18 พ.ย. 2563 – แกนนำผู้ชุมนุมกลุ่ม “ราษฎร” ประกาศยุติการชุมนุมที่หน้ารัฐสภา เมื่อเวลา 21.00 น. และนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งที่แยกราชประสงค์ในวันนี้ (18 พ.ย.2563) เวลา 16.00 น. เพื่อร่วมกันติดตามผลการลงมติรับหรือไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และจะมีการเคลื่อนขบวนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ทำกิจกรรมสาดสี หลังจากที่ถูกฉีดน้ำเพื่อสลายการชุมมตั้งแต่ในช่วงบ่ายต่อเนื่องถึงเย็น อีกทั้งยังเกิดเหตุเผชิญหน้ากับกลุ่มคนเสื้อเหลืองโดยไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย
บรรยากาศ ที่บริเวณ สตช. ตั้งแต่เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่ได้นำลวดหนามขึงตลอดแนวรั้ว สตช. วางแบริเออร์ และมีการเตรียมรถฉีดน้ำแรงดันสูงเตรียมเพื่อพร้อมปฏิบัติการ อีกทั้งการนำรถบรรทุกล้อยกดัมพ์ท้ายขึ้นสูงปิดทางประตูฝั่งขาเข้า สตช. นอกจากนั้นยังมีการเตรียมพร้อมกำลัง ตชด. และพลโล่ด้วย
14.38 น. ตำรวจพาสื่อมวลชนสำรวจรถที่เสียหายจากการชุมนุมวานนี้ (17 พ.ย. 2563) โดยรถฉีดน้ำแรงดันสูงเสียหาย 5 คัน รถเติมน้ำ 2 คัน รถควบคุมผู้ต้องหา 1 คัน รถบัส 4 คัน
ขณะที่ ประชาชนเริ่มทยอยมาปักหลักชุมนุมแยกราชประสงค์ ก่อนเวลานัดหมายจริงในเวลา 16.00 น. โดยบางส่วนยืนสังเกตการณ์บนสกายวอล์ค ต่อมาจึงเคลื่อนตัวลงมาบนฝั่งถนนราชดำริ แยกราชประสงค์ เริ่มปิดการจราจร ด้านตำรวจแจ้งต่อผู้ชุมนุมว่า การชุมนุมนี้ผิด พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ
ด้าน พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันพร้อมรับมือ ดูแลความสงบเรียบร้อย ขอผู้ชุมนุมทำกิจกรรมโดยสงบ ห้ามบุกรุกสถานที่ราชการเด็ดขาด ส่วนมาตรการควบคุมฝูงชนจะปรับแผนตามเหตุการณ์
สำหรับกิจกรรมของผู้ชุมนุมตั้งแต่ช่วงเย็นมีอาทิ การนำห่วงยางเป็ดสีเหลืองเข้าร่วมการชุมนุม การตั้งเตาหมูกระทะ และมีบางส่วนนำดอกไม้จันทน์ มาวางหน้ารั้ว สตช. พ่นสีสเปรย์ที่ป้าย สตช. ไปจนถึงท้องถนน การสาดสีที่ป้ายและเข้าไปยังรั้ว สตช.
17.46 น. มีการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมเริ่มเข้ามาประชิดแนวรั้ว ทำให้ต้องมีการกันให้ออกห่างรั้ว เนื่องจากมีมวลชนบางส่วนเริ่มตะโกนตำหนิการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ จากเหตการณ์เมื่อวานนี้ที่มีการพยายามสลายการชุมนุมหน้ารัฐสภา
เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. มวลชนเคลื่อนขบวนจากพื้นที่นัดรวมตัวที่แยกราชประสงค์ โดยมีแกนนำประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงให้ผู้ชุมนุมเดินเลี้ยวซ้ายบริเวณแยกเฉลิมเผ่าไปด้านข้าง สตช. ขณะที่หน้า สตช.มวลชนบางส่วนสาดสีเข้าใส่ป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกรอบ
การชุมนุมวันนี้ไม่มีการบุกเข้าไปในรัฐสภา แต่มีการสาดสีหลายระลอก และมี “บิ๊กเซอร์ไพรซ์” เวลา 20.00 น. โดยผู้ชุมนุมร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ก่อนนับถอยหลังและใช้ปืนฉีดน้ำระดมฉีดเข้าไปใน สตช. พร้อมกับการสาดสี
ส่วนการปราศรัยใจความส่วนใหญ่ระบุถึง เหตุการณ์เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา และการที่ที่ประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 7 ฉบับ ไม่รับหลักการ “ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน” ซึ่งแม้เป็นสิ่งที่ไม่เกินความคาดหมาย แต่ยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ความแตกต่างทางการเมือง อีกทั้งเป็นการปิดช่องทางให้ประชาชนในการเข้าไปมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ และยังกลับเป็นการผลักดันประชาชนลงถนน
ต่อมาเวลา 20.20 น. รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และอานนท์ นำภาประกาศนัดชุมนุมใหญ่หน้าสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในวันที่้ 25 พ.ย. 2563 และหลังจากนั้นจะมีการจัดชุมนุมต่อเนื่อง โดยให้ติดตามรายละเอียดจากแฟนเพจของกลุ่ม ขณะที่ ไมค์ ภาณุพงศ์ จาดนอก ประกาศยุติการชุมนุมหน้า สตช.และให้แยกย้ายเดินทางกลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงเช้าวันนี้ (18 พ.ย. 2563) ศูนย์เอราวัณ สรุปตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชุมนุมบริเวณรัฐสภาในระหว่างการประชุมร่วมพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ วันที่ 17 พ.ย. 2563 ว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดรวม 55 ราย โดยบาดเจ็บจากแก๊สน้ำตา 32 ราย ถูกยิง 6 ราย ป่วย 4 ราย และอาการอื่น ๆ 13 ราย
ส่วนการประชุมร่วมรัฐสภา มีมติรับหลักการร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญให้ตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ของพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้าน 2 ร่าง โดยมีเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาเกินกึ่งหนึ่ง ขณะที่ร่างอีก 5 ฉบับ ของฝ่ายค้าน รวมทั้งร่างฉบับภาคประชาชน ถูกโหวตคว่ำ เนื่องจากได้รับเสียงสนับสนุนไม่ถึงครึ่ง
ทั้งนี้ ในการผ่านวาระ 1 ขั้นรับหลักการ ต้องได้คะแนนเสียงเห็นชอบจากสมาชิกรัฐสภา “ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกที่มีอยู่สองสภา” หรือ 366 จาก 732 เสียง (มี ส.ส. ปฏิบัติหน้าที่ได้ 487 คน และ ส.ว. 245 คน) ในจำนวนนี้ต้องเป็นคะแนนเสียงเห็นชอบจาก ส.ว. “ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3” ของวุฒิสภาที่มีอยู่ หรือ 82 คน