ด่วน! 24 ก.ย. จับตากรมอุทยานแห่งชาติฯ เพิกถอนใบอนุญาตสวนสัตว์พาต้า

ด่วน! 24 ก.ย. จับตากรมอุทยานแห่งชาติฯ เพิกถอนใบอนุญาตสวนสัตว์พาต้า

20142209201405.jpg

ด่วน! วันพุธ 24 ก.ย. จับตากรมอุทยานแห่งชาติฯ เพิกถอนใบอนุญาตสวนสัตว์พาต้า- กลุ่มคนรักสัตว์ลุยยื่น 35,000 รายชื่อ ผลักดันหาบ้านใหม่ให้ “บัวน้อย”กอริลล่ายักษ์ 

22 ก.ย. 2557-  Change.org รายงานเรื่อง การรณรงค์หาบ้านใหม่ให้ “บัวน้อย” กอริลล่ายักษ์ ผ่าน www.change.org/buanoi  เริ่มเป็นผล หลังจากมีการรณรงค์มาเกือบ 1 ปี  ล่าสุดอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ  เปิดโอกาสให้ทีมรณรงค์เข้าพบเพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้แล้ว 

นางศิลจิรา  อภัยทาน ผู้รณรงค์ซึ่งติดตามเรื่องบัวน้อยมาเกือบ 30ปี  กล่าวว่า  หลังจากที่ได้รณรงค์เรียกร้องให้  กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช  เพิกถอนใบอนุญาตสวนสัตว์ลอยฟ้าและตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาหาบ้านหลังใหม่ให้บัวน้อย มานานนับปี  ล่าสุดนายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ตอบรับในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ ในในวันพุธที่ 24 กันยายน 2557  เวลา 14.00 น  ณ กรมอุทยานแห่งชาติฯ บางเขน  

โดยการเข้าพบครั้งนี้ตนเองและกลุ่มรักสัตว์ต่างๆ จะนำรายชื่อกว่า 35,000 ชื่อและความเห็นผู้ร่วมลงชื่อไปยื่นให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เพื่อให้ท่านเห็นถึงเสียงเรียกร้องของประชาชนแทนบัวน้อยและเพื่อนๆ  ซึ่งการหารือดังกล่าวจะถือว่าเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในรอบสามทศวรรษในวงการสวนสัตว์ไทย  ที่เรื่องของ “บัวน้อย” และเพื่อนๆ ในสวนสัตว์ลอยฟ้าพาต้า จะถูกพิจารณาเพื่อแก้ปัญหาอย่างจริงจัง 

“ตัวดิฉันเองใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในต่างประเทศ จำได้ว่าได้ติดตามเรื่องนี้ตอนที่กลับเยี่ยมมาเมืองไทยตอนปี 2528  และได้กลับมาอีกครั้งเมื่อปีที่แล้ว ก็ยังพบว่าบัวน้อยยังคงถูกขังอยู่ในกรงเหล็กบนยอดตึกเก่าคร่ำคร่ามานานเกือบ 30  ปี ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันเห็นต้นไม้ตามธรรมชาติของสัตว์เลย ทำให้ดิฉันต้องลุกขึ้นมารณรงค์เรื่องนี้   เพราะคิดว่าถึงเวลาแล้วที่คนไทยควรสนใจเรื่องนี้อย่างจริงจังซึ่งไม่ใช่เป็นการช่วยชีวิตบัวน้อยเท่านั้น แต่ยังหมายถึงสัตว์ป่าหายากอื่นๆที่ร่วมชะตากรรมในกรงขังลอยฟ้าด้วย ” นางศิลจิรา กล่าว 

นางศิลจิรา กล่าวต่อว่า  ความคาดหวังในการรณรงค์ครั้งนี้ คือ ต้องการให้กรมอุทยานเพิกถอนใบอนุญาตสวนสัตว์พาต้า เพราะใบอนุญาตดังกล่าวหมดอายุมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ทำไมยังดำเนินกิจการได้ ทั้งที่สวนสัตว์มีสภาพทรุดโทรม   ซึ่งการรณรงค์ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อกอริลล่าเพียงตัวเดียว และไม่ใช่แค่ความสงสาร แต่หวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่งานอนุรักษ์อันยั่งยืนและความชอบธรรมในการจัดการธุรกิจสวนสัตว์สาธารณะในประเทศไทย 

“ขอให้ทุกคนจับตาดูว่า อธิบดีกรมอุทยานจะประกาศถอนใบอนุญาตสวนสัตว์ลอยฟ้าหรือไม่   บัวน้อยและเพื่อนๆจะมีชะตากรรมอย่างไร  “บ้าน” ที่แท้จริงของบัวน้อยควรจะอยู่ที่ไหน บนยอดตึก หรือบนพื้นดินที่ออกแบบให้เป็นศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่าซึ่งจะสะท้อนให้เยาวชนได้รับความรู้เกี่ยวกับชีวิตกอริลล่าและสัตว์ป่าหายากอย่างแท้จริง เรื่องเหล่านี้อธิบดีฯต้องพิจารณาให้รอบด้าน” นางศิลจิรา กล่าว 

ผู้รณรงค์หาบ้านใหม่ให้บัวน้อยกล่าวต่อว่า   ทั้งกรมอุทยานฯและสวนสัตว์พาต้าควรยอมรับที่จะเรียนรู้ร่วมกันถึงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการพรากสัตว์ป่าจากถิ่นกำเนิดโดยขาดดุลพินิจในแง่มุมของการอนุรักษ์ ขาดสถานที่เลี้ยงดูที่เหมาะสมและขาดผู้เขี่ยวชาญด้านจิตวิทยาสัตว์ป่า  ถึงเวลาที่กรมอุทยานฯควรเพิกถอนใบอนุญาตสวนสัตว์ลอยฟ้า และถึงเวลาที่เจ้าของบัวน้อยควรเปิดใจให้ภาครัฐและหน่วยงานอนุรักษ์ทั้งในและต่างประเทศที่เชี่ยวชาญเรื่องกอริลล่าร่วมกันตั้งคณะทำงานเพื่อให้ความช่วยเหลือในการหาบทสรุปของที่อยู่ใหม่ที่ไม่ใช่บนยอดตึกให้กับมรดกโลกที่ยังมีลมหายใจชิ้นนี้ 

ขณะที่ผู้ลงชื่อได้ร่วมแสดงความเห็นสนับสนุนให้เพิกถอนใบอนุญาตสวนสัตว์พาต้าจำนวนมาก  อาทิ พรพรรณ แก้วเพ็ชร กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า  ยังคงจำเหตุการณ์ไฟไหม้พาต้าได้ดี  ต้องยอมรับว่าเสี่ยงและอันตรายมาก สัตว์ไม่สามารถหนีไปไหนได้เพราะติดอยู่ในกรง การเข้าช่วยเหลือก็ลำบากเพราะอยู่ในตัวอาคารบนตึกสูง ถ้าช่วยไม่ทันคงต้องตายอย่างเดียว สงสารเค้าเถอะค่ะ เค้าสร้างรายได้ให้เยอะแล้ว อยากให้เค้าอยู่สภาพแวดล้อมที่ดีและปลอดภัยในบั้นปลายชีวิตเค้าค่ะ  

วัลลภาภรณ์ โพธิมู กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า มันควรจะได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรม นี่อยู่ในตึกเพดานเตี้ยๆ เข้าไปเหม็นรุนแรง รู้ว่ามันไม่สามารถอยู่ในธรรมชาติได้ แต่ขอเป็นสวนสัตว์เปิดก็ยังดี ทรมานสัตว์ชัดๆ ป่านนี้เจ้าของน่าจะถึงจุดคุ้มทุนแล้ว ทุกวันนี้ใคร

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ