สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ เดินหน้าพบ กสม. ร้องกรณีลอบสังหารนักปกป้องสิทธิมนุษยชน สมาชิกชุมชนคลองไทรฯ รายที่ 5 ในรอบ 7 ปี ชี้ปมคุกคามจากปัญหาที่ดิน ขอคุ้มครองความปลอดภัย ประสานตำรวจเร่งสอบสวนหาข้อเท็จจริง พร้อมร่วมผลักดัน DSI รับเป็นคดีพิเศษ ด้าน ‘อังคณา’ รับลูก เตรียมลงพื้นที่ดูข้อเท็จจริงหลังสงกรานต์
11 เม.ย. 2559 เวลาประมาณ 10.00 น. สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) เดินทางเข้ายื่นหนังสือเรื่องความพยายามในการสังหารนักปกป้องสิทธิมนุษยชน สมาชิกของสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ ต่ออังคณา นีละไพจิตร ประธานอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ร้องคุ้มครองความปลอดภัย ประสานตำรวจเร่งสอบสวนหาข้อเท็จจริง พร้อมร้องร่วมผลักดัน DSI รับเป็นคดีพิเศษ
สืบเนื่องจากกรณีคนร้ายลอบยิงนายสุพจน์ กาฬสงค์ ชาวชุมชนคลองไทรพัฒนาและสมาชิกสกต. จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2559 ในพื้นที่ อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี
สรุปประเด็นข้อร้องเรียน ของ สกต. มีดังนี้
ประเด็นที่ 1 ขอให้กสม. ประสานความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและผู้กำกับสถานีตำรวจชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน คดีการลอบยิงนายสุพจน์เพื่อหาผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม
ประเด็นที่ 2 ขอให้ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหามาตรการคุ้มครองดูแลความปลอดภัยให้นายสุพจน์ และสมาชิกชุมชนคลองไทรพัฒนา ซึ่งต้องอยู่อย่างหวาดกลัวจากการลอบทำร้ายสมาชิกในชุมชนอย่างต่อเนื่อง
ประเด็นที่ 3 ขอให้กสม.ประสานความร่วมมือกับกระทรวงยุติธรรมเพื่อให้พิจารณารับคดีการลอบสังหารนักปกป้องสิทธิมนุษยชน เป็นคดีพิเศษภายใต้การทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เนื่องจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลข่มขู่คุกคามสมาชิกชุมชนคลองไทรพัฒนา สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้อย่างต่อเนื่อง โดยยังไม่มีผู้กระทำผิดถูกนำตัวมาลงโทษแม้เพียงรายเดียว
ประเด็นที่ 4 ขอให้กสม.ลงพื้นที่เพื่อพูดคุยกับนายสุพจน์ สมาชิกชุมชนคลองไทรพัฒนาและครอบครัวนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ถูกลอบสังหารภายในระยะเวลาหกปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับสมาชิกของชุมชน
ด้าน อังคณา นีละไพจิตร ประธานอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) รับเรื่องดังกล่าวและหารือเพิ่มเติมว่าจะประสานงานกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีในพื้นที่ เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี จะประสานงานกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อให้พิจารณารับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ และจะเชิญหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องรวมมาให้ข้อมูลในการประชุม เพื่อตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นกับนักปกป้องสิทธิมนุษยชนและสมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ รวมถึงประสานงานกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพเพื่อให้มีการคุ้มครองพยานในคดีดังกล่าว
อังคณาระบุด้วยว่าวางแผนจะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและพูดคุยกับนายสุพจน์ และครอบครัวของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนรายอื่น ๆ ในพื้นที่ชุมชนคลองไทรพัฒนาที่ถูกลอบสังหารหลังวันหยุดเทศกาลสงกรานต์
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันพรุ่งนี้ (12 เม.ย. 2559) เวลา 10.00 น. ตัวแทนจาก สกต.จะเดินทางไปยื่นหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เพื่อให้พิจารณารับคดีการลอบสังหารนายสุพจน์ และนักปกป้องสิทธิมนุษยชนคนอื่นไว้ภายใต้การทำงานของ DSI ด้วย
ทั้งนี้ หนังสือของ สกต.มีรายละเอียด ดังนี้
สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) และ Protection International (พีไอ) ๘ เมษายน ๒๕๕๙ เรียน ประธานอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เรื่อง ความพยายามในการสังหารนักปกป้องสิทธิมนุษยชน สมาชิกของสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) รวมตัวกันบนพื้นฐานการเคลื่อนไหวที่สืบเนื่องมาจากการพยายามผลักดันให้เกิดการกระจายการถือครองที่ดินในพื้นที่เกษตรกรรมโดยเฉพาะในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ เกษตรกรได้ร่วมกันตรวจสอบการครอบครองที่ดินของบริษัทที่หมดระยะการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ หรือสิ้นสุดสัญญาเช่าที่ดินซึ่งเป็นที่ของรัฐ และจากการตรวจสอบพบว่าบางกรณีบริษัทต่างๆ บุกรุกที่ดินของรัฐมาโดยตลอด นั่นคือ ไม่เคยได้รับหนังสืออนุญาตให้ครอบครองที่ดินของรัฐแต่ก็สามารถทำประโยชน์อย่างต่อเนื่องยาวนานมากว่า ๓๐ ปี เช่น การปลูกปาล์มน้ำมันในพื้นที่ป่าไม้ พื้นที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) โดยบริษัท จิวกังจุ้ยพัฒนา จำกัด ซึ่งต่อมาเมื่อปี ๒๕๕๑ เกษตรกรชุมชนคลองไทรพัฒนาได้เข้าต่อสู้แย่งสิทธิการครอบครองในที่ดินแปลงนี้ กระทั่งกลายเป็นมูลเหตุของความขัดแย้งกับนายทุน และผู้มีอิทธิพลในพื้นที่นั้น รวมทั้งกรณีล่าสุดที่มีคนร้ายไม่น้อยกว่า ๓ คน เข้ามาซุ่มยิงนายสุพจน์ กาฬสงค์ สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) จึงพยายามผลักดันให้มีการตรวจสอบการครอบครองที่ดินของนายทุนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อนำที่ดินเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปให้เกษตรกรที่ยากจน หรือขาดแคลนที่ดินทำกิน สหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ก่อตั้งเมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๕๑ ซึ่งมีชุมชนที่เข้ามารวมกลุ่มกันจำนวน ๖ ชุมชน คือ ชุมชนสันติพัฒนา ชุมชนคลองไทรพัฒนา ชุมชนก้าวใหม่ ชุมชนทับควาย ชุมชนน้ำแดง และชุมชนเพิ่มทรัพย์ เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วยการจัดสรรที่ดินและดำเนินคดีหรือใช้มาตรการทางกฎหมายกับนายทุน โปรเทคชั่นอินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย มุ่งหมายที่จะยกระดับการทำงานของนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนด้วยการส่งเสริมให้นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ตลอดถึงสังคมในวงกว้างตระหนักถึงปัจจัยด้านความปลอดภัยของตัวนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนเองผ่านการเสริมสร้างศักยภาพด้านความปลอดภัย การอบรม การวิจัย และการรณรงค์ วันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๙ เวลาประมาณ ๑๔.๓๐ น. นายสุพจน์ กาฬสงค์ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนด้านสิทธิในที่ดินและทรัพยากรฯ สมาชิกของสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้สังกัดชุมชนคลองไทรพัฒนา ถูกลอบยิง ด้วยอาวุธปืนหลายชนิด เช่น .๓๘ ม.ม. และปืนลูกซอง ซึ่งทราบได้จากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพบหัวกระสุนตกอยู่ในรถยนต์ของนายสุพจน์ โดยกระสุนเข้าร่างกายที่สะโพกจำนวน ๖ นัด ต้นแขน จำนวน ๒ นัด และรถยนต์ที่ นายสุพจน์ กาฬสงค์ ใช้ในวันเกิดเหตุ ถูกยิงเป็นรูพรุนที่กระจกและประตูด้านซึ่งเป็นที่นั่งของคนขับ (ตามรูปที่แนบมา) เหตุเกิดในพื้นที่ ส.ป.ก.แปลงพิพาทฯ บริเวณทางลำลองซึ่งใช้เป็นเส้นทางเข้า-ออก ชุมชนคลองไทรพัฒนา ตำบลไทรทอง อำเภอชัยบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังจากเกิดเหตุ นายสุพจน์ กาฬสงค์ ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลชัยบุรีแต่ทางโรงพยาบาลชัยบุรีต้องส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี โดยหมอต้องทำการผ่าตัดเอากระสุนปืนจำนวน ๒ นัด ออกจากร่างกายของนายสุพจน์ หลังจากนั้น สมาชิกของสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ได้โทรศัพท์ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจชัยบุรี เพื่อแจ้งเหตุและ เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ไปที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นเวลาล่วงเลยไปกว่าหนึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน ๑๐นาย นำโดยร้อยตำรวจโท วันชาติ ทองเพชร พนักงานสอบสวน ได้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุและได้สอบปากคำ นายเจริญ อาการส ซึ่งเป็นผู้อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุและเป็นหนึ่งในสมาชิกของชุมชนคลองไทรพัฒนา การตรวจที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบเพียงหัวกระสุนจำนวน ๑ นัด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถ่ายรูปสถานที่เกิดเหตุ สมาชิกของสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้โดยเฉพาะชุมชนคลองไทร นอกจากต้องต่อสู้เรื่องสิทธิการเข้าถึงที่ดินและสิทธิการก่อตั้งชุมชนใหม่แล้ว ยังต้องหาแนวทางในการรับมือและต่อสู้กับกลุ่มอิทธิพลมืดมาโดยตลอด ทำให้ถูกลอบสังหารตั้งแต่ปี ๒๕๕๓ – ๒๕๕๘ จำนวน ๔ ราย นายสุพจน์ ซึ่งเป็นรายที่ ๕ ของชุมชนคลองไทรพัฒนาที่ถูกลอบยิง โดยที่ผ่านมาสมาชิกที่ถูกสังหารมีรายนามดังนี้คือ วันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๓ นายสมพร พัฒภูมิ ถูกยิงเสียชีวิตในบริเวณชุมชน เวลาวิกาล วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ นางปราณี บุญรักษ์ อายุ 55ปี และนางมลฑา ชูแก้ว อายุ 50 ปี ถูกยิงเสียชีวิตเวลาเช้า บนเส้นทางเข้าออกชุมชนฯ วันที่ ๑๑กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ นายใช่ บุญทองเล็ก ถูกยิงเสียชีวิตที่บ้านพัก เวลาเย็น โดยปัจจุบันคดีที่สังหารนักปกป้องสิทธิฯ ที่กล่าวมาข้างต้นยังไม่มีความคืบหน้า ยังไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย ได้แม้แต่รายเดียว ตัวอย่างที่ชัดเจน เช่นกรณีคำพิพากษาของศาลจังหวัดเวียงสระ ที่พิพากษาว่าจำเลยซึ่งถูกส่งฟ้องคนเดียวในคดีสังหาร นายใช่ บุญทองเล็ก ไม่มีความผิด เพราะพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ทำให้กลุ่มคนร้าย ตลอดถึงผู้บงการจ้างวาน เกิดความย่ามใจที่กระทำความผิดมาหลายครั้งแล้วแต่ไม่ถูกลงโทษ อีกทั้งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ในพื้นที่ชุมชนคลองไทรพัฒนา สมาชิกยังถูกคุกคามมาตลอด ทั้งการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีให้ออกจากพื้นที่ การใช้อิทธิพลมืดนำรถแทร็กเตอร์การเกษตรเข้ามาไถทำลายกระท่อมของชาวบ้าน การยิงขู่รอบ ๆ ชุมชนหลาย ๆ ครั้งในเวลากลางคืน การทำลายพืชผลทางการเกษตรของสมาชิก และการสังหารแกนนำ หรือนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนในระดับชุมชน ดังกล่าวแล้วข้างต้น ทางพีไอและ สกต. จึงเรียนมาเพื่อให้ท่านทราบและขอให้ท่านดำเนินการดังต่อไปนี้อย่างเร่งด่วน ๑.ขอให้ท่านประสานงาน ติดต่อกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและผู้กำกับสถานีตำรวจชัยบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อให้มั่นใจได้ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนในขั้นตอนการสอบสวน การรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อหาผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้กระทำผิดถูกลงโทษ และครอบครัวของนักปกป้องสิทธิฯ ไม่เคยได้รับความยุติธรรม การที่ผู้กระทำผิดยังคงลอยนวลและไม่ต้องรับผิดจากการกระทำที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ยังมีการคุกคามและสังหารเกิดขึ้นเรื่อย ๆ จากวัฒนธรรมการทำผิดแล้วไม่ต้องถูกลงโทษ ซึ่งสร้างสภาวะที่อันตรายต่อความปลอดภัยของนักปกป้องสิทธิฯ ๒.ขอให้ท่านติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อร่วมหามาตรการในการดูแล คุ้มครองความปลอดภัยของนายสุพจน์ กาฬสงค์ และผู้นำของสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้และสมาชิกชุมชนคลองไทรพัฒนาซึ่งต้องอยู่อย่างหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ๓.ขอให้ท่านประสานงานกับกระทรวงยุติธรรม ผลักดันคดีนี้ให้เป็นคดีพิเศษภายใต้การทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เนื่องจากชาวบ้านในพื้นที่ถูกข่มขู่คุกคาม ถูกกระทำจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลอย่างต่อเนื่อง และความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เชื่อได้ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐในท้องถิ่นและผู้มีอิทธิพลได้มีผลประโยชน์ทับซ้อนและแอบแฝง เกื้อหนุนกัน ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ไม่มีความเป็นอิสระอย่างเพียงพอจนไม่สามารถที่จะทำงานอย่างเที่ยงธรรม และไม่ประสงค์จะทำการสอบสวนเพื่อประโยชน์ของเหยื่อที่ถูกสังหารหรือพยายามฆ่า เราหวังว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษจะรับทำคดีนี้แล้วสืบสวน สอบสวน จนหาผู้กระทำผิดมาลงโทษเพื่อจะเป็นการปราบปรามผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ให้หมดไปและเป็นการสร้างความมั่นใจว่านักปกป้องสิทธิมนุษยชนจักได้รับความยุติธรรมและการคุ้มครอง อีกทั้งขอให้กรมคุ้มครองสิทธิให้การคุ้มครองความปลอดภัยของนายสุพจน์ กาฬสงค์ พยานปากสำคัญในคดีสังหาร นายใช่ บุญทองเล็ก ๔.ขอให้ท่านและอนุกรรมการฯลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมอาการของ นายสุพจน์ กาฬสงค์ และชุมชนคลองไทรพัฒนา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้สมาชิกของชุมชน รวมถึงการพบกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อประสานงานตามการร้องขอ ซึ่งได้กล่าวมาแล้วข้างต้น จึงเรียนมาเพื่อให้ท่านโปรดพิจารณาและดำเนินการเพื่อให้มั่นใจได้ว่า นักปกป้องสิทธิมนุษยชนเรื่องที่ดินระดับชุมชน จะได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมายและจะต้องไม่ถูกคุกคาม ข่มขู่ และทำให้เสียชีวิตโดยอำเภอใจของผู้มีอำนาจเหนือกฎหมาย ขอแสดงความนับถืออย่างสูง |