กรม คร. ย้ำ ไข้หวัดนก สายพันธุ์ เอ H5N1 ยังไม่มีรายงานในประเทศไทย

กรม คร. ย้ำ ไข้หวัดนก สายพันธุ์ เอ H5N1 ยังไม่มีรายงานในประเทศไทย

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ย้ำจากข่าวที่มีการตรวจพบเชื้อโรคไข้หวัดนก สายพันธุ์  เอ เอช 5 (H5) เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2557 ในสัตว์ปีกจากฟาร์มในเมืองคุมาโมโต เกาะคิวชิว ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น โดยโรคหวัดนกสายพันธุ์นี้ไม่มีรายงานการตรวจพบทั้งในคนและสัตว์ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม กรมควบคุมโรคขอย้ำเตือนประชาชนให้ระวังการระบาดของไข้หวัดใหญ่ H1N1 ซึ่งเป็นเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่มีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์ที่เคยระบาดเมื่อปี 2552 ในปีนี้สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ H1N1 อยู่ในขั้นน่าเป็นห่วง หลังยอดผู้ป่วยพุ่งสูง 28,607 ราย เสียชีวิต 31 ราย (ข้อมูลการเฝัาระวังโรคไข้หวัดใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2557- 7 เมษายน 2557 โดยสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค) เน้นประชาชนป้องกันการเจ็บป่วย โดยหมั่นลัางมือ ไอ จามปิดปากปิดจมูก หลีกเลี่ยงการอยู่ในทึ่ที่มีคนอยู่แออัด ถ้ามีอาการไข้สูง ไอ เกิน 2 วันให้รีบมาพบแพทย์

นายแพทย์โสภณ  เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จำนวนผู้ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ในปีนี้เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดนเฉพาะผู้เสียชีวิตที่มีรายงานจำนวนมากเมื่อเทียบกับในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา  กลุ่มผู้ป่วยที่พบได้มากที่สุด คือ กลุ่มอายุ  7-9 ปี รองลงมาคือ 25-34 ปี และ 10-14 ปี ตามลำดับ สำหรับจังหวัดที่มีรายงานผู้ป่วยต่อแสนประชากรสูงทึ่สุด 5 อันดับแรก คือ  ลำปาง ระยอง เชียงใหม่ กรุงเทพมหานคร และอุตรดิษฐ์ ตามลำดับ “จากการตรวจวิเคราะห์ของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์  พบว่าผู้ป่วย มากถึงร้อยละ 44 ป่วยจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A H1n1 อีก ร้อยละ 38 เป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์  B และ ร้อยละ 18 เป็นเชื้อสายพันธุ์ A H 3n2″ จนถึงขณะนี้ยังไม่พบทั้งการกลายพันธุ์และการดื้อยาของเชื้อไข้หวัดใหญ่ทั้ง 3 สายพันธุ์ที่ว่านี้

นายแพทย์โสภณ กล่าวต่อว่า โรคไข้หวัดใหญ่ สามารถติดต่อกันได้ง่าย เชื้อส่วนใหญ่จะอยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย ติดต่อกันได้โดยการสัมผัส หรือ การไอ จาม และการปนเปื้อนของเชื้อในภาชนะ ของใช้ส่วนตัว หรือของใช้สาธารณะ เช่น ลูกบิด ปุ่มกดลิฟท์ ราวบันได ราวรถโดยสาร โดยอาจติดต่อเข้าสู่ร่างกายผ่านทางมือที่เปื้อนเชื้อเมื่อแคะจมูก ขยี้ตา เอานิ้วเข้าปาก การป้องกันทำได้โดยหลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในที่แออัด ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ เช็ดทำความสะอาดพื้นผิวและสิ่งของที่มีคนสัมผัสบ่อยๆ ด้วยน้ำผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาดทั่วไป ส่วนผู้ที่ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่แล้ว ควรคาดหน้ากากป้องกันตลอดเวลาหรือใช้ผ้าเช็ดหน้า ปิดปาก ปิดจมูก เมื่อไอ จาม งดการเดินทาง หยุดเรียน หยุดงาน จนกว่าจะหายเป็นปกติแล้ว 1 วัน

อาการของโรคที่สังเกตได้ คือ มีไข้สูง เกิน 2 วันหรือ ไอมาก เจ็บหน้าอก หายใจเร็ว เหนื่อย อ่อนเพลีย รับประทานอาหารไม่ได้ อาเจียน หรือถ่ายอุจจาระมาก ซึ่งถ้ามีไข้สูงเกิน  2 วันแล้วยังไม่ดีขึ้นควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะส่วนใหญ่แล้วอาการของโรคจะค่อยๆดีขึ้นเองเมื่อครบวงจรการติดเชื้อของไวรัส

ส่วนการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคนั้น ควรฉีดล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา ระบุว่า วัคซีนสามารถป้องกัน รวมถึงบรรเทาอาการป่วยได้เพียงร้อยละ 62 เท่านั้น และผู้ที่ป่วยแล้วอาจกลับมาป่วยได้อีก หากเป็นการติดเชื้อคนละสายพันธุ์ ประชาชนที่มีความสนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ โทร 0-2590 3159, 3238 หรือ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ