จี้ “เพื่อไทย” ทบทวนจุดยืน หลังออกสื่อหนุนผันน้ำโขง เลย ชี มูล

จี้ “เพื่อไทย” ทบทวนจุดยืน หลังออกสื่อหนุนผันน้ำโขง เลย ชี มูล

เครือข่าย ปชช.ลุ่มน้ำโขงอีสาน จวกพรรคเพื่อไทยลืมบทบาทฝ่ายค้าน ถอยหลังไปหนุนเผด็จการ ดันผันน้ำโขง เลย ชี มูล แนะให้ศึกษาผลกระทบ-ความคุ้มค่า ก่อนเดินหน้าโครงการ

รายงานโดย: ศูนย์สื่อชุมชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ศสธ.)

หลังจากมีกระแสข่าวว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย และส.ส.อีสาน ได้ลงพื้นที่เพื่อรับฟังรายงานสถานการณ์น้ำและดูปริมาณน้ำที่เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น แล้วได้กล่าวในลักษณะเป็นการสนับสนุน โครงการผันน้ำ ‘โขง-เลย-ชี-มูล’ ว่า พรรคเพื่อไทยจะผลักดันโครงการผันน้ำ โขง-เลย-ชี-มูล เพิ่มพื้นที่ชลประทานในภาคอีสาน โดยการทำฝาย และแก้มลิงกักเก็บน้ำ และยังเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งพิจารณาโครงการฯ (อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/politics/787739)

12 ส.ค. 2563 เวลา 15.00 น. เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาชนที่ติดตามสถานการณ์การผลักดันโครงการจัดการน้ำขนาดใหญ่ในภาคอีสาน ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทางเครือข่ายฯ อยากเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยทบทวนบทบาท และจุดยืนต่อโครงการผันน้ำ โขง-เลย-ชี-มูล และโครงการจัดการน้ำต่างๆ ตามลุ่มน้ำสาขาในภาคอีสาน เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมในลุ่มน้ำอีสานทั้งระบบ นอกจากนี้ยังเสนอให้พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาปัญหาและผลกระทบ ความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์และนิเวศ ที่เกิดขึ้นจากแนวนโยบายการจัดการน้ำในภาคอีสานทั้งหมด ก่อนที่จะเดินหน้าผลักดันโครงการ

สุวิทย์  กุหลาบวงษ์  ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน ให้ข้อมูลว่า ภาคอีสานนับเป็นพื้นที่ที่มีนโยบายการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่และระบบชลประทานเป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่มีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นต้นมา ยกตัวอย่างเช่น โครงการอีสานเขียว โครงการโขงชีมูล โครงการชลประทานระบบท่อ โครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำขนาดเล็ก เป็นต้น โครงการพัฒนาแหล่งน้ำเหล่านี้ มีการใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล เพื่อเพิ่มพื้นที่ชลประทานมากกว่า 1.2 ล้านไร่ แต่ผลของโครงการกลับไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากผลกระทบจากน้ำเค็ม ค่าสูบน้ำที่มีราคาสูง

กรณีโครงการโขงชีมูล ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2536  มีการสร้างเขื่อนบนแม่น้ำสายหลักในภาคอีสาน เขื่อนเหล่านั้นได้ทำให้พื้นที่ป่าบุ่ง ป่าทาม ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของภาคอีสานกลายเป็นอ่างเก็บน้ำ และส่งผลกระทบให้เกิดภาวะดินเค็มแพร่กระจายในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีปัญหาชาวบ้านต้องลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิ์จากที่ดินทำกินเป็นจำนวนมาก รัฐบาลต้องใช้งบประมาณมหาศาลมากกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อมาแก้ไข ซึ่งมากกว่าค่าการก่อสร้างเสียอีก

“จะเห็นได้ว่าบทเรียนเกี่ยวกับความล้มเหลวด้านแผนการจัดการน้ำขนาดใหญ่ เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมมานาน ดังนั้น เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน จึงขอเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยทบทวนบทบาท และจุดยืนต่อโครงการผันน้ำโขง-เลย-ชี-มูล และโครงการจัดการน้ำต่าง ๆ ตามลุ่มน้ำสาขาในภาคอีสานทั้งระบบ” สุวิทย์ กล่าว

ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน ยังกล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทย ควรผลักดันให้มีการศึกษาและนำเสนอความคุ้มค่าที่แท้จริงของโครงการผันน้ำ โขง-เลย-ชี-มูล บนพื้นฐานของการคำนึงถึงคุณค่าของระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อม สังคม และวัฒนธรรม พร้อมกับความคุ้มค่าในทางเศรษฐศาสตร์ ภายใต้สถานการณ์ความเสี่ยงเรื่องแผ่นดินไหวกับน้ำท่วมฉับพลันในภาคอีสาน

“พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้าน ควรมุ่งตรวจสอบการผลักดันโครงการผันน้ำโขง-เลย-ชี-มูล ของนักการเมืองฝ่ายเผด็จการในขณะนี้ มิใช่ส่งเสียงสนับสนุนโครงการที่ขาดหลักธรรมาภิบาล และขาดการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ซึ่งพรรคเพื่อไทยควรมีบทบาทในการสร้างพื้นที่การมีส่วนร่วมจากประชาชนให้รอบด้านตามหลักการประชาธิปไตย” นายสุวิทย์กล่าวทิ้งท้าย

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ