อช.ภูกระดึง รุกหนัก ปิดคำสั่งรื้อถอนสะพานแขวน อพยพชุมชนทางอ้อม ตัดขาดโลกภายนอก สวนทางต่อคำสั่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งแถลงผลงานและบอกว่าจะให้คนอยู่กับป่าได้
ศรายุทธ ฤทธิพิณ
สำนักข่าวปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน
28 ธ.ค. 2558 เวลาประมาณ 09.30 น. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูกะดึง กว่า 20 นาย ตรึงกำลังเข้าผลักดันชาวบ้านชุมชนวังอีเมียง ต.ศรีฐาน อ.ภูกระดึง จ.เลย นำแผ่นป้ายโปสเตอร์ขนาดใหญ่จำนวน 2 แผ่น ขึ้นติดตั้งบริเวณเชิงสะพานแขวน ซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรเพียงแห่งเดียวของชาวบ้านชุมชนวังอีเมียงสู่สังคมภายนอก
ป้ายประกาศดังกล่าวระบุว่า ตามหนังสือส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่ 8 (ขอนแก่น) มีคำสั่งลงวันที่ 26 ธันวาคม 2558 ให้อุทยานแห่งชาติภูกระดึง เร่งรัดดำเนินการตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ ในฐานะเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ได้มีคำสั่งที่ 70/2557 ลงวันที่ 28 ก.ย. 2557 เรื่องให้ผู้กระทำผิดรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งอื่นใดที่ผิดไปจากเดิม ออกไปให้พ้นอุทยานแห่งชาติภูกระดึง หรือทำให้สิ่งนั้นๆ กลับคืนสู่สภาพเดิมแล้วแต่กรณี ตามประกาศคำสั่งของป้ายนั้นกำหนดให้รื้อถอนออกภายในวันที่ 30 ธ.ค.2558 เป็นต้นไป
ป้ายประกาศดังกล่าว ระบุลงท้ายด้วยว่า การกระทำซึ่งเป็นการต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่พนักงานตามคำสั่งดังกล่าว พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจใช้กำลังในการปฏิบัติหน้าที่ และผู้กระทำการต่อสู้ขัดขวางจะต้องถูกดำเนินคดีอาญาอีกทางหนึ่งด้วย
ตัวแทนชาวบ้านชุมชนวังอีเมียงรายหนึ่ง บอกว่า ชุมชนวังอีเมียงได้รับผลกระทบความเดือดร้อนหลายครั้ง ก่อนหน้านี้ วันที่ 28 ก.ย. 2557 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ได้นำป้ายปิดประกาศคำสั่งให้รื้อสะพานแขวนเข้าชุมชน โดยอ้างว่าสะพานบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ แต่ชาวบ้านได้รวมตัวคัดค้าน เพราะถือว่าเป็นการปิดกั้นทั้งสิทธิ และเสมือนเป็นการตัดขาดการสัญจรสู่โลกภายนอก นอกจากนี้ไม่เป็นไปตามมติการมีส่วนร่วมของโครงการจอมป่าฯ ที่ระบุว่า การกระทำการใดๆ ต้องผ่านการมีส่วนร่วมของคณะกรรมการจอมป่าฯ
ชาวบ้านรายเดิมเพิ่มเติมอีกว่า นับแต่มีแผนแม่บทป่าไม้ฯ รวมทั้งนโยบายทวงคืนผืนป่า ชุมชนวังอีเมียงได้รับความเดือดร้อนหลายครั้ง ทั้งที่ในกรณีดังกล่าว ตัวแทนผู้เดือดร้อนได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน กระทั่งเมื่อ 23 มี.ค. 2558 มติที่ประชุมได้พิจารณาเห็นควรให้ชะลอการรื้อถอนสะพาน โดยให้เป็นไปตามนโยบาย คสช. 66/57 แต่ต่อมาก็มีเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมมาตลอด
เช่น วันที่ 2 มิ.ย. 2558 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูผาม่าน มีหนังสือแจ้งให้ทราบว่าจะมีการลงสำรวจพิสูจน์สิทธิ์ที่ดินทำกิน ชาวบ้านเกรงว่าจะเป็นนโยบายการทวงผืนป่า และรัฐจะนำมติ ครม.30 มิ.ย.2541 มาใช้ในการลงพิสูจน์สิทธิ์ ซึ่งนโยบายนี้ขาดการมีส่วนร่วมของชุมชน
ดังนั้นตัวแทนผู้ได้รับผลกระทบได้เดินทางไปยังที่ทำการอุทยานภูผาม่าน เพื่อร่วมพูดคุยกับหัวหน้าอุทยานฯ นายอำเภอชุมแพ พร้อมปลัดอำเภอ และหัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2558 เข้ายื่นหนังสือ โดยผ่านตัวแทนจากศูนย์ดำรงธรรมขอนแก่น ตัวแทนสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 8 (ขอนแก่น) ปลัดอาวุโสอำเภอภูผาม่าน และนักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ
โดยสรุปผลการมายื่นหนังสือ ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันเจรจาจนเป็นที่ยุติว่า การลงสำรวจข้อมูลชุมชนที่จะเกิดขึ้นนั้น ให้ยุติไว้ก่อน จนกว่าจะมีการหารือร่วมกันทั้งจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ นายอำเภอ และประชาชนในพื้นที่ ด้วยเหตุผลว่า การจัดการทรัพยากรเป็นของชุมชนมีส่วนร่วม ต้องผ่านคณะกรรมการหมู่บ้านและคณะกรรมการจอมป่าฯ และมีกฎข้อระเบียบของการอนุรักษ์ผืนป่า รัฐจะมาจัดการเองโดยพละการ และไล่ออกจากพื้นที่ไม่ได้
“แม้ส่วนหนึ่งชุมชนจะตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อุทยานฯ ภูผาม่าน ซึ่งเป็นรอยต่อเชื่อระหว่าง อุทยานฯทั้งสองแห่ง คือภูผาม่านและภูกระดึง โดยมีลำน้ำพองแบ่งเขต ซึ่งสะพานแขวนแห่งนี้เป็นเส้นทางเดียวในการสัญจรสู่โลกภายนอก เพราะรอบด้านชุมชนล้วนล้อมรอบไปด้วยเทือกเขา แต่เหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมก็เกิดขึ้นมาอีก ทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่า เจ้าหน้าที่ไม่ยอมลดละแน่นอน เพราะอุทยานแห่งชาติภูกระดึงกลับมีคำสั่งให้รื้อถอนสะพานแขวน ถือเป็นการไล่ชุมชนออกจากพื้นที่ทางอ้อม และเป็นการปฏิบัติการล้ำมติต่อคำสั่งที่ชาวบ้านผู้เดือดร้อนได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และศูนย์ดำรงธรรมขอนแก่น รวมทั้งหัวหน้าอุทยานฯ ภูผาม่าน ที่มีมติร่วมกันว่าให้มียุติการดำเนินการใดๆ อันจะส่งผลกระทบต่อความปกติสุขของชุมชน และขัดต่อคำสั่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งแถลงผลงานและบอกว่าจะให้คนอยู่กับป่าได้ แต่การกระทำของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ดูเหมือนจะสวนทางกับนโยบาย” ตัวแทนชาวบ้านรายเดิม กล่าวทิ้งท้าย
ข้อมูลพื้นฐานชุมชนวังอีเมียง ต.ศรีฐาน อ.ภูกระดึง จ.เลย นับแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2505 ภายหลังได้มีการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติภูกระดึง ทำให้ชาวบ้านชาวบ้านทำหากินและที่อยู่อาศัยมาอย่างต่อเนื่อง ต้องอพยพข้ามลำน้ำพองเข้ามาทำกินใน พื้นที่วังอีเมียงมากขึ้น ต่อมามีการประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติภูเปือย จ.เลย และในปี พ.ศ.2534 มีการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน ครอบคลุมพื้นที่ อ.ภูผาม่าน อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น และ อ.ภูกระดึง จ.เลย พื้นที่วังอีเมียงทั้งหมดจึงตกอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน ภายหลังชุมชนวังอีเมียงถูกเจ้าหน้าที่อพยพออกจากพื้นที่ตามโครงการ คจก.เมื่อปี 2533 ต่อมาผู้เดือดร้อนในภาคอีสาน ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าว ได้ร่วมกันผลักดันจนสามารถล้มโครงการ คจก.ได้สำเร็จเมื่อปี 2535 ชุมชนวังอีเมียงได้กลับเข้ามาพื้นที่ทำกินเดิมอีกครั้ง ปรากฏว่าถูกประกาศเป็น อช.ภูผาม่าน ไปเมื่อปี 2534 ด้วยความที่ชุมชนอยู่มาก่อนการประกาศเขตอุทยานฯ และเพื่อสิทธิการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน จึงร่วมกันผลักดันให้เกิดโครงการจอมป่าฯ ในปี 2550 ที่สามารถให้ชาวบ้านอยู่กับป่าและร่วมใช้ประโยชน์ในทรัพยากรและร่วมกันอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน |
ความคืบหน้า: กอ.รมน.สั่งด่วน ระงับการรื้อสะพานแขวนที่กระทบชุมชนวังอีเมียง