มหาวิทยาลัยพะเยาเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆของภาคเหนือ เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง ในมหาวิทยาลัยพะเยามีคณะและสาขาเยอะมากๆ ส่วนตัวของผมจะมาพูดเกริ่นสาขาของผมที่ผมได้เรียน นั้นก็คือสาขาวิชาการสื่อสารสื่อใหม่ การเรียนการสอนในสาขาวิชาการสื่อสารสื่อใหม่ก็จะแบ่งย่อยเยอะมากๆเช่นเดียวกันแต่ในวันนี้ผมจะพูดถึงวิชาการสร้างเสียงประกอบ ซึ่งเป็นหนึ่งในวิชาที่จัดการเรียนการสอนในสาขาวิชาการสื่อสารสื่อใหม่ ของมหาวิทยาลัยพะเยา ปีนี้มีจุดเด่นมากๆอย่างหนึ่งของรายวิชานี้ แต่ก่อนที่ผมจะพููดถึงจุดเด่นของปีนี้ในรายวิชาการสร้างเสียงประกอบนั้น นิสิตชั้นปีที่ 2จะเรียนเกี่ยวกับการสร้างเสียงประกอบต่างๆ อธิเช่น การสร้างเสียงประกอบภาพยนต์ MV ซีรี่ย์ หนังสั้น ฯลฯ และจุดเด่นที่ผมพูดถึงนั้นก็คือการแสดงละครเวที ที่กลับมาจัดอีกครั้งในรอบ 10 ปี เป็นการควบรวมของนิสิตชั้นปีที่ 2 และนิสิตชั้นปีที่ 3 ที่มาทำงาานร่วมกัน โดยจะแบ่งออกตามการทำงาน ทางด้านนิสิตชั้นปีที่ 3 นั้นจะทำงานด้านProduction คุมเกี่ยวกับการเผยแพร่ภาพสดทีมกล้องและทีมไฟ ในการแสดงของน้องๆปี 2 นั่นเอง ส่วนทางด้านของนิสิตชั้นปีที่ 2 นั้นจะทำงานในส่วนของการแสดงละครเวทีที่จะโชว์ในด้านการสร้างเสียงประกอบกันสดๆ และพากษ์กันแบบสดๆ ในการแสดงในครั้งนี้ด้วย ทุกๆท่านอยากรู้แล้วใช่มั้ยครับ ว่าในการทำละครเวที 1 เรื่องทำยังไงและเริ่มต้นยังไง มาครับผมจะพาทุกท่านย้อนอดีตไปยังจุดเริ่มต้นของงาน FINAL ละครเวทีเรื่อง ไขWHO ในตอน The Cham Cha กันครับ
วันแรกที่ผมรู้ว่าจะทำละครเวที วันนั้นผมสับสนมากครับ ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อนดี แต่ว่าโชคยังดีครับที่งานนี้เป็นงานกลุ่มใหญ่ที่แบ่งกันทำคนละ SEC. ทำให้เราสามารถแยกกันทำคนละหน้าที่กันได้ง่าย ในส่วนตัวของผมนั้นได้รับหน้าที่เป็นผู้บรรยายแต่ทว่า ดันมีเหตุที่ทำให้ผมต้องถูกโยกย้ายหน้าที่ที่ผมประจำอยู่นั้นไปทำอีกหน้าที่ครับ นั่นก็คือ ผมได้เป็น Assistand Sound หรือ ผู้ช่วยฝ่ายเสียง นั่นเอง หลังจากที่ผมได้รับหน้าที่นี้ผมไม่เครียดเลยครับ เพราะว่างานนี้คืองานที่ผมถนัดอยู่แล้ว ในการคุมเครื่อง Mixerและเสียงทั้งหมดในการแสดง ทั้งทีมพากษ์ และทีมเสียงประกอบ Foly นั่นเอง ผมตื่นเต้นมากครับ หลังจากนั้นผมก็ได้ศึกษาเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ผมใช่ทั้งหมดในงานๆนี้ นั้นก็คือ
1.Mixer Zoom รุ่น Livetrak L-20
2.Rode รุ่น Rodecasterpro2
3.ไมค์ Rode
4.ลำโพง Moniter
5.สายต่างๆ
ทำให้ในการทำงานต่างเป็นไปได้ง่ายยิ่งขึ้น ในด้านการต่อสายและปรับเสียง แต่ผมจะทำหน้าที่นี้ดีไม่ได้เลยถ้าขาดพี่คนนี้นั่นก็คือพี่ตี้ หรือ นายอาทิตย์ บุญกว้าง
ที่คอยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่างๆในสตู ยังครับยังไม่หมดเท่านี้ งานของผมมันยังไม่จบครับ อาจารย์ประจำวิชาของผม นั้นก็คืออาจารย์นาย หรือ อาจารย์ณฐไนย เกษแก้ว อาจารย์ท่านบอกกับผมว่า “ละครเวทีเนี้ยมันต้องมีเพลงนะมันถึงจะออกมาดีและสมบูรณ์แบบ” ผมที่ได้ยินก็เครียดกันเลยครับ มองหน้ากับเพื่อนว่าเราต้องทำกันจริงๆใช่มั้ย เพื่อนก็ตอบมาว่าใช่ครับ ทำให้ผมกลับมาถึงที่พักก็เครียดกันเป็นการใหญ่ แต่โชคของตัวผมมากๆครับที่รู้จักกับพี่ตี้ คนเดียวกับพี่ที่ให้คำปรึกษาผมเรื่องอุปกรณ์ที่ผมกล่าวถึงพี่เขาในข้างต้นนั่นเองครับ ผมขออนุญาตพูดถึงพี่ตี้ก่อนนะครับ ในอดีตพี่ตี้เล่าให้ฟังว่าพี่ตี้เคยทำงานด้านเพลงมาก่อน ก่อนที่จะมาทำงานที่มหาวิทยาลัยพะเยา พี่ตี้เคยเป็นนักดนตรีในสังกัด GMM มาก่อน ทำให้ในการทำเพลงละครเวทีครั้งนี้ พวกผมมีหวังขึ้นมาทันทีครับ หลังจากวันนั้นผมและเพื่อนอีก 2 คนนั้นก็คือ เนย และ กุ๊กกิ๊ก เนยเป็นหัวหน้าทีมผมครับ ส่วนกุ๊กกิ๊กนั้นเป็น Producer
ที่จะต้องมานั่งทำและฟังเพลงไปกับผมในงานนี้ด้วย ในงานละครเวทีของผมหัวหน้าทีมมีแนวคิดนำเนื้อเพลงและนำทำนองเพลงของดิสนีย์มาใช้เป็นต้นแบบในงานเพลงละครเวทีในครั้งนี้ด้วย ตอนนี้เรามีเพลงทั้งหมด 2 เพลงที่จะใช้ เราก็เริ่มกันเลยครับ พี่ตี้มอบหมายมาให้ผมลองทำกันเองไปก่อนโดยที่พี่ตี้คอยให้คำปรึกษาอยู่ห่างๆ แต่ว่าพวกเรา 3 คนนั้นไม่มีความรู้ทางด้านดนตรีเลย ในส่วนตัวผมเองก็พอรู้อยู่บ้างแต่ไม่ถนัด ทำให้พี่ตี้ยื่นมือเข้ามาช่วย ในการทำดนตรีต่างๆให้ พวกเรา 3 คนมีหน้าที่บอกพี่ตี้ว่าเราอยากได้แบบใหนจะเพิ่มหรือลดอะไรในงานของเรา
ในการทำเพลงครั้งนี้ก็กินเวลาไป 2 อาทิตย์เต็มๆที่เราอยู่กับพี่ตี้ในห้องอัดเพลง จนมันเสร็จออกมาเป็นเพลงให้เราได้ฟังกัน พอผมให้อาจารย์นายฟัง อาจารย์ท่านชอบมากครับ คิดว่ามันจบเท่านี้ใช่มั้ยครับ ยังครับมันยังมีอีก พวกผมและพี่ตี้มองว่ามันน้อยเกินไป ทำให้เพื่อน 1 คนในห้องอัดนั้นเสนอให้ทำเพลงเพิ่มอีก 1 เพลง แต่เพลงนี้เราจะฉีกออกไปจากเพลงที่เราทำก่อนหน้านี้นั่นก็คือเพลงช้าและเศร้า เหมือนเพลงเกาหลีนั่นเอง
พอเราตกลงกันว่าเราจะทำเพลงเพิ่มก็กลับมาเครียดอีกครั้งเพราะเราต้องคิดทำนองใหม่ และคิดเนื้อเพลงใหม่ทั้งหมด เราใช่เวลาคิดอยู่ 2 วันเต็มๆครับ
และเพลงนี้ก็ได้ทำนองและเนื้อออกมาแต่มันยังไม่เสร็จเพราะเราไม่รู้ว่าเราจะให้ใครร้องเพลงนี้ จนเราได้ยินเพื่อนคนหนึ่งในสาขา ร้องเพลงและเนื้อเสียงของเพื่อนคนนี้ก็เหมาะแก่เพลงที่เราทำมามากๆเราก็เลยดึงตัวเพื่อนคนนี้มาทำเพลงนี้ไปด้วยกัน
เพื่อนคนนี้ชื่อ ออยครับ เพื่อนคนนี้ร้องเพลงเพราะจริงๆ พอเราให้ออยลองร้องเพลงนี้มันก็ใช่อย่างที่เราคิดจริงๆครับออยเหมาะกับเพลงนี้มากๆ ทำให้เพลงที่เราตั้งใจทำมันออกมาดีมากๆผมทำเพลงจนทุกเพลงนั้นออกมาเป็น Master ทุกเพลง โดยมีทีมงานหลัก ก็คือผม เนย กุ๊กกิ๊ก และขาดไม่ได้เลยคือพี่ตี้นั่นเอง
จนเพลงที่เราทำได้ออกมาใช้จริงๆในการแสดงละครเวทีในครั้งนี้ด้วย
ผ่านไปไม่กี่วันเราคิดว่าเราจะสบายแล้วนั่น ก่อนวันแสดงจริง 4 วัน อาจารย์นาย อาจารย์แนน และอาจารย์อ็อฟ ก็ได้บอกกับพวกผมอีกครั้งว่าอยากได้เพลงตอนเปิดตัวผู้บรรยายตอนขึ้นเวที ผมก็เครียดอีกแล้วครับ
แต่ว่าครั้งนี้เราสบายเพราะว่าเรารู้วิธีการทำ และรู้ว่าเพลง 1 เพลงจะออกมาได้ต้องทำอะไรบ้าง เราก็เริ่มทำกันเลยครับ วันนั่นเป็นวันเสาร์จริงๆแล้วพี่ตี้ไม่ได้มาที่มหาวิทยาลัยอยู่แล้วแต่วันนั่นพี่ตี้มาพอดีครับ ทำให้เราได้ทำเพลงทันวันซ้อมใหญ่และวันแสดงจริง 1 วันเท่านั้น เราก็จะได้แสดงจริงกันแล้ว
ในวันจริงพวกเราตื่นเต้นกันมากแต่พวกเราก็ทำมันออกมาได้ดีที่สุดเท่าที่พวกเราเหล่านิสิตชั้นปีที่ 2 และนิสิตชั้นปีที่ 3 ตั้งใจทำมันออกมา หลังจากที่เราแสดงกันเสร็จแล้ว ทุกๆคนในห้องส่ง ผู้ชม คณะอาจารย์ ต่างปรบมือให้กลับผลงานของพวกเราทั้ง 2 ทีม ที่ทำออกมาได้ดีมากๆ มีข้อบกพร่องน้อยมากๆ ทั้งนี้ อยากจะขอขอบพระคุณ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด รวมถึงพี่ๆ ที่คอยช่วยเหลือมาโดยตลอดและคณะอาจารย์ สาขาวิชาการสื่อสารสื่อใหม่ ที่คอยเป็นที่ปรึกษาทุกท่านครับ ขอขอบพระคุณจากใจจริงๆของผมนายจิรพงศ์ นักมหา
สุดท้ายนี้สิ่งที่เหนื่อยที่สุดไม่ใช่การแสดงครับ เหนื่อยที่สุดคือ การเก็บของ
ถ้าหากบุคคลใดได้อ่าน Blog ชิ้นนี้แล้วอยากมาเรียนหรือส่งลูกหลานมาเรียน ผมบอกเลยว่ามันอาจจะมองว่าเหนื่อยหรือดูวุ่นวาย แต่จริงๆแล้วมันสนุกมากๆเลยครับ ขอเชิญชวนมาเรียนกันเยอะๆนะครับ คณะบริหารธุรกิจและนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาการสื่อสารสื่อใหม่ มหาวิทยาลัยพะเยา