ตัวแทนชุมชนน้ำแดงพัฒนาและสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ เข้าพบผู้กำกับ สภ.ชัยบุรี เพื่อทำความเข้าใจและยื่นข้อเสนอ ยับยั้งผลกระทบต่อเกษตรกรไร้ที่ดิน กรณีพิพาทระหว่างชุมชนฯ กับบริษัทเอกชน
เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2560 เวลา 13.00 น. เกษตรกรตัวแทนชุมชนน้ำแดงพัฒนาและสมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) ประมาณ 50 คน เดินทางเข้าพบพันตำรวจเอกภคพล ทวิชศรี ผู้กำกับสถานีตำรวจ อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ของชุมชนน้ำแดง และปัญหาในพื้นที่พิพาทระหว่างชุมชนฯ กับ บริษัทเอกชนซึ่งตั้งอยู่ หมู่ที่ 9 ต.คลองน้อย อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อทำความเข้าใจ เนื่องจากทางผู้กำกับเพิ่งย้ายมาจากจ.ระนอง อาจยังไม่ได้เข้าใจสถานการณ์และสภาพปัญหาในพื้นที่
กลุ่มเกษตรกรได้นำหนังสือการตรวจสอบของกรมคุ้มครองสิทธิฯ, DSI, หนังสือขอใช้พื้นที่, หนังสือการตั้งคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินต่าง ๆ รวมทั้งผลการดำเนินงานทางด้านโยบายกับรัฐบาลจนได้มติผ่อนผันให้อยู่อาศัย
อีกทั้งการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมาในพื้นที่ชุมชนซึ่งมีคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินสาธารณะประโยชน์และที่ดินเอกชนทิ้งร้าง ลงนามโดยหม่อมหลวงปนัดา ดิศกุลรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งแต่งตั้งโดยคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือพีมูฟ และคณะทำงานระดับจังหวัดสุราษฯ และระดับอำเภอฯ
นอกจากนี้ยังได้ชี้แจงถึงสถานการณ์ การถูกคุกคาม และความไม่ปลอดภัยของสมาชิกในชุมชน และความเป็นมาของชุมชนในพื้นที่ดังกล่าว ที่ยังอยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณาในชั้นศาล และเอกสารที่แสดงให้เห็นถึงอายุของผลผลิตปาล์มน้ำมัน ที่ปลูกมากว่า 10 ปี โดยการผ่อนผันจากการผลักดันทางนโยบายร่วมกับรัฐบาลตลอดมา
กลุ่มเกษตรกรชี้แจงสถานการณ์ในวันที่ 15 ก.ย. 2560 ที่คนงานบริษัทฯ เข้าดำเนินการตัดและเก็บเกี่ยวผลผลิตที่สมาชิกชุมชนปลูกไว้ โดยอ้างว่าเป็นของตน และยังมีการใช้รถไถดันดินให้สูงเพื่อปิดถนนทางเข้า จำนวน 3 ทาง
จากนั้น ได้เข้าแจ้งความกรณีดังกล่าวต่อ สภ.ชัยบุรี เพื่อหลักฐานและขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปยับยั้งการเก็บผลผลิตในพื้นที่ดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่ไม่รับแจ้งความและให้สมาชิกชุมชนโทรประสานไปยังผู้กำกับ
หลังจากที่ตัวแทนชุมชนได้โทรประสานไปยังผู้กำกับ พันตำรวจเอกภคพล ทวิชศรี ได้ให้เจ้าหน้าที่ สภ.ชัยบุรี เข้าไประงับยับยั้งเหตุในพื้นที่ พร้อมทั้งสมาชิกชุมชน ตัวแทน สกต.และทีมทนายสิทธิฯ ได้เดินทางเข้าไปสังเกตุการณ์ในพื้นที่ด้วย
ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปถึงที่เกิดเหตุ ได้สอบถามถึงสาเหตุของการไปแจ้งความ สมาชิกชุมชนจึงได้ชี้แจงว่า พื้นที่ดังกล่าวพิพาทระหว่างชุมชนและบริษัทเอกชนซึ่งเข้ามาอ้างเอกสารสิทธิ์และแจ้งความดำเนินคดีกับสมาชิกชุมชนน้ำแดง และพื้นที่ดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิ์ในชั้นศาล จึงทำให้เจ้าหน้าที่ลังเลไม่กล้าเข้าไประงับการเก็บเกี่ยวผลผลิตของเกษตรกร ตัวแทน สกต.จึงได้ประสานไปยังผู้กำกับอีกครั้ง
ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปพูดคุยกับหัวหน้าคนงานบริษัทให้หยุดเก็บเกี่ยวผลผลิตปาล์มของสมาชิกชุมชนน้ำแดง และซ่อมถนนให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานแล้วให้ออกไปจากพื้นที่ จากนั้นตัวแทนชุมชนได้เดินทางกลับไปที่ สภ.ชัยบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่อีกครั้ง เพื่อแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน แต่เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิเสธการรับแจ้งความ โดยให้เหตุผลว่าเอกสารหลักฐานไม่เพียงพอ แต่ให้ลงเป็นบันทึกประจำวันไว้
หลังจากได้พูดคุยและชี้แจงสถานการณ์ในพื้นที่และการดำเนินงานทางด้านนโยบายกับรัฐบาลแล้วนั้น ตัวแทนชุมชนและตัวแทนสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ จึงเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาผลกระทบเบื้องต้น คือ
1) ให้ติดตั้งตู้แดงและส่งสายตรวจเข้าไปลาดตระเวนในชุมชนเพื่อดูแลความปลอดภัย
2) ให้ยับยั้งการเข้าเก็บเกี่ยวผลผลิตปาล์มน้ำมันของเกษตรกรในพื้นที่ชุมชนทุกแปลง
ผู้กำกับรับข้อเสนอและฝากให้ตัวแทน สกต.เร่งรัดติดตามการดำเนินการเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาและหาทางออกร่วมกันโดยเร็วต่อไป