รถบรรทุกของน้ำท่วมประสบอุบัติเหตุพลัดตกไปในลำน้ำเซน้ำน้อย เส้นทางจำปาสัก-อัตตะปือ ชาวลาวเสียชีวิต 1 ราย ด้านกระทรวงป้องกันประเทศลาวแถลงหลังเหตุเขื่อนเซเปียน – เซน้ำน้อยแตก เผยอพยพคน 13 หมู่บ้าน รวมกว่า 7,324 คน พร้อมระบุจำนวนผู้สูญหาย 123 ราย เสียชีวิต 8 ราย ขณะที่แขวงอุดมไซ เจอวิกฤตน้ำท่วมให้ประชาชนอพยพไปพื้นที่ปลอดภัย
เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกลำเลียงของช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากไทยตกเหว
29 ก.ค. 2561 เวลา 10.00 น. เอบีซีลาวนิวส์ รายงานว่า รถบรรทุกลำเลียงสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากไทยไปยังเมืองสนามไซ แขวงอัตตะปือ ประสบอุบัติเหตุตกคอสะพานลงไปในเหว เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย และเสียชีวิต 1 ราย เป็นชาวลาว หน่วยกู้ภัย 1624 ของ สปป.ลาวได้เข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ ขณะที่หน่วยกู้ภัยของไทย ได้แก่ มูลนิธิร่วมกตัญญู ซึ่งปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ เมื่อทราบเหตุการณ์ก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปให้ความช่วยเหลือแล้ว
กระทรวงป้องกันประเทศ สปป.ลาว ยืนยันอย่างเป็นทางการสูญหาย 123 ราย เสียชีวิต 8 ราย
Live!! 📢แถลงข่าวอย่างเป็นทางการโดย พล.ต.คำเรียง อุทะไกสร รองหัวหน้ากรมใหญ่ เสนาธิการ กองทัพประชาชน กรมป้องกันประเทศ สปป.ลาว # เมืองสะหนามไซ แขวงอัตตะปือ สปป.ลาว
โพสต์โดย PR.Thailand เมื่อ วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม 2018
(คลิปแถลงข่าวการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่)
วันที่ 28 ก.ค. 2561 เวลาประมาณ 17.00 น. พล.ต.คำเรียง อุทะไกสร รองหัวหน้ากรมใหญ่ กระทรวงป้องกันประเทศ สปป.ลาว แถลงอย่างเป็นทางการถึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จากเหตุการณ์อุทกภัยจากเขื่อนเซเปียน – เซน้ำน้อยแตก โดยระบุว่า ภายหลังจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2561 กระทรวงป้องกันประเทศได้ประชุมปรึกษาหารือกันอย่างเร่งด่วน และตั้งแต่คืนเกิดเหตุได้ส่งกำลังทหารเข้ากู้ภัยในเบื้องต้นรวม 350 นาย แบ่งเป็นทหารของเมืองสนามไซ 50 นาย กำลังทหารของแขวงอัตตะปือ 100 นาย และยังใช้กำลังของของกองพลทหารราบที่ 5 เข้ามาประจำการที่แขวงอัตตะปือ จำนวน 200 นาย
ส่วนยานพาหนะที่เข้าไปค้นหาผู้สูญหายในพื้นที่ ใช้รถ 10 คัน เรือท้องแบน 4 ลำ สมทบเรือจากประชาชน 10 กว่าลำ และวันที่ 24 ก.ค. 2561 กระทรวงป้องกันประเทศได้แต่งตั้งคณะผู้รับผิดชอบลงมาสมทบกับอำนาจการปกครองท้องถิ่น เพื่อการสั่งการโดยตรงในภาคสนามและได้เข้ามาประจำการในพื้นที่อย่างเร่งด่วน
นอกจากนี้ยังนำเครื่องบิน MA 600 2 ลำมาใช้ขนวัตถุสิ่งของ เสบียงอาหารจากนครเวียงจันทน์มาที่แขวงอัตตะปือ และเครื่องบิน B 17 จำนวน 3 ลำ ทำหน้าที่ค้นหาผู้สูญหายตกค้างอยู่ตามหลังคาเรือน ตามต้นไม้ และตามโนนสูงต่าง ๆ และขนย้ายประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงมาสู่เขตปลอดภัย พร้อมทั้งทำหน้าที่ขนส่งเสบียงอาหาร เพื่อช่วยเหลือประชาชน นอกจากนั้นใช้เรือท้องแบนของท้องถิ่นและของกองพลทหารราบที่ 5 จำนวน 6 ลำ เรือยาง จำนวน 4 ลำ และยานพาหนะของหน่วยงานอื่น ๆ ที่เข้ามาสมทบด้วย
ผลการเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ผลกระทบในจำนวน 13 หมู่บ้าน ได้โยกย้ายประชาชนทั้งหมด 7,324 คน ทั้งนี้ได้จัดศูนย์อพยพเป็น 5 แห่ง โดยแห่งแรกอยู่ในศูนย์พักชั่วคราวในตัวเมืองสนามไซ มีจำนวนคน 3,731 คน แห่งที่ 2 อยู่ในศูนย์พักชั่วคราวของเมืองปทุมพร และเมืองปากซอง แขวงจำปาสัก มีจำนวนคนทั้งหมด 1,407 คน แห่งที่ 3 อยู่ในบ้านกำมะหยอด มีประชาชน 600 คน แห่งที่ 4 พักอยู่จุดบ้านโดนบก มีจำนวน 1,086 คน และแห่งที่ห้าให้พักอยู่จุดบ้านปินดง มีจำนวนคน 500 คน
จำนวนผู้เสียชีวิตตั้งแต่วันที่เกิดเหตุจนมาถึงเย็นวันนี้ 28 ก.ค. 2561 โดยมีผู้เสียชีวิต 8 ศพ ในนั้นมีผู้ใหญ่ 4 ศพ และเด็ก 4 ศพ รายละเอียดของการค้นหาผู้เสียชีวิตนั้น วันที่ 25 ก.ค. 2561 สามารถค้นหาผู้เสียชีวิตได้ 1 ศพ วันที่ 26 สามารถค้นหาผู้เสียชีวิตได้ 3 ศพ วันที่ 27 สามารถค้นหาผู้เสียชีวิตได้ 3 ศพ และวันที่ 28 สามารถค้นหาผู้เสียชีวิตได้ 1 ศพ รวมเป็น 8 ศพ และยังเดินหน้ารวมกำลังค้นหาผู้สูญหาย ตามการบอกเล่าของญาติพี่น้องที่แจ้งผู้สูญหายต่อเจ้าหน้าที่ รวบรวมตัวเลขได้ทั้งหมดมี 131 คน เสียชีวิตแล้ว 8 ศพ เหลือผู้สูญหายอีก 123 คน ที่เป็นเป้าหมายสำคัญของทีมช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อไป
พล.ต.คำเรียง กล่าวอีกว่า ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค. 2561 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ระดับน้ำค่อย ๆ ลดลงตามลำดับ แต่การปฏิบัติหน้าที่นั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะสภาพพื้นที่ในหลาย ๆ จุดกลายเป็นโคลนสูง และทับถมกันจนเรือไม่สามรถเข้าไปได้ ต้องใช้เวลารอให้น้ำลงและแห้งจึงจะสามารถเขาช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้
ด้านกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรมและท่องเที่ยวแขวงอัตตะปือแจ้งให้ร้านอาหารหรือสถานบันเทิงในแขวงอัตตะปืองดกิจกรรมรื่นเริง เพื่อเป็นการไว้อาลัยกับสถานการณ์ในครั้งนี้
เผยคลิป “หมู่บ้านใหม่” ระดับน้ำลด แต่บ้านเรือนยังเต็มไปด้วยโคลน
สำนักข่าวเอบีซีลาวนิวส์เผยแพร่คลิปวีดีโอ เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2561 เป็นภาพของหมู่บ้านใหม่ เมืองสนามไซ แขวงอัตตะปือหลังน้ำท่วม ในคลิปเผยให้เห็นระดับน้ำในหมู่บ้านลดลงแล้ว แต่สภาพบ้านเรือนของชาวบ้านเต็มไปด้วยโคลนที่ตกตะกอนจากน้ำเข้าท่วม แต่ยังไม่มีรายงานที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าในพื้นที่ใดมีระดับน้ำลดลงแล้วบ้าง
https://www.facebook.com/ABClaos/videos/1910697099233520/
ลาวยังเผชิญวิกฤตลมมรสุมต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำท่วมในหลายพื้นที่
นับตั้งแต่มีการออกประกาศแจ้งเตือนภัยฝนตกหนักเนื่องจากลมพายุดีเปรสชั่น เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 61 ที่ผ่านมา จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อุตุนิยมและอุทกศาสตร์ สปป.ลาว โดยระบุว่าจะมีฝนตกหนักในระดับปานกลางถึงหนัก ตั้งแต่ภาคเหนือจนถึงภาคกลาง และตกหนักมากในบางพื้นที่ เช่น คำม่วน บอลิคำไซ นครหลวงเวียงจันทน์ ไซสมบูน เวียงจันทน์ เซียงขวาว หัวพัน หลวงพระบาง อุดมไซ และผ้งสาลี ในวันที่ 26-30 ก.ค.2561 ให้ผู้คุ้มครองและผู้ประกอบการเขื่อนไฟฟ้า ฝ่ายปกครอง และประชาชน เฝ้าระวังและติดตามเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์
สำนักข่าวโทละโข่ง รายงานว่าในวันที่ 27 ก.ค. 2561 ประชาชน 180 หมู่บ้านของ 7 เมือง ประกอบด้วยเมืองบัวละพา หินบูรณ์ ท่าแขก ไชบัวทอง ยมราช มหาไชย และ หนองบก ในแขวงคำม่วนประสบภัยน้ำท่วมจากพายุและฝนตกหนัก และระดับน้ำเซบั้งไฟยังเพิ่มสูงอยู่ในระดับที่อันตราย
เอบีซีลาวนิวส์ ระบุ ในขณะนี้ระดับน้ำของนครปากเซเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และต้องการจำนวนกระสอบทรายเพื่อป้องกันน้ำจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารกำลังเร่งก่อทรายเพื่อสร้างเป็นที่กั้นน้ำในนครปากเซ
ส่วนโต๊ะน้ำชานิวส์ ระบุว่า เมืองไซบุรี แขวงสะหวันนะเขต เร่งเคลื่อนย้ายประชาชนที่อยู่ตามแม่น้ำเซบั้งไฟไปอยู่ที่สูงแล้ว รองเจ้าเมืองไซบุรีให้สัมภาษณ์กับทางสื่อว่า การย้ายประชาชนไปอยู่ในที่ปลอดภัยนั้น ทางการได้ระดมทุกภาคส่วนในเมืองเร่งช่วยเหลือประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมคือ บ้านทรงไถ บ้านป่าไล่ บ้านแก้วแวง และบ้านดินหมากไพรแล้ว
ช่วงเช้าของวันที่ 28 ก.ค. 2561 ที่ผ่านมา สำนักข่าวเอบีซีลาวนิวส์ โพสต์รูปภาพระดับน้ำในเมืองไซ แขวงอุดมไซเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้าน พร้อมระบุว่าเนื่องจากฝนตกหนักติดต่อกันหลายชั่วโมง ระดับน้ำเข้าสู่ในจุดอันตราย ประชาชนในที่ราบได้รับผลกระทบแล้ว
ในวันเดียวกันกระทรวงแรงงานและสวัสดิภาพสังคมแขวงอุดมไซ ออกแถลงการณ์ให้ผู้ที่อยู่อาศัยในเมืองไซ ทุกภาคส่วนที่อยู่ในลุ่มแม่น้ำชาย และให้ประชาชนทุกคนที่อยู่ในแถบแม่น้ำกอ น้ำมาว น้ำหิน เทศบาลแขวงอุดมไซ ให้อพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย เนื่องจากจะมีฝนตกหนักในช่วงวันที่ 27-30 ก.ค. 2561 ส่งผลให้น้ำสูงขึ้นและมีความเสี่ยงที่จะเกิดภัยพิบัติน้ำท่วมตามมา
กัมพูชาเร่งอพยพคนในจ.สตึงเตรง หนีน้ำเขื่อนเซเปียนฯ ที่จะไหลเข้ามา
จากรายงานข่าวในวันที่ 26 ก.ค. 2561 กระทรวงทรัพยากรน้ำและอุตุนิยมวิทยาของกัมพูชา เผยถึงมวลน้ำจากเหตุการณ์เขื่อนเซเปียน – เซน้ำน้อยแตกในแขวงอัตตะปือ ซึ่งอยู่ในภาคใต้ของสปป.ลาว ไหลเข้าท่วมจ.สตึงเตรง ทางตอนเหนือของประเทศกัมพูชา หมู่บ้าน 17 แห่งในพื้นที่ได้รับผลกระทบ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของ จ.สตึงเตรงประกาศเตือนประชาชนเตรียมอพยพออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย อีกทั้งยังร้องขอให้รัฐบาลกัมพูชาส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ เสื้อผ้า อาหาร และยามายังพื้นที่เสี่ยงภัยด้วย