ภาพ-เรื่อง : พรชัย เอี่ยมโสภณ
“14 วันอาจจะนาน แต่เราก็สามารถหากิจกรรมทำ อยู่กับครอบครัว อาจจะเป็นเรื่องดีที่ว่า 14 วันนี้ เราจะได้ทบทวนตัวเองเยอะขึ้น ได้เห็นคนในครอบครัวเรามากขึ้น โดยเฉพาะคนที่กลับมาจากต่างจังหวัด อาจไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับครอบครัวมากเพราะเราต้องทำงาน แต่พอเราได้อยู่กับครอบครัว เราก็ใช้ 14 วันนี้พูดคุยกับพ่อแม่ แต่ให้ระมัดระวังในการรักษาระยะห่างของตัวเอง ลองหาสิ่งดี ๆ ทำ และเชื่อว่าเราจะผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกันทั้งประเทศ” คุณแอน เนตรชนก เวชกุล ชาวอำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง
คุณแอน เนตรชนก เวชกุล ชาวอำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง พูดคุยกับทีม แลต๊ะแลใต้ ถึงประสบการณ์การกักตัวเอง 14 วัน และขอกักตัวเองต่ออีก 10 วัน เพื่อสังเกตอาการหลังจากที่เดินทางกลับมาจากไต้หวัน หนึ่งในประเทศกลุ่มเสี่ยง เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ คุณแอนวางแผนข้ามปีจะไปร่วมงานเปิดสถานธรรมแห่งหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไต้หวัน เมื่อใกล้ถึงเวลาเดินทางก็เกิดเหตุการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คุณแอนก็ได้ตรวจสอบข้อมูลกับทางไต้หวันเป็นระยะ และได้ข้อมูลว่าสถานการณ์ไม่ร้ายแรง ในช่วงนั้นมีผู้ติดเชื้อ 24 คน และเสียชีวิต 1 คนเป็นคนต่างประเทศที่เดินทางเข้าไปในไต้หวัน
“ก่อนเดินทาง ก็เตรียมตัวกันเยอะมาก ทั้งทิชชูเปียก ช้อน จาน กระบอกน้ำร้อน เตรียมของใช้ส่วนตัวของแต่ละคนไปให้มากที่สุด รวมถึงผู้นำทริปก็ได้จัดการเรื่องความปลอดภัยให้กับคณะเป็นอย่างดี อยู่ที่ประเทศไต้หวัน 3 วัน เดินทางกลับประเทศไทย”
คุณแอนเล่าต่อว่า เมื่อกลับมาถึงจังหวัดระนองแล้วน้องที่รู้จักกันซึ่งทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลกะเปอร์ ก็ซักถามว่ามีไข้ไหม มีอาการอะไรบ้าง ก็เลยตัดสินใจว่ากักบริเวณตัวเอง 14 วันตามที่กำหนดและเฝ้าสังเกตอาการของตัวเองต่อไปอีก 10 วันจนครบ 24 วันเพื่อให้มั่นใจ
“3 วันแรก ยังไม่มีอะไรกดดันมาก แต่พอเริ่มเข้าวันที่ 4-5 ทางการเริ่มมีมาตรการเข้มข้นเรื่องให้ดูแลผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ประกอบกับแฟนซึ่งทำงานที่หน่วยงานท้องถิ่นแห่งหนึ่งก็โดนกักตัวไปพร้อมกันด้วย ทีนี้ก็เริ่มเครียด เริ่มจิตตกกว่าเราจะมีเชื้อหรือเปล่า ตอนนั้นกลัวไปหมด ไหนจะสายตาชาวบ้าน และมีข่าวต่าง ๆ ด้วย ตอนนั้นบอกเลยว่าเครียดสุด ๆ แทบจะไม่ได้คุยกับใคร บางคนก็มองเราว่าเป็นคนป่วย ซึ่งเราเพียงแค่กักตัวเท่านั้นเอง ดีที่คนข้างตัวให้กำลังใจเป็นอย่างดี และเพื่อนบ้านส่วนใหญ่ก็น่ารักมาก เวลาเจอก็จะไถ่ถามทักทายดี บอกให้เราดูแลตัวเอง”
เธอถ่ายทอดประสบการณ์และให้กำลังใจ หลายคนที่ขอคำแนะนำว่า กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะทำให้สามารถก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ และขอให้ใช้โอกาสในช่วง 14 วันนี้ทบทวนตัวเอง ลองหาสิ่งดีๆ ทำ พูดคุยกับคนในครอบครัว แต่รักษาระยะห่างและป้องกันตัวเอง แม้ขณะนี้เธอจะผ่านการกักตัว 14+10 วันไปแล้ว แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้เธอยังคงต้องตอบคำถามเพื่อนหรือคนในชุมชนอยู่ ซึ่งเธอมองว่าเป็นเรื่องดีที่ได้ช่วยให้คนอื่นสบายใจ
สำหรับการปฎิบัติตัวเมื่ออยู่อาศัยในบ้านที่เธอมักจะให้คำแนะนำผู้ที่มาสอบถามคือ รักษาระยะห่าง กินข้าวแยกกัน หมั่นซักผ้าและผึ่งแดด ออกกำลังกายบ่อยๆและหมั่นสังเกตอาการตัวเองและจดบันทึกอยู่เสมอ
“การกักตัวมันอาจจะเหนื่อย มันอาจจะเบื่อ แต่เชื่อว่าเราอาจจะได้อะไรจาก14วัน ที่เราอยู่กับบ้าน ก็อาจจะทำกับข้าวเก่งขึ้น เราอาจจะทำสะอาดบ้านยกใหญ่ big cleaning กับครอบครัว หาเรื่องสนุกๆทำมันจะได้ไม่เบื่อหรือเครียด ที่สำคัญพยายามอย่าอ่านสื่อเยอะเกินไป ดูสื่อที่เชื่อถือได้ สื่อที่มาจากส่วนราชการหรือว่านักข่าวที่เชื่อถือได้ อันไหนเป็นข่าวที่ไม่มีแหล่งที่มา พยายามอย่าไปรู้พยายามอย่าไปอ่าน เยอะ เพราะจะยิ่งบั่นทอนจิตใจเราลงไปเรื่อยๆ จริงๆตอนที่14วันมันเป็นอะไรที่ ต้องสู้กับตัวเองด้วยค่ะ เพราะฉะนั้นอยากเป็นกำลังใจให้ คนที่กักตัว14วันหรืออาจมากกว่านั้น ลองหาสิ่งดีๆทำและเชื่อว่าเราจะผ่านวิกฤติโควิด19 นี้ไปด้วยกันทั้งประเทศไทย”
สำหรับการดูแลป้องกันไวรัสโควิด-19 ของอำเภอกะเปอร์ ดำเนินการตามมาตรการที่จังหวัดระนองได้ออกมาอย่างเคร่งครัด โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ฝ่ายปกครอง และอสม. ร่วมกันออกให้ความรู้กับประชาชนในการป้องกันตัวเองจากไวรัสโควิด-19 ในส่วนของประชาชนที่ได้มีการเดินทางกลับจากต่างประเทศ ก็ให้มีการกักบริเวณตัวเองไว้ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน ตามมาตรการของสาธารณสุข ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกคน