ผักนานา เสน่ห์มหาวิทยาลัยพะเยา ชนบทที่เรียบง่ายแต่พิเศษ

ผักนานา เสน่ห์มหาวิทยาลัยพะเยา ชนบทที่เรียบง่ายแต่พิเศษ

“จะไปเรียนมอพะเยา(มหาวิทยาลัยพะเยา) จริง ๆ เหรอไม่เห็นมีอะไรเลย อยู่ชนบทกลางเขาห่างไกลความเจริญ”

ถ้อยคำจากเพื่อน ๆ สมัยมัธยมและญาติผู้ใหญ่หลาย ๆ คนที่พูดออกมาในทำนองที่คล้ายกันจนทำเอาใจฉันแป้วไปสักพัก แต่นั่นก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับคนที่ชื่นชอบความสงบและหลงใหลธรรมชาติป่าเขาอย่างฉันเลย กลับเข้าทางเสียด้วยซ้ำไป

หลังจากได้มาใช้ชีวิตสัมผัสกับที่นี่สักระยะหนึ่ง และลองออกสำรวจดูนั่นทำให้ฉันได้เห็นบางอย่างที่พิเศษและสนุกไปกับมัน คือการตามหาผักผลไม้ที่แอบอยู่ตามอาคารเรียนและซ่อนอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งนี้

ในบทความนี้ฉันจะพาทุกท่านไปล่องท่องเที่ยวตามอาคารสถานที่ต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัยพะเยาเพื่อตามหาผักรวมถึงผลไม้นานาชนิด และเมื่ออ่านจบใครจะรู้ คุณอาจหลงรักการเดินทางที่นี่ไปกับความอุดมสมบูรณ์ของมันโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้

มหาวิทยาลัยพะเยา มอกลางหุบเขาเขียวขจี

มหาวิทยาลัยพะเยา (มพ.) มีพื้นที่ประมาณ 5,700 ไร่ ตั้งอยู่ที่ ตำบลแม่กา อำเภอเมืองพะเยา จ.พะเยา ใช้เวลาเดินทางจากกว๊านพะเยาที่อยู่ในตัวเมืองพะเยามาหน้ามพ. ประมาณครึ่งชั่วโมง ระยะทาง 23 กิโลเมตร ทางมหาวิทยาลัยไม่อนุญาตให้ขับรถจักรยานยนต์เข้าไปในมพ. แต่จะมีรถเมล์ให้นิสิตได้ใช้บริการ

มพ. เป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่กลางหุบเขาลักษณะคล้ายแอ่งกระทะ ถ้าช่วงไหนอากาศร้อนก็จะร้อนมาก ช่วงไหนหนาวก็จะหนาวสุด ๆ ไปเลยเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีความอุดมสมบูรณ์โอบล้อมด้วยต้นไม้เขียวขจีที่เรียงรายยาวไปตามทาง ทอดเงาปกคลุมทางเดินให้นิสิต แหล่งน้ำหลายแหล่งคงมีปลานานาพันธุ์ว่ายอาศัยอยู่ และดอกไม้มากมายที่แลเหมือนจะเปลี่ยนทุกไตรมาสให้ความรู้สึกคล้ายสวนพฤกษศาสตร์

นอกจากนี้ หากระหว่างไปเรียนหรือเลิกเรียนแล้ว ลองกวาดสายตามองรอบ ๆ เราจะเห็นผัก ผลไม้ต่าง ๆ มากมายกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นที่ในมหาวิทยาลัย และบางครั้งบางคลาฉันก็จะเห็นนิสิตบางคนเข้าไปเก็บ เนื่องด้วยฉันที่เคยโดนสอนมาว่าไม่ควรเก็บผักผลไม้ของคนอื่น ตอนนั้นมันทำให้ฉันสงสัยว่าใครเป็นเจ้าของผักผลไม้เหล่านี้ และเราสามารถเก็บไปได้จริง ๆ ใช่มั้ย

“เธอเคยเก็บผักในมพ. ไปทำอาหารหรือยัง” ฉันถามเพื่อนที่เดินผ่านมาแถวนั้นพอดี

“ยังเลย ยังไม่เคย” เขาตอบมาด้วยสีหน้าดูมึนงง

เมื่อลองถามใครหลาย ๆ คนก็พบว่าส่วนใหญ่มักตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยเก็บ พอถามต่อว่าอยากลองเก็บไหม บางคนตอบว่า “น่าสนใจ” บางคนก็ตอบ “ไม่” โดยทันที นึกแล้วก็ชวนสงสัยน่าหาคำตอบ ฉันคิดว่าที่คนส่วนใหญ่ไม่เก็บกันส่วนหนึ่งคงมาจากคำสอนเดียวกันกับฉันที่ถูกปลูกฝังกันมา และตอนนี้ฉันเริ่มอยากรู้แล้วสิมหาวิทยาลัยที่กว้างใหญ่นี้จะมีพีชผักที่ทานได้มากน้อยขนาดไหนกันเชียว

จากความอยากรู้อยากเห็นเดิมที่คาอยู่ในใจมาพบกับโอกาสที่ต้องทำงานส่งอาจารย์ ปฏิบัติการตะลุยส่องผักเก็บผลไม้ก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างไม่รีรอ

ออกเดินทางตะลุยตามหาผักผลไม้นานา

            เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2565 ฉันกับเพื่อนนัดกันมาสำรวจตามหาผักผลไม้ที่อยู่ในบริเวณมหาวิทยาลัยพะเยากันตั้งแต่ 9 โมงเช้า ภาพที่อยู่ตรงหน้าในตอนนั้นแน่นเต็มไปด้วยผู้คนที่ต่อแถวรอขึ้นรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัยรอขึ้นเขาไปเรียนเป็นจุดหมายเดียวกัน ฉันรู้ได้เลยว่าทุกคนคงหงุดหงิดที่ต้องใช้เวลาเฝ้ารอกันสักพัก ไม่นานนักแถวที่ฉันต่อก็ขยับ นิสิตค่อย ๆ ทยอยเดินขึ้นรถเมล์กันไปทีละนิดทีละน้อย และในที่สุดฉันกับเพื่อนก็ได้ขึ้นไปนั่งที่แถวหน้าสุด โดยระยะเวลาเดินทางเข้าไปในตัวมหาวิทยาลัยใช้เวลา 17 นาทีโดยประมาณ

            เริ่มจากอาคารคณะวิศวกรรมศาสตร์  อาคารนี้เป็นที่แรกที่รถเมล์จะจอดให้นิสิตลง ข้ามถนนไปอีกฝั่งเราก็จะถึงอาคารนี้กันแล้ว นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เรียนมาเลยที่จะได้เข้าอาคารเรียนอื่น ฉันค่อนข้างตื่นเต้นเล็กน้อยกับการไม่รู้ว่าจะได้พบเจอสิ่งที่กำลังตามหากันหรือเปล่า

            พอเดินตรงเข้าไปถึงกลางอาคารแล้วจะเจอต้นขนุนกับต้นกล้วยผลดกมากอยู่ระหว่างโต๊ะคุณรปภ. (เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย) ตรงข้ามจะมีผักสวนครัวอยู่ ปลูกทั้งพริก กระเพรา ผักชี ผักคะน้า เป็นต้น คุณรปภ.บอกกับเราว่านี่เป็นแปลงผักที่แม่บ้านกับรปภ.ช่วยกันปลูก ถ้านิสิตจะเก็บก็สามารถเก็บได้ และยังบอกอีกว่าถ้ากล้วยบริเวณนี้สุกแล้วจะนำมาวางไว้ที่โต๊ะ นิสิตคนไหนอยากกินก็มาเอาไปได้เลย

            บริเวณอาคารคณะวิศวกรรมศาสตร์เชื่อมไปอาคารคณะสหเวช และอาคารคณะอื่นต่อไปเรื่อย ๆ ถือว่าเป็นที่ ๆ มีพีชผักหลากชนิดแถมมีค่อนข้างมากเลยทีเดียว ทั้ง ขนุน กล้วย มะเขือพวง ทับทิม มะละกอ ข่า ตะไคร้ เป็นต้น แถมถ้าเดินไปถึงสถานีอัดประจุไฟฟ้ามันทำให้ฉันแทบตะลึงกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เหล่ากอต้นกล้วยเยอะแทบจะเป็นสวนได้เลย

             ไม่ทันไรเวลาก็ผ่านไปถึงเที่ยงเสียแล้วพลังงานของเราก็เริ่มจะหมด “เราน่าจะไม่ได้เดินหาผักทุกตึกทุกอาคารแน่เลย” เพื่อนของฉันเอ่ยขึ้นมาด้วยความเสียดาย ตอนนั้นเราเลยตัดสินใจที่จะเลือกดูเพียงบางที่เท่านั้น แต่ให้ครอบคลุมที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

            หลังจากนั้น เราเลือกที่จะเข้าไปกันที่หอใน วิธีการไปมีอยู่ 2 วิธีคือ 1. เดิน และ 2. ขึ้นรถเมล์ไปลงอาคารเรียนรวมหลังเก่าภูกามยาว (PKY) และต่อรถเปลี่ยนสายรถเมล์เข้าไป ซึ่งแน่นอนพวกเราไม่เลือกเดินกันอยู่แล้วล่ะค่ะ (หัวเราะ)

            เมื่อได้มาถึงหอใน ไม่รอช้า ฉันเดินข้ามสะพานเข้าไป ผ่านสวนที่นั่งเล่นอันร่มรื่นปลูกประดับไปด้วยโกสนหลากหลายสายพันธุ์ ขณะนั้นเองจู่ ๆ เพื่อนของฉันก็บอกฉันว่าจริง ๆ แล้วยอดอ่อนของโกสนนั้นกินได้ ฉันตกใจกับสิ่งที่เขาบอกฉันเมื่อครู่ ตอนแรกฉันไม่เชื่อนึกว่าโดนแกล้งเสียอีก แต่พอไปค้นอินเทอร์เน็ตดูก็ทำให้รู้ว่ายอดอ่อนโกสนทานได้จริง ๆ

            ภายหลังจากทึ่งกับโกสนทานได้จนพอใจแล้ว เราใช้เวลาหาผักผลไม้แถวหอในต่ออยู่พักหนึ่ง นอกจากโกสนแล้วเราเจอแค่เหล่าต้นมะละกอเท่านั้น

ส่องผักชมวิวชิลบรรยากาศ

            แดดที่แผดเผากับสายลมอันแผ่วเบาไม่ช่วยทำให้รู้สึกเย็นขึ้นเท่าไหร่นัก เราเริ่มเดินต่อหลังพักทานข้าว ขึ้นไปต่อทางเดินเนินสูงชันที่ผ่านหอพักหลังคาสีเขียว ฉันจึงต้องคอยพยายามพยุงตัวเองขึ้นไป ค่อย ๆ ก้าวเท้าอย่างช้า ๆ ไม่ให้ตัวเองเหนื่อยจนเกินไป เราเดินไปอย่างไม่รู้เส้นทางและไม่มีจุดหมาย ขณะเดียวกันสายตาก็พยายามกวาดมองข้างทางหาผักไปด้วย

            หลังจากใช้เวลาเดินขึ้นไปเรื่อย ๆ อยู่พักใหญ่ ในที่สุดเราก็มาถึงที่แปลกตา ที่ ๆ เราไม่เคยรู้ว่ามีด้วย ที่นี่คล้ายโรงบำบัดน้ำอะไรสักอย่าง บริเวณทางขวามือนี้จะเต็มไปด้วยต้นกระถินทอดยาวตามถนนตลอดทาง

ต้นกระถิน

            เดินหน้าไปต่อไม่ไกลนัก ทำเอาพวกเราแทบหายเหนื่อย ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าวิวที่มีความงดงาม ร่มรื่นและเขียวขจีนี้ที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นพื้นที่เกือบทั้งหมดของมหาวิทยาลัยพะเยาของเรา ซึ่งที่นี่คือบริเวณหอพักศรีตรัง เป็นอาคารที่เรามองเห็นเด่นชัดตั้งตระหง่านได้จากอาคารสงวนเสริมศรี ที่ข้างบนนี้ฉันเหลือบไปเห็นต้นทับทิบกับกอตะไคร้ที่ขึ้นเป็นพุ่มใหญ่มาก เรียงรายเต็มพื้นที่ปะปนกับหญ้าที่หน้าตาคล้ายคลึงกัน คุณรปภ.ที่นั่งประจำอยู่บริเวณนั้นบอกกับเราว่าต้นตะไคร้นี้ไม่ได้ขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่แม่บ้านเป็นคนนำมาปลูก

            สำหรับไฮไลต์ของการเดินทางในครั้งนี้ คงจะไม่พูดถึงไม่ได้กับทางลับที่ไม่ลับ เดินกลับลงมาตรงไปเรื่อย ๆ ตามถนนซีเมนต์ ต้นไม้ชุ่มฉ่ำสองข้างทาง เงาที่ตกกระทบตัวฉันทำให้ไม่ร้อนเท่าไหร่นัก ไอเย็นพัดมาทำให้รู้สึกผ่อนคลาย บรรยากาศธรรมชาติที่ดูงดงามไปอีกแบบ จับตามองหาให้ดีอย่างมัวแต่หลงใหลธรรมชาติ จะมีทางเข้าป่าอยู่ ด้วยความสงสัยของพวกเราและเสน่ห์บางอย่างที่ดึงดูดทำให้เราลองเดินเข้าไป ทางขวามือจะมีแหล่งน้ำอยู่ไม่เล็กไม่ใหญ่ พอเดินไปตามทางให้ความรู้สึกเหมือนรอดซุ้มไผ่ยังไงยังงั้น สายตาที่สอดส่องทำให้เจอต้นชะอมที่ปลายยอดอยู่สูงลิ่ว คงเป็นชะอมป่าที่ไม่ค่อยมีคนมาเก็บทำให้ไม่ค่อยมียอดเท่าไหร่นัก

            ทั้งนี้ แม้ว่าบริเวณนี้จะสวยและน่าสนใจแค่ไหนฉันขอแนะนำว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรมาเพียงลำพัง ซึ่งที่นี่ยังคงเป็นบริเวณป่าและดูลับตาผู้คนอยู่ดี แต่ถ้าชวนเพื่อนไปกันหลายคนก็คงสนุกดีไม่ใช่น้อยเลย คงรู้สึกเหมือนได้ไปพักผ่อนกับธรรมชาติและอยู่กับคนที่ทำให้เรารู้สึกสบายใจ

ต้นชะอมที่ปลายยอดสูงลิ่ว

            แวะที่อาคารเรียนรวมหลังใหม่ หรือที่นิสิตเรียกกันว่า CE ฉันเข้ามาที่นี่สักครู่หนึ่ง บังเอิญไปเจอกับเหล่าแม่บ้านขณะกำลังมัดผักบุ้งใส่ถุงแบ่งแจกจ่ายกันอยู่พอดี ฉันจึงได้เข้าไปถามด้วยความสงสัยเรื่องการเก็บผักที่อยู่ในมหาวิทยาลัยและได้คำตอบมาว่า “ผักในมอเราจะเก็บก็เก็บได้ ใครจะเก็บก็เก็บได้ ในพื้นที่ตรงนี้ถือว่าเป็นของเราทุกคน ถ้าไม่มีใครเก็บมันก็ต้องปล่อยเน่าเสียดายของไปเฉย ๆ แต่ถ้าเป็นของที่อาจารย์เขาปลูกเพื่อวิจัยในกระถาง หรือแถวหอพักอาจารย์ก็ไม่ควรไปเก็บเพราะบริเวณนั้นถือว่าเป็นของเขา จะได้ไม่มีปัญหาทีหลัง แต่ที่อื่น ๆ ตามอาคารเรียนก็เก็บได้เลย”

เรื่องราวมากมายในหนึ่งวันร้อยเรียงต่อกันจนเป็นประสบการณ์และความทรงจำดี ๆ ต่อมหาวิทยาลัยพะเยา “จะไปเรียนมอพะเยาจริง ๆ เหรอไม่เห็นมีอะไรเลย อยู่ชนบทกลางเขาห่างไกลความเจริญ” ถ่อยคำเหล่านั้นหวนให้กลับไปนึกถึง ฉันพูดได้เลยว่าที่นี่มีอะไรมากกว่าที่คิด เพียงแค่มันเล่นซ่อนแอบกับเราและรอให้เหล่านิสิตลองได้ผจญภัยตามหามันดู นั่นถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของที่นี่ แม้ว่าจะชนบทและห่างไกลความเจริญแค่ไหนก็ตาม การได้อยู่กลางเขาและห่างไกลความเจริญนี้เองทำให้ฉันมีโอกาสได้ลองอะไรใหม่ ๆ และได้ใช้ชีวิตสนุกไปกับการสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ดั่งคำที่ว่า

“บางสิ่งเรียบง่ายที่สุด แต่มีความสุขที่สุด”

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ