หลังจากที่รัฐบาลกองทัพทหารเมียนเข้ายึดอำนาจจากนาง ออง ซาน ซูจีและสมาชิกพรรค NLD ในวันที่ 1 ภุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ทำให้เกิดผลกระทบมากมายทั้งในประเทศเมียนมาเองและนอกประเทศเมียนมาสาเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลัง พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำกองทัพทหารเมียนมาได้ทำการรัฐประหารในประเทศของตัวเองตัวอ้างว่า
“การทำรัฐประหารครั้งนี้ เกิดจากพรรค NLD ได้ทุจริตการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งจึงทำให้เป็นที่มาของรัฐประหารครั้งนี้”
การทำรัฐประหารนั้นส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไม่ว่าเรื่อง การเดินประท้วงในเมียนมาที่ประชาชนไม่พอใจการทำรัฐประหารของทหารเมียนมา การเดินประท้วงในเมียนมาทำให้มียอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ประท้วงในครั้งนี้ราว 500 คน และยังมีจำนวนผู้เสียอีกมากมายที่ยังไม่สามารถระบุออกมาเป็นตัวเลขได้ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้นานาชาติออกมาเรียกร้องสิทธิ์มนุษย์ชนในเมียนมา เนื่องจากตำรวจและทหารในเมียนมาได้ใช้อาวุธและใช้ความรุงแรงกับประชาชน
การประท้วงเรียกร้องสิทธิ์มนุษย์ชนและเสรีภาพในเมียนมาและการต่อต้านการทำรัฐประหารนั้นไม่ได้เกิดขึ้นภายใน
เมียนมาเท่านั้น ในประเทศสหรัฐอเมริกัน ชาวกะเหรี่ยงซึ่งเป็นผู้ลี้ภัยร่วมตัวกันเพื่อต่อต้านอำนาจจากการทำรัฐประหารในเมียนมาและสนับสนุมให้เมียนมามีการปกครองแบบประชาธิปไตย การเดินประท้วงในรัฐมินนิโซต้า ประเทศสหรัฐอเมริกัน ครั้งนี้เพื่อให้ทุกคนในสังคมที่อาศัยทั่วโลกนั้นได้ตระหนักว่า ” เมียนมานั้นยังต้องการประชาธิปไตยและสันติที่แท้จริง”
นอกจากปัญหาการต่อต้านการทำรัฐประหารในเมียนมาแล้วซึ่งเป็นปัญหาที่หลายภาคส่วนพยายามให้รัฐบาลทหารเมียนมาหยุดใช้ความรุนแรงกับประชาชนของตนเอง อีกด้านหนึ่งกองทัพทหารเมียนมาเองได้เปิดศึกการทำสงครามขนาดย่อมกับกลุ่มชาติพันธ์ุกะเหรี่ยงหรือ KNU ซึ่งเหตุการณ์การปะทะกับกองกำลังชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในช่วงการต่อต้านการทำรัฐประหารในเมียนมานั้น ยิ่งเป็นที่จับตามองของนานาชาติมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะเรื่องสันติภาพในเมียนมา การปะทะกับกลุ่ม KNU นั้นทำให้เกิดเหตุการณ์ผู้ลี้ภัยในรัฐกะเหรี่ยงซึ่งขออพยพหนีภัยสงครามข้ามมายังฝั่งไทยเกือบ 10,000 คน
แน่นอนว่าเหตุการณ์ความไม่สงบในเมียนมาทำให้เยาวชนจำนวนมากตื่นตัวกับเรื่องเหล่านี้ การออกมาแสดงจุดยืนเคียงข้างกับประชาชนชาวเมียนมาผ่านทาง movement ต่างๆนั้นเป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่า ไม่ว่าใครก็ตามต่างต้องการพื้นที่ที่สงบ ปราศจากความรุนแรงต่างๆ นี้คือเสียงของคนหนุ่มสาวที่ตื่นตัวแล้วกับเรื่องเหล่านี้ที่เกิดขึ้นทั่งกลางความไม่สงบ
ผ่านมา 3เดือน แล้วที่สถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมายังคงต้องเฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวทุกฝีก้าว สันติภาพในเมียนมานั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใดนั้นไม่มีใครทราบ คงจะได้แต่ภวานาว่าให้สถานการณ์ดีขึ้นในเร็ววัน