คดีนักวิชาการห้าท่านกรณีการชูป้ายเวทีวิชาการไม่ใช่ค่ายทหาร ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2560 ในวันนี้ทางอัยการได้ส่งสำนวนฟ้องและส่งตัวผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการชั้นศาลและนักวิชาการทั้งห้าก็เดินทางมายังศาลแขวงจังหวัดเชียงใหม่
จากเหตุการณ์การจัดประชุมนานาชาติไทยศึกษาครั้งที่ 13 เมื่อเดือนกรกฎาคมพุทธศักราช 2560 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ หลังการจัดงาน/ประชุมนานาชาติไทยศึกษา นักวิชาการทั้งห้าได้รับหมายเรียกให้ไปรายงานตัวจากสถานีตำรวจภูธรช้างเผือกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาว่าฝ่าฝืนคำสั่งคสช. ที่3/2558 กรณีการปิดแผ่นป้ายข้อความว่าเวทีวิชาการไม่ใช่ค่ายทหารโดยกล่าวหาว่าเป็นการแสดงความเห็นสัญลักษณ์ต่อต้านทางการเมือง. นักวิชาการทั้งห้าคนไปให้การปฏิเสธว่าไม่ได้มีนัยยะทางการเมืองแต่เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาสังเกตการณ์ สร้างการรบกวนให้นักวิชาการที่เข้าร่วมสัมมนา จึงได้มีการเขียนป้าย
สุมิตรชัย หัตถสาร ทนายผู้ดูแลคดี กล่าวว่า ทางอัยการเขานัดส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งห้าคนที่โดนคดีในเวทีวิชาการไม่ใช่ค่ายทหารในวันนี้เมื่อส่งมาที่ศาล แล้วศาลก็ จะอธิบายการฟ้องให้ฟังให้กับจำเลยทุกคนวันนี้เรายื่นคำร้องให้ศาลปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีหลักประกันซึ่งศาลก็อนุญาต สาบานตัวว่าจะมาศาลตามนัด
ขณะที่นักวิชาการทั้งห้าได้แก่…ดร.ชัยยันต์ วรรณภูติ นักวิชาการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นายนลธวัช มะชัย นักศึกษาปริญญาตรี นายธีรมล บัวงาม นักศึกษาปริญญาโท/สื่อมวลชนอิสระ นายชัยพงษ์ สำเนียง นักศึกษาปริญญาเอก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ นางภัควดี วีระภาสพงษ์ นักแปล/นักเขียน ได้ยืนยันว่าสิ่งที่กระทำไปนับว่าเป็นเรื่องปกติในสังคมซึ่งไม่ควรกลายเป็นความผิดแต่อย่างใด
โดย ดร.ชยันต์ วรรณภูติ กล่าวว่า พวกน้องๆหาผมและพวกน้องน้องเราจัดประชุมทางวิชาการเราไม่ได้มีเจตนาที่จะไปขัดคำสั่งของคสช. หรือไปประท้วงทางการเมืองแต่อย่างใดเราให้ความสะดวกแก่นักวิชาการที่เข้าร่วมประชุมทุกฝ่ายปิดแสดงความคิดเห็นเราคิดว่าเป็นเสรีภาพทางวิชาการแล้วก็จัดในบรรยากาศของการประชุมวิชาการนานาชาติ
การสั่งฟ้องในครั้งนี้จำเลยทั้งห้าคนได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ต้องมีการประกันตัวเพียงกล่าวคำสาบานว่าจะมาตามนัดของศาลเท่านั้นขณะที่นักวิชาการนักพัฒนานักศึกษาและชาวบ้านได้เดินทางมาให้กำลังใจนักวิชาการทั้งห้าคนด้วย
author
