ศาลฎีกาเลื่อนอ่านคำพิพากษาคดี ‘องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้’ ฟ้องขับไล่ ‘ชาวบ้านชุมชนบ่อแก้ว’ เนื่องจากจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 13 เสียชีวิต ก่อนการเข้านัดฟังคำพิพากษา รอทายาทของผู้เสียชีวิตมารับมรดกความ
2 พ.ค. 2560 สำนักข่าวปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน รายงานว่าชาวบ้านชุมชนบ่อแก้ว ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ จำนวนกว่า 100 คน เดินทางเข้ารับฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ตามที่ศาลจังหวัดภูเขียวนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีระหว่างองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) ฟ้องขับไล่ นายนิด ต่อทุน จำเลยที่ 1 พร้อมพวกรวม 31 คน ในข้อหาว่าจำเลยและบริวารได้กระทำการบุกรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าภูซำผักหนาม
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (2 พ.ค. 2560) ศาลจังหวัดภูเขียวเลื่อนอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกา เนื่องจากจำเลย 2 ราย เสียชีวิต
ถนอมศักดิ์ ระวาดชัย ทนายความศูนย์ศึกษาและพัฒนานักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน (ศกส.) แจ้งว่า ตามที่ศาลจังหวัดภูเขียวได้นัดจำเลยทั้ง 31 คน มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในวันนี้ (2 พ.ค.2560) แต่ศาลไม่สามารถอ่านคำพิพากษาได้ เนื่องจากจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 13 เสียชีวิต ทนายจำเลยจึงยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกให้ทายาทของผู้เสียชีวิตมารับมรดกความ
ศาลอนุญาตตามที่ทนายจำเลยขอ โดยได้มีคำสั่งให้เลื่อนการอ่านคดีออกไป และมีคำสั่งเรียกให้ทายาทของจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 13 ที่เสียชีวิต มายื่นคำร้องขอรับมรดกความภายใน 15 วัน คือวันที่ 16 พ.ค. 2560 และศาลมีคำสั่งนัดไต่สวนคำร้องขอรับมรดกความของทายาท จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 13 ในวันที่ 2 มิ.ย. 2560 เวลา 10.00 น.
ด้านนิด ต่อทุน ประธานโฉนดชุมชนบ่อแก้ว บอกว่า การถูกดำเนินคดี เกิดขึ้นหลังจาก องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ออป.เข้ามาปลูกป่ายูคาฯ ทับที่ดินทำกินเมื่อปี 2521 ต่อมาในวันที่ 17 ก.ค. 2552 ชาวบ้านผู้เดือดร้อนจึงเข้าปฏิบัติการยึดพื้นที่พร้อมกับจัดตั้งชุมชนบ่อแก้วขึ้นมาเพื่อแสดงสัญลักษณ์ความเป็นเจ้าของพื้นที่ และเพื่อนำมาใช้ประโยชน์สำหรับการผลิตทางการเกษตรเกษตรอินทรีย์ และเป็นที่อยู่อาศัย เป็นพื้นที่ทางวัฒนธรรมและเป็นศูนย์รวมในการทำกิจกรรมของชุมชน
นายนิด บอกอีกว่า นอกจากนี้เพื่อรอคำตอบในการแก้ไขปัญหาสวนป่าคอนสารจากรัฐบาล ภายหลังจากการดำเนินการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานภาครัฐเป็นไปอย่างล่าช้า ตามที่ชาวบ้านมีข้อเรียกร้อง คือ ให้ยกเลิกสวนป่าคอนสารโดยเด็ดขาด ให้จัดสรรที่ดินให้ชาวบ้านผู้เดือดร้อนในรูปแบบโฉนดชุมชน และในระหว่างการแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านสามารถทำประโยชน์ในพื้นที่ เพื่อเตรียมการพัฒนาพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชน จำนวนเนื้อที่ 1,500 ไร่
“ผลการต่อสู้เรียกร้องเพื่อความเป็นธรรมในสิทธิที่ดินทำกิน กลับกลายเป็นที่มาของการถูกดำเนินคดี” ประธานโฉนดชุมชนบ่อแก้ว กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ อ.อ.ป. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องดำเนินคดีรวม 31 คน เมื่อวันที่ 27 ส.ค.2552 ในข้อกล่าวหาได้กระทำการบุกรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าภูซำผักหนาม จึงขอให้ศาลได้มีคำสั่งขับไล่ออกจากพื้นที่ พร้อมกับรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และไม้ผลไม้ยืนต้นที่ปลูกไว้ กระทั่งในวันที่ 21 ธันวาคม 2554 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากพื้นที่ภายใน 30 วัน ต่อมาจำเลยได้มีการยื่นฎีกา และศาลจังหวัดภูเขียวฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ในวันนี้ (2 พ.ค.2560) แต่ศาลเลื่อนการอ่าน เนื่องจากจำเลยเสียชีวิต 2 ราย ก่อนเข้ารับฟังคำพิพากษาเมื่อไม่กี่เดือนมานี้