ฝากมือถือไว้ในกายเธอ

ฝากมือถือไว้ในกายเธอ

13 removed 7

13 removed1

13 removed4

แปลและเรียบเรียง: ณัฐชานันท์ กล้าหาญ

ภาพเหล่านี้อาจบอกคุณว่า โอมจงเงยขึ้นมา เงยขึ้นมาๆ มองตากันสักหน่อย เพราะท่าทางของคุณเวลาจ้องสมาร์ทโฟนนี่มันแปลกประหลาดโดยที่คุณอาจไม่รู้ตัว

หากใครก็ตามจากยุค 1990s ขึ้นไทม์แมชชีนมาโผล่ในยุคนี้ มนุษย์แบบเราๆ คงดูแปลกประหลาดเอามากๆ ทีเดียวในสายตาของพวกเขา ลองจินตนาการว่าคนในยุคนั้น อาจคุ้นเคยกับพฤติกรรมของคนที่นั่งเอ้อระเหย จ้องอากาศว่างๆ และจดจ่อกับการเดินไปที่ไหนสักแห่งมากกว่าการจ้องอุปกรณ์ที่เรียกว่ามือถืออยู่ตลอดเวลา เหมือนตาถูกติดกาวไว้กับหน้าจอ พิลึกไหมล่ะ!

ช่างภาพชาวอเมริกันนาม Eric Pickersgill นำเสนอความลุ่มหลงในสมาร์ทโฟนและความประหลาดที่เราชินกับมันไปเสียแล้วในรูปแบบของภาพถ่ายชุด Removed ที่เล่าว่าผู้คนจะมีลักษณะอย่างไรเมื่อมือถือของพวกเขาถูกริบออกไปในทันที

มีแต่ดวงตาที่จ้องฝ่ามือเปล่าๆ ไม่รู้เรื่องรู้ราวกับโลกรอบตัว

“ผมรู้สึกจริงๆ ว่าผู้คนควรจริงจังว่าเขาใช้เวลาไปกับสมาร์ทโฟนนานเท่าไหร่ และไตร่ตรองถึงความเหมาะสมได้แล้ว” เขากล่าว

“แต่ถ้าคุณตั้งใจจะเล่นอุปกรณ์สมาร์ทโฟนในที่สาธารณะจนต้องแยกคนอื่นออกไปจากวงโคจรก็เอาเลย”

เช้าวันหนึ่ง Pickersgill นั่งชิลในคาเฟ่ในเมืองนิวยอร์ค แล้วสังเกตเห็นว่าโต๊ะข้างๆ เป็นครอบครัวที่นั่งอยู่ด้วยกันแต่เหมือนอยู่กันคนละโลกโดยสิ้นเชิง

“พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันมากมาย พ่อและลูกสาวอีก 2 คนกำลังเล่นมือถือ แต่แม่ที่ไม่มีมือถือหรือเลือกที่จะไม่เล่นจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง เธอดูเศร้าและเหงามาก ทั้งๆ ที่มีครอบครัวอยู่พร้อมหน้า พ่อเงยหน้าขึ้นมาบ่อยครั้งและโชว์ให้ดูว่าเขาเจออะไรบ้างในอินเทอร์เน็ต แต่ไม่มีใครตอบเขาเลยสักคน

ผมรู้สึกหดหู่กับการใช้เทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารที่ตัดขาดการสื่อสารออกจากกัน สถานการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและผมสงสัยว่าเวลาเจอประสบการณ์พิลึกๆ เราเริ่มจะแก้ไขปัญหาสังคมกันด้วยวิธีหยาบๆ และผิวเผินหรือเปล่า เพราะตอนนี้จากที่แม่นั่งเหงาๆ เธอเริ่มหยิบมือถือขึ้นมาเล่นบ้างแล้ว”

ช่างภาพที่เพิ่งจบศิลปมหาบัณฑิต (Master of Fine Arts) หมาดๆ ในปีนี้ออกความเห็น

ภาพของครอบครัว สีหน้าของแม่ และสายตาของลูกสาววัยรุ่น รวมถึงพ่อของเธอที่ติดแหง็กอยู่กับมือถือในฝ่ามือมอดไหม้ในความคิดของเขา เพราะมันเป็นหนึ่งในเหตุการณ์แสนธรรมดาที่จะกระตุกกระแสสำนึกของเขาว่ามันมาไกลถึงขนาดนี้ได้อย่างไร จะลืมให้ลงก็เป็นไปไม่ได้เลยเมื่อ Pickersgill เจอครอบครัวที่เหมือนกันนี้ในร้านขายของชำ ห้องเรียน ข้างถนน และบนเตียงของเขาเอง

เขาและภรรยานอนหันหลังให้แก่กัน ประคองอุปกรณ์เล็กจิ๋วและเย็นเฉียบที่ให้แสงสว่างเพียงอย่างเดียวในทุกๆ คืน

อุปกรณ์ประจำตัวเหล่านี้มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ในขณะเดียวกันก็หลอมรวมไปกับสถานที่รอบๆ ตัวเราโดยยึดติดกับฝ่ามือไว้ราวอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย

แขนมายาแขนนี้มีฟังก์ชันที่หลากหลาย เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อสารต่อคนแปลกหน้าได้ว่าเรากำลังยุ่งอยู่หรือบุคคลนี้ไม่พร้อมสำหรับการเผชิญหน้า แต่ในขณะเดียวกันก็เหนี่ยวนำให้ผู้ใช้เสพติดได้มากพอที่จะละความสนใจออกจากใครก็ตามที่อยู่ด้วย โดยให้ความสนใจไปกับคนที่ไม่ได้อยู่ด้วยเลยในเวลานั้น

ภาพถ่ายชุด Removed ไม่ใช่ภาพแอบถ่าย แต่มีแนวคิดของจัดฉากจากผู้คนที่เล่นสมาร์ทโฟน เมื่อ Pickersgill เห็นใครก็ตามที่ใช้มือถืออยู่ เขาจะขอให้ค้างท่านั้นไว้ก่อน แล้วหยิบโทรศัพท์ออกจากมือ บันทึกภาพ โดยนายแบบและนางแบบครึ่งหนึ่งเป็นคนแปลกหน้า และอีกครึ่งหนึ่งคือคนรู้จักของเขาเอง

ผลคือผู้คนเหล่านั้นจะจ้องฝ่ามือของตัวเอง หรือช่องว่างระหว่างนิ้วของพวกเขา เป็นภาพที่ดูเศร้านิดๆ แต่ก็น่าขนลุกในเวลาเดียวกัน

ที่มา+ภาพ : http://www.removed.social/about/

http://www.huffingtonpost.com/entry/eric-pickersgill-removed_561d2bb8e4b050c6c4a2e6c0?utm_hp_ref=arts&ir=Arts&section=arts

http://www.theatlantic.com/entertainment/archive/2015/10/a-photographers-lonely-iphone-less-world/410479/

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ