แรงงานหญิงพม่าท้อง 4 เดือนวอนขอกลับประเทศ ตกงานแถมสามีไปต่อพาสปอร์ตช่วงโควิด-ไม่ได้กลับมาแสนเดียวดาย-ยื่นหนังสือกระทรวงแรงงาน เอ็นจีโอหวั่นเชื้อประทุในกลุ่มแรงงานข้ามชาติเหตุอยู่กันแออัด-เด็กๆ ไร้หน้ากากอนามัย
เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2563 เจ้าหน้าที่เทศบาลหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ลงพื้นที่เยี่ยมแรงงานข้ามชาติที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน อาทิ ซอยอ่างน้ำ ห้องแถวแพไม้ หัวหินซอย 68 จำนวน 62 ครอบครัว โดยได้นำหน้ากากอนามัยไปมอบให้ในเบื้องต้น และในวันที่ 13 พฤษภาคม จะมีภาคเอกชนนำข้าวสารอาหารมอบให้กับครอบครัวแรงงานข้ามชาติอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้จากการสอบถามความต้องการ ทราบว่าแรงงานกลุ่มนี้ทำงานสัปดาห์ละ 1 วัน ทำให้ไม่มีเงินในการซื้ออาหารโดย 1 ในนี้เป็นผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งทางเทศบาลได้แจ้งให้ศูนย์สาธารณสุขเข้าไปดูแล
นายราม (นามสมมุติ) แรงงานข้ามชาติและจิตอาสาชาวพม่า กล่าวว่า เมื่อเดือนที่แล้วแรงานข้ามชาติในหัวหินที่ตกงานเริ่มไม่มีเงินซื้อข้าวกิน ตนและเพื่อนๆจึงพยายามหาทางช่วยโดยเริ่มต้นจากการลงพื้นที่ไปดูที่พักอาศัยของแรงงานที่อยู่แถวสะพานปลากันเป็นกลุ่มๆ ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่พักอาศัยอยู่กันห้องละ 4-5 คน และกำลังจะไม่มีข้าวกินจริงๆ และเผอิญพวกตนได้รู้จักกับฝรั่งกลุ่มหนึ่งที่อาศัยอยู่ในหัวหินในนาม “Hua Hin COVID-19 Community” โดยคนกลุ่มนี้ได้ให้การช่วยเหลือด้านต่างๆกับคนต่างชาติด้วยกัน และพวกเขาได้มอบข้าวสารอาหารแห้งให้เอาไปแจกจ่าย หลังจากนั้นแรงงานข้ามชาติก็ได้บอกันปากต่อปากและประสานมาที่ตน ซึ่งใครที่เดือดร้อนมากก็จะรีบเอาข้าวสารอาหารแห้งไปให้ก่อน แรงงานบางส่วนไม่มีรถมาเอา พวกตนก็ขับมอเตอร์ไซและรถซาเล้งเอาไปให้
“ตอนนี้เรามีรายชื่อแรงงานต่างชาติที่กำลังเดือดร้อนอยู่ในหัวหินกว่า 800 คน ส่วนมากตกงาน เมื่อก่อนพวกเขาเคยทำงานอยู่ในร้านอาหาร ตั้งแผงอยู่ในตลาดโต้รุ่ง บางส่วนเป็นแม่บ้าน บางส่วนเป็นคนงานส่งน้ำ-น้ำแข็ง แต่หลังจากที่นักท่องเที่ยวหายไปหมด นายจ้างก็ไม่มีเงินจ้างเลย บางคนก็ไม่ได้ค่าจ้างเดือนสุดท้าย เพราะนายจ้างไม่มีเงินจริงๆ” นายรามกล่าว
เมื่อถามว่าหน่วยงานราชการได้เข้ามาช่วยเหลือแรงงานต่างชาติบ้างหรือไม่ นายรามกล่าว เมื่อก่อนก็ได้ยินข่าวว่าเทศบาลหัวหินแจกข้าวก็อยากไปรับ แต่แรงงานต่างชาติส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะกล้าเพราะบางคนก็อยู่อย่างไม่ถูกต้อง บางคนพูดภาษาไทยไม่ได้เลย อย่างไรก็ตามล่าสุดทางเทศบาลหัวหินได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี
ด้านนางมะซู(นามสมมุติ) แรงงานพม่าจากเมืองมะละแหม่ง ซึ่งทำงานอยู่ใน ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่าอาคารที่ตนอาศัยอยู่มีแรงงานอยู่ด้วยกันทั้งหมด 27 คน จำนวน 13 ห้อง ทั้งหมดเคยทำงานตัดเย็บเสื้อผ้า แต่เมื่อเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด ทำให้นายจ้างต้องหยุดกิจการเพราะขายเสื้อผ้าไม่ได้ ตอนนี้พวกตนหยุดงานแล้วเป็นเดือนทำให้ไม่มีเงินจ่ายค่าห้อง ครั้นจะกลับบ้านเกิดก็กลับไม่ได้
“เจ้าของบ้านเขาก็ใจดี บอกว่าถ้าเดือนนี้ยังไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าห้องก็เอาไว้ก่อน แต่เราก็รู้สึกเกรงใจ แต่ไม่รู้ทำอย่างไร เพราะข้าวก็แทบไม่มีกินแล้ว แถวๆ ย่านนี้คนงานพม่าทำงานกันเยอะ และก็ตกงานกันเป็นแถว ตอนนี้กำลังลำบากกันมาก มีเพียงมูลนิธิเอกชนบางแห่งที่เข้ามาแจกข้าว” นางมะซู กล่าว
ขณะที่นางวา (นามสมมุติ) แรงงานพม่าจากมัณฑะเลย์ ซึ่งทำงานอยู่ในย่านอ้อมน้อย กล่าวว่าขณะนี้ตนท้องอยู่ 4 เดือน ส่วนสามีได้เดินทางกลับไปต่อพาสปอร์ตที่พม่าในช่วงจังหวะที่ไวรัสโควิดเริ่มระบาด ทำให้ไม่สามารถเดินทางกลับมาได้ ตอนนี้ตนเองต้องตกงานเพราะนายจ้างหยุดกิจการ ทำให้ไม่มีค่าเช่าห้องจนต้องย้ายมาอยู่กับเพื่อน
“ดิฉันอยากกลับบ้านมากแต่กลับไม่ได้เพราะทราบข่าวว่าเขาปิดชายแดน ท้องก็ใหญ่ขึ้นทุกวัน อยู่ที่นี่แทบไม่มีใครเลย อนาคตถ้าคลอดลูกแล้วจะอยู่อย่างไร พรุ่งนี้จะเดินทางไปยื่นหนังสือให้ผู้บริหารกระทรวงแรงงานช่วยเหลือ” นางวา กล่าว
ด้านน.ส.สุธาสินี แก้วเหล็กไหล ผู้ประสานงานเครือข่ายสิทธิแรงงานข้ามชาติ (MWRN) ประเทศไทย กล่าวว่าทุกวันนี้หน่วยงานราชการยังเข้าไม่ถึงแรงงานข้ามชาติทั้งๆ ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงในการติดเชื้อและแพร่ระบาดของไวรัสโควิด แม้กระทั่งในเขตอ้อมน้อยอ้อมใหญ่และบางบอนซึ่งอยู่ชานเมืองหลวง แต่ก็ยังไม่มีหน่วยงานราชการเข้ามาช่วยเหลือดูแลแรงงานข้ามชาติซึ่งกำลังตกงานจำนวนมากและพักอาศัยกันอย่างแออัด
“ที่น่าเป็นห่วงคือพวกเขามีลูกเล็กๆ เยอะมาก แต่ละคนไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย แม่ก็อุ้มมาเดินเล่นหน้าบ้านพัก เพราะอยู่แต่ในห้องมันร้อนมาก ตรงนี้รัฐน่าจะรีบเข้าไปดูแล เราไม่อยากเห็นการแพร่ระบาดประทุขึ้นมาอีก” น.ส.สุธาสินี กล่าว