ประมวลความเคลื่อนไหว คนโคกยาวร้อง ‘8 หน่วยงานรัฐ’ เลิกคำสั่งไล่รื้อ

ประมวลความเคลื่อนไหว คนโคกยาวร้อง ‘8 หน่วยงานรัฐ’ เลิกคำสั่งไล่รื้อ

รายงานโดย: ศรายุทธ ฤทธิพิณ
สำนักข่าวปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน

เมื่อวันที่ 20 ก.พ.58 ชาวบ้านชุมชนโคกยาว ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ร่วมสรุปงานหลังจากเสร็จสิ้นการเดินทางยื่นหนังสือ 8 หน่วยงานรัฐ  เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง และขอให้พิจารณาสั่งการเพื่อยกเลิกหนังสือคำสั่งบังคับให้ราษฎร์ผู้เดือดร้อนออกจากพื้นที่พิพาทสวนป่าโคกยาวโดยเร็วที่สุด รวมทั้งขอให้พิจารณารับรองแผนการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนโดยชุมชนโคกยาว

นายเด่น คำแหล้ ชาวบ้านชุมชนโคกยาว กล่าวสรุปงานและติดตามความคืบหน้าว่า จากเมื่อวันที่ 16 ก.พ.58 เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ (ศูนย์ดำรงธรรม) เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ และ พล.ต.มารุต ลิ้มเจริญ ผบ.กกล.รส.จว.ชย ผ่าน พ.ต.สุรขัย ชอบยิ่ง เลขาฯ ผบ.กกล.รส.จว.ชย โดยแจ้งว่าจะนำยื่นต่อเพื่อให้รับทราบปัญหาผลกระทบความเดือดร้อนโดยเร็วที่สุด จากนั้นเดินทางไป จ.นครราชสีมา เพื่อขอเข้าพบและยื่นหนังสือต่อผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 โดยทางเลขาฯ กองอำนวยการสำนักจัดการป่าไม้ที่ 8 เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ

ในวันเดียวกันได้เดินทางต่อไปยังกรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือต่ออีก 5 หน่วยงาน ในวันที่ 17 ก.พ.58 โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือต่อ  พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม มีปลัดสำนักสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ

นายเด่น บอกต่ออีกว่า สำหรับการยื่นที่ทำเนียบรัฐบาล นอกจากเพื่อให้ยกเลิกคำสั่งไล่รื้อชุมชนโคกยาว ได้มีการยื่นหนังสือเพิ่มเติมเพื่อติดตามแนวทางแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือ พีมูฟ และกรณีล่าสุดในพื้นที่ชุมชนคลองไทรพัฒนา ต.ไทรทอง อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี กรณีนายใช่ บุญทองเล็ก อายุ 61 ปี สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคใต้ (สกต.) ถูกยิงเสียชีวิต โดยตัวแทน สกต.ยื่นหนังสือ เรียกร้องให้หาคนร้าย และช่วยเหลือครอบครัวที่เสียชีวิต และกรณีพื้นที่สาธารณะประโยชน์โคกหนองสิม อ.ปทุมรัตต์ จ.ร้อยเอ็ด ถูกเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนายอำเภอ นายกฯ อบต.และเจ้าหน้าที่กระทรวงทรัพย์ฯ สนธิกำลังเข้ามาในพื้นที่ ขีดเส้นให้ชาวบ้านไปลงชื่อที่ อบต.โพนทอง เพื่อออกจากพื้นที่ภายในวันศุกร์ที่ 13 ก.พ. 2558

สำหรับ กลุ่มที่ 2 ตัวแทนได้เดินทางไปยังศูนย์ราชการใหม่ ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อเข้ายื่นหนังสือ นายนิรันดร์ พิทักษ์วัชระ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ล่าสุดมีความคืบหน้าว่า ทางทีมงาน กสม.จะลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ชุมชนโคกยาว ในวันที่ 24 ก.พ.นี้ 

จากนั้น นายบุญมี วิยาโรจน์ ชาวบ้านชุมชนโคกยาว กล่าวถึงการทำกิจกรรมของทีมที่ 3 ว่า พวกตนมี 4 คน ได้เดินทางไปยื่นหนังสือยังสำนักงานสหประชาชาติ (ยูเอ็น) โดยคุณ ยู คาโนะสุเอะ เจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนเป็นตัวแทนรับมอบ และได้ร่วมแลกเปลี่ยนถึงปัญหา โดยแจ้งว่าผู้แทนสำนักข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ทำหนังสือระบุถึงข้อกังวลกรณีขับไล่ชุมชนโคกยาว ไปยัง ผู้ว่าฯ ชัยภูมิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพย์ฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  และอธิบดีองค์การระหว่างประเทศแล้ว ทั้งให้ข้อมูลว่าจะมีการประชุมร่วมกันกับนานาชาติ เพื่อให้ต่างประเทศได้เกิดการรับรู้และเข้าใจ เพื่อให้มีการแก้ไขกรณีปัญหาที่ดินทำกินอย่างถูกต้อง และเป็นธรรม โดยจะจัดเวทีแลกเปลี่ยนในเร็วๆ นี้

จากนั้นเดินทางไปยื่นหนังสือต่อยังกระทรวงทรัพยากรฯ โดย นายเกรียงไกร นวนมะณี เลขาฯ สำนักงานรัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติฯ ตัวแทนรับหนังสือแจ้งว่า จะนำไปยื่นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพย์ฯ และมอบหมายให้ปลัดกระทรวงฯ มีหนังสือไปยังสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) ต่อไป พร้อมทั้งยืนยันว่า หากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่แล้วยังเข้าไปกระทำการข่มขู่ คุกคาม หรือเข้าไปปิดป้ายคำสั่งไล่รื้ออีก สามารถให้นำเลขลับของหนังสือที่ได้ประทับการยื่นไปแล้วให้เจ้าหน้าที่ดู เพื่อยืนยันว่าผู้เดือดร้อนได้มายื่นหนังสือ และขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการแก้ไขปัญหาอยู่

การหนังสือดังกล่าว สืบเนื่องมาจาก วันที่ 6 ก.พ. 58  เจ้าหน้าที่สนธิกองกำลังทหาร ตำรวจ ป่าไม้ จำนวนประมาณ 100 นาย เข้ามาปิดป้ายหนังสือประกาศ โดยคำสั่งที่ ทส.1621.4/2404 ลงวันที่ 26 ม.ค.2558 เรื่อง สั่งให้ผู้ถือครองพื้นที่ออกจากป่าสงวนแห่งชาติ หรืองดเว้นการกระทำใดๆ หรือรื้อถอน หรือแก้ไข ทำประการอื่นใดแก่สิ่งที่เป็นอันตราย หรือสิ่งที่ทำให้เสื่อมสภาพในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และให้รื้อถอนสิ่งปลุกสร้าง พืชผลอาสินทั้งหมดออกจากป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่มีคำสั่ง ทั้งนี้ผู้เดือดร้อนมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่ง ภายใน 15  วัน นับแต่วันได้รับคำสั่ง

นายบุญมี บอกอีกว่า การยื่นหนังสือครั้งนี้ เพื่อขอให้พิจารณาสั่งการเพื่อยกเลิกหนังสือคำสั่งบังคับให้ออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด และขอให้พิจารณารับรองแผนการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนโดยชุมชน ในพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชน เนื้อที่ประมาณ 830 ไร่ ตามมติ ครม.ปี 53 ชุมชนเสนอแนวทางการปฏิรูปที่ดินโดยชุมชน มาก่อนหน้านั้น ปัจจุบันก็ยังไม่เป็นจริง เพราะตามนโยบายยังไม่มีมาตรการแต่อย่างใด ขณะที่ชุมชนได้วางแผนการจัดการทั้งในเรื่องการจำแนกพื้นที่การใช้ประโยชน์ที่ดิน การพัฒนาระบบการผลิตที่ยั่งยืน โดยการเลือกรูปแบบการผลิตที่สอดคล้องกับ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และระบบภูมินิเวศ รวมทั้งการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สมดุล คือ สมาชิกจะใช้ที่ดินเพื่อทำการเกษตรกรรมและที่อยู่อาศัยเท่านั้น 

“การมาร่วมประชุมกันครั้งนี้เพื่อสรุปการไปร่วมกันยื่นหนังสือ และเพื่อติดตามการดำเนินงานการแก้ไขปัญหา เพราะเหตุการณ์ที่สร้างความทุกข์ใจแบบนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้ง โดยผู้เดือดร้อนได้มีการร้องเรียนมาโดยตลอด เสียเวลาทำมาหากิน และต้องรวบรวมช่วยหาค่าใช้จ่าย ค่าเดินทางมาโดยตลอด ปัญหาการแก้ไขก็ยังไม่มีท่าจะยุติ มีแต่จะสร้างความทุกข์ใจขึ้นไปอีกทุกขณะ” นายบุญมี กล่าวทิ้งท้าย

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ