นักข่าวพลเมืองจังหวัดขอนแก่น ลงพื้นที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเมล็ดพันธุ์และการแปรรูปผลผลิตทรงการเกษตรบ้านโนนเชือกผลิตสุราชุมชน ซึ่งตั้งอยู่ เลขที่ 174 ม.7 บ้านโนนเชือก ต.บ้านขาม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ภายหลังนโยบายสุราก้าวหน้าของพรรคก้าวไกล กำลังได้รัยกระแสความนิยมและความคาดหวังจากกลุ่มผู้ผลิตสุราชุมชนอย่างมาก เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2566
โดยพบกับนายสวาท อุปฮาด ผู้ผลิตสุราชุมชนจากข้าวเหนียวอินทรีย์ 100% ที่กำลังเร่งผลิตหลังมียอดสั่งจองกว่า 2,000 ขวดขานรับนโยบายสุราก้าวหน้าของพรรคก้าวไกลในขณะนี้
นายสวาท อุปฮาด ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเมล็ดพันธุ์และการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านโนนเชือก ผลิตสุราชุมชน กล่าวว่า แม้ว่าจะมีฝ่ายการเมืองมาทำเรื่องสุราแบบจริงจังเป็นกระแสที่จะทำเรื่องนี้ให้เป็นเสรี ในส่วนของคนที่ผลิตสุราชุมชนทุกคนยังยืนยันว่าต้องการอิสระและเสรีจริงๆ เพื่อที่จะเอาความรู้เอาภูมิปัญญามาถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ เพราะเชื่อว่าองค์ความรู้ได้ถ่ายทอดมาไม่รู้กี่ยุคกี่สมัย แต่ตอนนี้ปัญหาคือระเบียบข้อกฎหมายหลังจากมี พ.ร.บ.สุรา 2493 ที่มีรายละเอียดมากจนไม่สามารถทำได้
“พอมีการมาขับเคลื่อนตั้งแต่ปี 2544-2547 มีการปรับเปลี่ยนแก้ไขกฎหมายมี พ.ร.บ.จดแจ้งเหล้าขึ้นมา หลายส่วนเข้าสู่ระบบ ซึ่งก็เชื่อว่าระบบที่มีอยู่ยังไม่อิสระยังไม่ให้อำนาจพอจะไปทำแข่งขันในตลาดได้ ผู้ผลิตสุราชุมชนทุกคนมีความต้องการอยากให้เอากฎหมายที่เป็นข้อจำกัดยกเลิกไปและสให้ามารถที่จะทำการผลิตได้เลย และถ้าจะไปสู่การควบคุมหรือจัดระบบการเสียภาษี ตรงจุดนี้เชื่อว่าสามารถคุยกันได้ มาออกแบบร่วมกันได้แต่ที่ผ่านมาเรื่องแบบนี้ชาวบ้านไม่มีโอกาสจะได้ไปคุยมีแต่คนข้างในกำหนดกฎออกมาและตามมาด้วยระเบียบเยอะแยะมากมาย”
นายสวาท กล่าวต่ออีกว่า อยากให้เกิดภาพของการส่งเสริมในรูปแบบของถ่ายทอดความรู้ภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่นแต่ก็ไม่มีคนกล้าทำเพราะไม่รู้ว่าทำไปแล้วจะโดนจับหรือโดนอะไรตามมา แต่คิดว่าถ้าผ่านรัฐบาลทำจริงจัง นำเรื่องนี้ไปสู่การยกระดับสนับสนุนในชุมชน มีการดำเนินงานที่ถูกต้อง แม้กระทั่งในเรื่องของอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ ซึ่งหากทำแบบพื้นบ้านก็ไม่เพียงพอที่จะไปแข่งขันกับใครได้เลย แต่ถ้าสุราชุมชนมีการพัฒนาจริงๆต่อเนื่อง 3 ปี สุราชุมชนของไทยสามารถที่จะไปแข่งได้ในระดับโลก
“ประเทศไทยเรามีความหลากหลายเรื่องวัตถุดิบมีทุกฤดูกาล ผลผลิต พืชผัก ข้าว สามารถเอามาพัฒนายกระดับได้และเชื่อว่าเรื่องรสชาติสามารถเทียบกับสุราระดับโลกได้อย่างแน่นอน ซึ่งการทำสุราของกลุ่มนั้นเน้นในเรื่องของวัตถุดิบที่มีในชุมชนเป็นวัตถุดิบที่มีคุณภาพใช้ ข้าวอินทรีย์ 100% ,ข้าวเหนียวดำ, ข้าวเหนียวแดง, ข้าวเหนียวขาว และมีข้าวไร่เนื่องจากมีเครือข่ายซึ่งเป็นกลุ่มทำการผลิตข้าวอินทรีย์จำนวนมาก จึงจะ สามารถการันตีได้เลยว่าวัตถุดิบของเรามีต้นทางที่มีคุณภาพมาทำนี่คือสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่น ซึ่งหากจะมองในภาพนวมสุราหลายที่อาจจะใช้ปลายข้าว ข้าวเก่า ใช้ข้าวที่คนไม่กินแล้วมาทำ แต่กลุ่มเอาของดีเอ่ข้าวที่มีคุณภาพมาทำเพื่อให้เห็นว่าชุมชนมีของดีบ่งบอกถึงความปลอดภัยและมีคุณภาพ”
นายสวาท กล่าวต่ออีกว่า การทำสุราชุมชนของกลุ่มนั้น เพื่อจะให้เกิดการถ่ายทอดความรู้ เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องรายได้เป็นเรื่องรองแต่ช่วงนี้มีกระแสตอบรับจากสังคมค่อนข้างสูงมียอดสั่งจองเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว เดือนนี้ มียอดสั่งจองแล้วกว่า 2,000 ขวด มีคนที่สนใจสั่งมาอย่างล้นหลาม อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในอนาคตจะทำการตลาดได้เพราะมีคนสนใจหลายกลุ่มทั้งกลุ่มคนเมืองทั้งกลุ่มเชฟอาหารและกลุ่มเครือข่ายที่ทำงานร่วมกัน จึงอยากให้นโยบายสุราก้าวหน้าเป็นจริงเสียที