ศาลปกครองกลางนัดฟังคำพิพากษาคดีบริษัทเจ้าของกิจการอุตสาหกรรมเหล็กยักษ์ใหญ่ยื่นฟ้องเพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินที่สั่งให้เพิกถอนและแก้ไข น.ส.3 ก. ที่ดิน 52 แปลง เหตุพบทับที่เขตป่าคุ้มครอง-ป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองแม่รำพึง ด้านชาวบ้านบางสะพานกว่า 100 คน เตรียมเดินทางเข้าร่วมฟังคำพิพากษาด้วย
27 ส.ค. 2560 มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม ( EnLAW) เผยแพร่ข้อมูลเพื่อเชิญชวนติดตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ในคดีฟ้องเพิกถอนที่ดินเครืออุตสาหกรรมเหล็กสหวิริยา 52 แปลง ทับที่ป่าชายเลนคลองแม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กว่า 800 ไร่ พร้อมให้กำลังใจชาวบ้านบางสะพานกว่า 100 คน ที่จะเดินทางเข้าร่วมฟังคำพิพากษา ในวันอังคาร ที่ 29 ส.ค. 2560 เวลา 11.00 น.
สืบเนื่องจากเมื่อเดือน ม.ค. 2553 อธิบดีกรมที่ดินมีคำสั่งให้เพิกถอนและแก้ไขหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดิน (น.ส.3 ก.) จำนวน 52 แปลง รวมเนื้อที่ 798 ไร่ ในพื้นที่ ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ (พื้นที่เดียวกับที่มีข่าวแผนการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ครบวงจร เมื่อเดือน พ.ค. 2560) ที่มีชื่อบริษัท สหวิริยาสตีล อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) เจ้าของกิจการอุตสาหกรรมเหล็กยักษ์ใหญ่และบริษัทในเครือเป็นผู้ครอบครอง ภายหลังถูกตรวจสอบพบว่า เอกสารสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทับพื้นที่เขตป่าคุ้มครองและป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองแม่รำพึง และมีการอ้างหลักฐานการครอบครองใช้ประโยชน์ที่ดินอันเป็นเท็จ
ต่อมาในเดือน พ.ค. 2553 รองปลัดกระทรวงมหาดไทยได้มีมติยืนยันคำสั่งเพิกถอน น.ส.3 ก. ของอธิบดีกรมที่ดิน จากนั้นบริษัท สหวิริยาสตีล อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือที่ถูกเพิกถอน น.ส.3 ก. จึงร่วมกันยื่นฟ้องอธิบดีกรมที่ดินและรองปลัดกระทรวงมหาดไทยต่อศาลปกครองกลาง ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินที่สั่งให้เพิกถอนและแก้ไข น.ส.3 ก. ที่ดินทั้ง 52 แปลง
ทั้งนี้ เพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและพื้นที่สาธารณะ ตัวแทนชาวบ้านบางสะพาน 33 คน ในฐานะผู้ได้รับผลกระทบจากการออกเอกสารสิทธิ์ให้แก่เอกชนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงได้ใช้สิทธิร้องสอดเข้าร่วมเป็นคู่ความในคดีนี้ ที่มีความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวบางสะพาน ประโยชน์สาธารณะ และทรัพยากรธรรมชาติเป็นเดิมพัน เพื่อร่วมสนับสนุนข้อมูลหลักฐานความไม่ชอบด้วยกฎหมายต่อศาล
อีกทั้งเพื่อยืนยันหลักการสิทธิชุมชนในการมีส่วนร่วมบำรุงรักษา จัดการและใช้ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืนตามที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้
หลังจากรอการตัดสินชี้ชะตามา 7 ปี ศาลปกครองกลางได้นัดฟังคำพิพากษาแห่งคดีนี้ ในวันอังคารที่ 29 ส.ค. 2560 เวลา 11.00 น. ณ ศาลปกครองกลาง ชั้น 3 ห้องพิจารณาคดี 14 โดยมีชาวบ้านบางสะพานกว่า 100 คน นัดหมายเดินทางมาร่วมรับฟังผลคำพิพากษาด้วย