ทีดีอาร์ไอวิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังอยู่ในช่วงอ่อนแรง สิ้นปีอาจโตเพียง 2.75-3.25 และจะค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างช้าๆ ในปีหน้า เหตุจากปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศ เกือบทุกตัวมีปัญหา แนะเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนภาครัฐช่วยค้ำยันเศรษฐกิจ สร้างความชัดเจน เร่งการเบิกจ่าย เยียวยารากหญ้า และเรียกความเชื่อมั่นให้นักลงทุน
11 ก.ค. 2558 สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) รายงานข้อมูล ดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ วิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2558 โดยระบุว่า ปีนี้น่าจะเป็นปีที่เศรษฐกิจไทยอยู่ในจุดต่ำสุดของวัฏจักรเศรษฐกิจ เนื่องจากมีปัญหาทั้งภายในและภายนอกที่เข้ามากระทบเครื่องจักรทางเศรษฐกิจแทบจะทุกตัว
ทั้งปัจจัยการบริโภคภายในประเทศ การลงทุนของภาคเอกชน ข้อจำกัดด้านรายจ่ายภาครัฐ และ ภาคการส่งออก ภาคการบริโภคมีปัญหาหนี้ครัวเรือนปรับตัวอยู่ในระดับสูงมากถึงร้อยละ 85-90 (ตามนิยามเดิม) และสูงสุดติดหนึ่งใน 15 ของโลก จนก่อให้เกิดความกังวลว่า หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวได้
ปัญหาดังกล่าว ส่วนหนึ่งเกิดจากราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ และมีความเป็นไปได้ว่าจะตกต่ำยาวอย่างต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นจากราคาน้ำมันที่ตกลงและความต้องการสินค้าเกษตรที่ลดลง อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง
เช่นเดียวกันนี้เอง ภาคการส่งออกของไทยก็อยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากและมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวต่อไป เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ประกอบกันปัญหาเชิงโครงสร้างภายในที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนหนีจากกิจกรรมการผลิตมูลค่าเพิ่มต่ำไปยังกิจกรรมการผลิตที่มีมูลค่าเพิ่มได้ดีเพียงพอ
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังตกขบวนในการเจรจาการค้าต่างๆ เช่น FTA ไทย-ยุโรปที่ล่าช้า และการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (Trans-Pacific Strategic Economic Partnership Agreement : TPP) ที่ไทยไม่ได้เข้าร่วมเจรจาด้วย ทำให้กรอบการใช้สิทธิ์ในระดับพหุภาคีของไทยยังมีไม่เต็มที่มากนัก โดยกรอบการเจรจาดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการเปิดตลาดการค้าสินค้า บริการและการลงทุน ทำให้การสร้างความสอดคล้องในกฎระเบียบทางเศรษฐกิจลดลงไปด้วย
ขณะที่ในส่วนของสินค้าประเภทชิ้นส่วนยานยนต์แม้ยังมีการเติบโตได้ดี แต่ต้องระวังเทคโนโลยีการผลิตหรือการออกแบบที่ค่อนข้างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ผู้ผลิตไทยจึงต้องมองเกมให้กว้างด้วยการวางแผนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ เพื่อตอบโจทย์ตลาดให้มากยิ่งขึ้น
ทางด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ เอกชนบางส่วนยังคงรอสัญญาณการผลักดันนโยบายที่แน่ชัดและมีผลประโยชน์ที่ดีจริงๆ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจคต่างๆ ที่ภาคเอกชนหรือนักลงทุนยังคงมีความไม่แน่ชัดในหลายๆ ด้าน ขึ้นกับว่าภาครัฐจะสามารถดำเนินโครงการได้ตามเป้าหมาย และโครงการดังกล่าวสามารถตอบโจทย์การพัฒนาเศรษฐกิจได้มากน้อยเพียงใด
ในส่วนรายจ่ายภาครัฐ ในส่วนของรายจ่ายประจำยังมีข้อจำกัดทางด้านงบประมาณค่อนข้างมาก และไม่น่าจะสามารถเป็นกลจักรใหญ่ในการผลักดันเศรษฐกิจได้
ปัจจัยบวกด้านการท่องเที่ยว แม้ว่าจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่ขนาดของผลกระทบยังหวังพึ่งให้เป็นกลจักรใหญ่ไม่ได้มากนัก
อย่างไรก็ตาม นักวิชาการทีดีอาร์ไอได้ให้ข้อเสนอแนะว่า จากสถานการณ์ที่เครื่องจักรเกือบทุกตัวอยู่ในสภาวะที่ทำงานได้อย่างไม่เต็มที่ สิ่งที่ภาครัฐต้องคำนึงและดำเนินการคือควรใช้มาตรการช่วยเหลือเยียวยาภาคเกษตรอย่างเร่งด่วน แต่ต้องเล็งให้ตรงเป้าไม่ใช่การเยียวยาแบบหว่านอย่างที่ผ่านๆ มา เพราะสถานการณ์ตอนนี้ภาคเกษตรกำลังน่าเป็นห่วงที่สุด
นักวิชาการทีดีอาร์ไอให้ข้อสรุปว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเป็นอีกปีที่เศรษฐกิจโตต่ำกว่าศักยภาพ โดยตัวเลขอัตราเจริญเติบโตที่เป็นบวก มาจากความโชคดีที่ปีที่แล้วอัตราเจริญเติบโตอยู่ในระดับต่ำมาก คือแค่ร้อยละ 0.7 เรียกได้ว่าเป็นความโตทางการคำนวณทางคณิตศาสตร์จากฐานที่ต่ำ มากกว่าจะเป็นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
กลจักรสำคัญในปีนี้ จะขึ้นอยู่กับการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐว่าสามารถทำได้ตามเป้าหมายมากน้อยเพียงใด และภาครัฐจะมีนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเร่งด่วนเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดคาดว่าอัตราเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้น่าจะอยู่ในช่วง 2.75-3.25 เปอร์เซ็นต์
สำหรับเศรษฐกิจไทยในปีหน้าคาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ จากหนี้ครัวเรือนซึ่งเกิดขึ้นจากนโยบายรถคันแรกน่าจะเริ่มครบกำหนด และการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ที่จะเข้ามาในขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ ปัจจัยสำคัญที่ชี้บ่งอนาคตของเศรษฐกิจในปีหน้าต้องจับตาดูว่าการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์จะสามารถดึงดูดทำให้เกิดการลงทุนภาคเอกชนได้มากน้อยเพียงใด