาวบ้านเหมืองตะกั่วเริ่มมีการคัดค้านโครงการใน พ.ศ.2557 โดยมีการร้องเรียนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ออกรายงานการตรวจสอบที่ 864/2558 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2558 ระบุว่าไม่มีความจำเป็นในการสร้างเขื่อนเหมืองตะกั่ว และมีหนังสือถึงกรมชลประทานให้ระงับโครงการในวันที่ 7 กันยายน 2558 ความคืบหน้าของโครงการในปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับปรุงรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะใช้ประกอบการพิจารณาเพิกถอนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเทือกเขาบรรทัด และขออนุมัติโครงการ
นายวิเชียร ยาชะรัด ชาวบ้านเหมืองตะกั่ว ซึ่งปักหลักรอฟังคำตอบจากรัฐบาลให้ยุติโครงการสร้างเขื่อนที่หน้าศาลากลางจังหวัดพัทลุง เล่าว่า การสร้างเขื่อนทำให้ชาวบ้านต้องสูญเสียผืนป่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวบ้านผูกพันมาหลายรุ่น อยู่ที่นี่กันมาประมาณ 200 ปี ชาวบ้านรักษาป่า คัดค้านการสัมปทานป่าไม้ ที่นี่มีไม้หลุมพอ ไม้ตะเคียนอยู่มาก ชาวบ้านมีการจัดการน้ำโดยการทำฝายมีชีวิต โดยคนในหมู่บ้าน และคนภายนอก ประมาณ 200 คน มาช่วยกันสร้างฝาย ใช้เวลาประมาณ 4 เดือน
เขื่อนจะตัดวิถีชีวิตของชาวบ้านออกจากป่า ป่าให้ความสุข ป่าให้น้ำ ชาวบ้านมีน้ำกินน้ำใช้ มีปลากินมีปลาขาย สายน้ำเหมืองตะกั่วหล่อเลี้ยงชาวบ้าน 3 อำเภอของจังหวัดพัทลุง เริ่มจากบ้านบังเชียรที่ตำบลหนองธง อำเภอป่าบอน ไหลต่อไปยังอำเภอตะโหมด และอำเภอบางแก้ว ป่าให้ของป่า เช่น น้ำผึ้ง สะตอ ที่เป็นอาหารและเป็นรายได้เสริมของชุมชน ชาวบ้านประมาณ 100 คน พึ่งพารายได้จากป่า เช่น เก็บสะตอปีละประมาณ 1,000,000 บาท จับผึ้งในช่วง 2 เดือน ต่อปี ประมาณ 1,000 ขวด ขวดละ 500 บาท เป็นรายได้ประมาณ 500,000 บาท
ชาวบ้านได้เรียนรู้ผลกระทบจากเขื่อนป่าบอน อำเภอป่าบอน ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 3 กม. และเขื่อนคลองหัวช้าง อำเภอตะโหมด ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 14 กม. ส่งผลให้มีการทำลายป่าไปนับหมื่นไร่ จากการสร้างเขื่อนและการเป็นใบเบิกทางให้มีการทำลายป่ารอบเขื่อน เจ้าของโครงการอ้างว่าสร้างเขื่อนเพื่อการเกษตร แต่ที่เขื่อนป่าบอน ไม่มีน้ำใช้ในหน้าแล้ง เขื่อนชำรุดเก็บน้ำไม่อยู่ ต้องซ่อมทุกปี ชาวบ้านจึงแซวกันว่า “สร้างเขื่อนเพื่อเลี้ยงวัว” ในส่วนน้ำก็เสียด้วย อาบน้ำแล้วมีอาการคัน
อ่านข้อมูลและเรื่องราวที่เครือข่ายพลเมืองร่วมกันรายงานสถานการณ์จากพื้นที่ได้ผ่านทางแอพลิเคชัน C-Site อาทิ
- พัทลุงปักหลักคัดค้านเขื่อนเหมืองตะกั่ว ขู่ยกระดับชุมนุมทำเนียบรัฐบาล
- ป่าต้นน้ำโตนสะตอ จุดสร้างอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว
- กลุ่มรักษ์โตนสะตอ ยื่นหนังสือยกเลิกเขื่อนเหมืองตะกั่ว ประกาศปักหลักศาลากลางพัทลุงจนกว่าจะได้คำตอบ
เดินดู “ป่าโตนสะตอ” ปัจจุบันมีสภาพเป็นอย่างไร ทำไมชุมชนต้องดูแล
กรมชลฯ วางแผนพัฒนาอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่ว จ.พัทลุง ครอบคลุม 10 หมู่บ้าน
ข้อมูลด้านการเกษตรและสหกรณ์จังหวัดพัทลุงประจำปี 2563
ปักหลักค้านเขื่อนเหมืองตะกั่ว ขีดเส้นยกเลิกใน 21 ส.ค.นี้ พร้อมยกระดับไปทำเนียบฯ