14 มี.ค. 2558 กลุ่มพลเมืองโต้กลับจัดกิจกรรม ‘พลเมืองรุกเดิน’ ภายใต้แนวคิด ‘เมื่อความยุติธรรมไม่มา ก็เดินหน้าไปหามัน’ เรียกร้องพลเรือนไม่ต้องขึ้นศาลทหาร โดยพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ พ่อของสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือ ‘เฌอ′ นักกิจกรรมทางสังคมที่ถูกยิงเสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุม ปี 2553 เป็นผู้เริ่มต้นเดินจากบางบัวทองเพื่อไปยัง สน.ปทุมวันเพื่อเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กิจกรรมออกเดินตามหาความยุติธรรมเริ่มด้วยพันธ์ศักดิ์อ่านบทกวี แล้วจึงเริ่มออกเดินจากบางบัวทองในเวลาประมาณ 7.00 น. แต่เดินได้ระยะทางราว 5 กิโลเมตร บริเวณศูนย์ติดตั้งแก๊สรถยนต์ข้างปั๊มแก๊ส NGV บนถนนบางกรวยไทรน้อย ก่อนถึงโค้งออกถนนรัตนธิเบต ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งวางกำลังอยู่ในจุดนั้นราว 20 นายล้อมคุมตัวไป ทำให้กิจกรรมการเดินหยุดชะงักไป
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าการเข้าระงับกิจกรรมครั้งนี้เป็นการใช้อำนาจตามข้อ 4 ของประกาศคสช.ฉบับที่ 97/ 2557 เรื่อง การให้ความร่วมมือต่อการปฏิบัติงานของคสช.และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ อย่างไรก็ตามประกาศฉบับดังกล่าวนั้นมีลักษณะเป็นการขอความร่วมมือและไม่ได้มีการกำหนดโทษใดๆไว้
ขณะนี้ พันธ์ศักดิ์ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สน.ปทุมวัน และรอฟังคำพิจารณาว่าจะปล่อยตัวหรือดำเนินการยังไงต่อ โดยเจ้าตัวระบุว่า “ถ้าปล่อยตัวผม ผมก็จะกลับไปเดินใหม่ที่จุดโดนรวบตัวครับ”
ภาพจาก: เพจเฟซบุ๊ก พลเมืองโต้กลับ Resistant Citizen
ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 09.20 น. พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1 เดินมาถึง สน.ปทุมวัน เตรียมคุยพันธ์ศักดิ์ โดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า การดำเนินการของทาง สน.บางบัวทองชอบด้วยธรรม เพราะพันธ์ศักดิ์ไม่ได้เดินแบบปกติ มีการนัดหมายทางโซเซียลและส่อเจตนาทางการเมือง ทางจ.นนทบุรีจึงมีความชอบธรรมในการเข้ายับยั้ง และให้อำนาจทาง สน.ปทุมวันดำเนินการต่อ
เอกสารที่ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน นำมาแจกนักข่าว
ภาพจาก: Karnt Thassanaphak
ด้านเพจเฟซบุ๊ก พลเมืองโต้กลับ Resistant Citizen โพสต์ความคืบหน้าเหตุการณ์เป็นระยะ โดยข้อความหนึ่งระบุถึงผู้ติดตามการทำกิจกรรมว่า
เรียน ท่านผู้ให้กำลังใจกับ พลเมืองโต้กลับทุกท่าน
ขณะนี้ ทางคุณพันธ์ศักดิ์ หรือ พ่อน้องเฌอ ได้โดนนำตัวขึ้นรถเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยัง สน ปทุมวันเรียบร้อยแล้ว คงไม่สามารถเดินเรียกหาความยุติธรรมได้ตามเส้นทางที่กำหนดไว้
ถ้าท่านใดที่รอให้กำลังใจพ่อน้องเฌอระหว่างทาง และประสงค์จะให้กำลังใจต่อไป เรียนเชิญได้ที่ สน ปทุมวันค่ะ
ด้วยความเคารพ
ด้านเพจเฟซบุ๊ก ศูนย์กลางนิสิต นักศึกษาเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย โพสต์ภาพระบุจะเดินจากธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ไป สน.ปทุมวัน เพื่อไปส่งข้าวส่งน้ำและท้วงถามข้อสงสัย “ว่าหาเจอหรือยังความยุติธรรม”
เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. พลเมืองโต้กลับ Resistant Citizen รายงานสถานการณ์ล่าสุด พันธ์ศักดิ์ ได้รับการปล่อยตัวแล้ว ขณะนี้กำลังให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน ยืนยันยังคงเดินหน้ากิจกรรมพลเมืองรุกเดิน ต่อไปในวันพรุ่งนี้เช้า จุดเริ่มต้นที่บริเวณหน้าไทยรัฐ ตามหมายกำหนดการเดิม ส่วนกิจกรรมเสวนาเย็นนี้ ยกเลิก ตามคำขอร้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สำหรับการควบคุมตัวในวันนี้ ยังคงหามูลความผิดที่แน่ชัดไม่พบ ไม่ทราบแน่ว่าใช้อำนาจตามกฏหมายข้อใดในการควบคุมตัว พันธ์ศักดิ์กล่าวว่า การกระทำของ จนท.ตำรวจในวันนี้ ถือเป็นการข่มขืนจิตใจ เข้าข่ายกักขังหน่วงเหนี่ยว กำลังพิจารณายื่นฟ้องการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในลำดับต่อไป
ทั้งนี้ เส้นทางการเดินกิจกรรม ‘พลเมืองรุกเดิน’ เริ่มจากบางบัวทอง – ถนนรัตนาธิเบศร์ – แยกพงษ์เพชร – ถนนประชาชื่น – ประชานิเวศน์ 1 – วัดเสมียนนารี – ถนนกำแพงเพชร 6 – กม.11 – สมดภ์อนุสรณ์ “นวมทอง ไพรวัลย์ ไทยรัฐ – สามเหลี่ยมดินแดง – หมุดเฌอ – ซอยรางน้ำ – ถนนโยธี – ถนนพระรามหก – ถนนศรีอยุธยา – กระทรวงการต่างประเทศ – วัดเบญจมบพิตรฯ – หมุดคณะราษฎร 2475 – ราชดำเนินนอก – อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย – มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ – สภาทนายความ – ถนนดินสอ – ศาลว่าการกรุงเทพมหานคร – ถนนบำรุงเมือง – สนามกีฬาแห่งชาติ – ศาลหลวงศุภชลาศัย – ส.น.ปทุมวัน ระยะทางร่วม 50 กิโลเมตร
ก่อนหน้านี้ ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 13 มี.ค.2558 พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพลเมืองโต้กลับ Resistant Citizen จะจัดกิจกรรมรณรงค์พลเมืองต้องไม่ขึ้นศาลทหารว่า กลุ่มดังกล่าวนำโดยนายอานนท์ นำภา ผู้ต้องหาคดีฝ่าฝืนประกาศ คสช.ในการจัดกิจกรรมที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นความพยายามแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ ไม่ต่างจากพฤติกรรมเดิมๆ ที่ระยะหลังพยายามไม่เข้าใจ และสร้างเงื่อนไขอยู่ตลอด เมื่อบ้านเมืองเกิดภาวะไม่ปกติ ทางภาครัฐก็จะต้องมีมาตรการกฎระเบียบให้เหมาะสมกับสถานการณ์ด้วยวัตถุประสงค์ต้องการให้สังคมมีความสงบเรียบร้อย
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า กรณีข้อเรียกร้องเรื่องการดำเนินคดีพลเรือนในศาลทหารนั้น แท้จริงก็เฉพาะบางคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงเท่านั้น ส่วนขั้นตอนการฟ้องดำเนินคดีของตำรวจจะไปส่งฟ้องที่ศาลทหาร หรือศาลพลเรือนก็ตามคงอยู่ในบรรทัดฐานเดียวกัน โดยเฉพาะถ้าผู้ถูกกล่าวหามีความผิดจริงตามองค์ประกอบของพยานหลักฐานที่สมบูรณ์ จะตัดสินคดีด้วยศาลใดก็ตาม ผลที่ออกมาก็ไม่แตกต่างกันอย่างแน่นอน ส่วนโอกาสในการต่อสู้ทางคดียืนยันว่า จะศาลไหนก็ยังคงสามารถทำได้เหมือนกัน
“เป็นมุมมองส่วนบุคคลที่ยังเข้าใจสถานการณ์ไม่ครบถ้วน สังคมส่วนใหญ่เข้าใจดีว่า ช่วงเวลาบ้านเมืองไม่ปกติจำเป็นที่ภาครัฐต้องการให้คนในสังคมเคารพ และปฏิบัติตนให้อยู่ในกรอบกติกา ภาครัฐอาจต้องมีเงื่อนไขเสริมพิเศษมาบ้าง ทั้งนี้ก็เพื่อสังคมส่วนรวม และประเทศชาติ อย่างไรก็ตามเชื่อว่า สังคมยังคงสับสนในเจตนาที่แท้จริงของนายอานนท์ว่า สิ่งที่พยายามดำเนินการอยู่นั้นเพื่อตนเอง หรือเพื่อประเทศชาติ และจากข้อมูลที่ได้กิจกรรมดังกล่าว อาจถูกมองส่อเค้าไปในลักษณะเชิงการเมือง ซึ่งกรณีที่มีบางบุคคลที่ยังไม่เข้าใจ คสช. คงจะเฝ้าระวังและติดตามอย่างใกล้ชิด ถ้าพบมีละเมิดกฎหมายก็จำเป็นต้องดำเนินการ” พ.อ.วินธัยกล่าว