ช่วงเวลาที่เกือบทุกๆประเทศต้องเผชิญกับการระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ทุกอย่างดูเหมือนว่าจะแย่ไปหมด แต่ก็ไม่ได้เป็นไปแบบนั้นสักทีเดียว แต่ในอีกทางหนึ่งก็เป็นช่วงเวลาที่ดี ที่ผมได้มีโอกาสสัมภาษณ์เพื่อนผมคนหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากผม ถึง 4,314 กิโลเมตร อีก 4 ชั่วโมง กับ 47 นาที เธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ถูกเรียกว่า ดินแดนอาทิตย์อุทัย ดินแดนที่พระอาทิตย์ คือ เทพเจ้าและสิ่งสร้างดินแดนที่ผู้คนต่างรู้จักในนามว่า “ประเทศญี่ปุ่น”
เพื่อนของผม มีนามว่า ริเฮะ ชิมิสุ หญิงสาวผู้เติบโตใน จังหวัดโยโกฮาม่า ผมได้มีโอกาสพบเจอเธอในงานแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทย-ญี่ปุ่นเมื่อสามปีที่แล้ว ในฐานะที่เธอเป็นนักศึกษาเยซูอิส จาก Sophia University ซึ่งมาแลกเปลี่ยนวัฒธรรมญี่ปุ่นกับนักศึกษาเยซูอิสไทย ที่จังหวัดเชียงราย
ริเฮะ เล่าประสบการณ์ประทับใจหลายอย่าง ครั้งที่เธอได้มาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ประเทศไทย ที่ผมอยากจะนำมาเล่าต่อ
”ถ้าคนญี่ปุ่นจะพูดถึงประเทศไทย เราคิดถึงประเทศที่มีแต่รอยยิ้ม หรือ สยามเมืองยิ้มที่ประเทศของเรานั้น คนญี่ปุ่นไม่ค่อยยิ้มมากเท่าไร การที่เรามีโอกาสมาที่ไทยและพบกับการต้อนรับในแบบสไตล์คนไทย เราจึงรู้สึกถึงความเป็นมิตร และความรู้สึกที่อบอุ่น และอีกประเด็นหนึ่ง จากการที่เราได้มาไทยครั้งนี้ สำหรับฉันแล้ว ฉันรู้สึกว่า คนไทยใจดีและมีน้ำใจมาก ฉันรู้สึกประทับใจ”
ฉันชอบกินอาหารไทยและทำอาหารไทยด้วย ถึงแม้ว่าฉันจะรับประทานอาหารไทยที่เผ็ดไม่ได้ก็ตาม ตอนที่ฉันมาแลกเปลี่ยนวัฒธรรมญี่ปุ่นกับนักศึกษาไทยที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ ฉันรู้สึกว่าพวกเขาหล่านั้น มีความกระตือรือร้น ในการเรียนซึ่งต่างจากนักเรียนในประเทศญี่ปุ่นที่มีความอิ่มตัวทางการศึกษาแล้วพวกเขาจึงไม่ค่อยมีแรงจูงใจเท่าที่ควร อาจจะเป็นเพราะประเทศเราพัฒนาแล้ว
เธอยังได้กล่าวกับผมอีกว่า ฉันอยากเปลี่ยนสังคมเล็กๆหรือไม่ก็ช่วยเหลือเด็กๆที่ด้อยโอกาส ผ่านทางเทคโนโลยี มันเป็นความฝันที่ฉันอยากทำ ถ้าหากมีโอกาส ฉันอยากลองทำฝันนี้ให้เป็นจริง
เธอยังเล่าอีกว่า “ส่วนตัวฉันเองฉันเริ่มเรียนภาษาไทยได้เกือบ 4 ถึง 5 ปีแล้ว เพราะฉันต้องมาทำงานที่ประเทศไทย ในฐานะวิศวกร อันนี้จริงพ่อของฉันเคยมาทำงานที่ไทยนานมาแล้ว ก่อนที่ฉันจะมาแลกเปลี่ยนวัฒธรรมที่ไทย ฉันก็ต้องสอบเพื่อจะได้มาไทย ภาษาไทยเป็นภาษาที่ยากพอสมควรสำหรับฉัน แต่ฉันก็โชดดีที่มีเพื่อนเป็นคนไทย และมีโอกาศได้ใช้ภาษาไทยกับพวกเขาบ้างตามโอกาสนี้นับว่าเป็นโอกาสที่ดี และมีค่ามากสำหรับฉัน ในการที่ฉันได้มีโอกาสมาไทยและแลกเปลี่ยนวัฒธรรมกับนักศึกไทย”
และไม่เพียงแค่นั้น ผมยังได้มีโอกาสสอบถามเกี่ยวกับการระบาดเชื้อไววัส Covid-19 ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเธอแบ่งปันประสบการณ์ในช่วงที่ทั่วโลกต้องเผชิญกับการระบาคของเชื้อไวรัส Covid-19
การระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19ครั้งนี้ แน่นอนมันเป็นสิ่งที่น่ากลัวและเราทุกคนต่างต้องระวังมากเหตุการณ์ครั้งเนี้ยให้ข้อคิดอะไรกับคุณบ้าง
สำหรับฉันแล้วฉันคิดว่าเราควรที่จะให้กำลังใจกันเพราะเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนต่างหวัดกลัวและ เฝ้าระวัง ถ้าเรามองอีกแง่หนึ่ง ฉันได้มีโอกาสอยู่ที่บ้าน ทำงานที่บ้าน ได้อยู่ครอบครัว ได้ทำอะไรที่อยากลองทำ ซึ่งฉันคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีเหมือนกัน
คุณคิดว่ามันเป็นเรื่องที่แย่ไปหมดสำหรับเราทุกคนที่ต้องเผชิญ กับ การระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 นี้ไหม ในมุมมองของคุณ
ไม่นะ เพราะสำหรับฉันเองได้มีโอกาสทำสิ่งที่ฉันอยากทำอย่างที่ฉันได้บอกไปฉันได้มีโอกาสได้เรียนภาษาไทย (หัวเราะ) ถึงแม้ว่าฉันไม่ได้ไปทำงานและกิจวัตรประจำวันที่ฉันเคยทำอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับสิ่งที่ฉันเคยทำเป็นประจำ แต่มันก็เป็นเวลาที่ฉันจะได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น
คนญี่ปุ่นมีความตื่นตัวกับเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างไรบ้าง
เราต้องอยู่ในบ้าง แต่ก็แค่บางพื้นที่ที่มีการระบาดมากรัฐบาลจะเข้มงวดเป็นพิเศษ แต่พื้นที่อยู่ชนบทรัฐบาลเองก็เข้มงวด แต่ก็มีการผ่อนปรนบางในบางกรณี แต่ส่วนมากแล้วเราก็อยู่แต่ในบ้านและทำงานผ่านทางช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ แม้จะสะดวก แต่เราไม่ค่อยชินกับกิจกรรมที่เราทำเสมอ เช่น คนญี่ปุ่นจะใช้รถไฟฟ้าในการเดินไปทำงานหรือเดินไปทำงาน ตั้งแต่ Covid-19 ระบาดเราก็ไม่ได้โดยสารมากนัก เพราะเรากลัวการติดเชื้อ ดังนั้นเราจึงอยู่แต่ในบ้านเป็นส่วนใหญ่ จะออกจากนอกบ้านบ้างกรณีออกไปซื้อของใช้ที่จำเป็น
สุดท้ายแล้วคุณอยากฝากข้อคิดหรือ กำลังใจให้กับคนญี่ปุ่นเองและคนไทยอีกทั่งทุกคนที่ต้องพบเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างไร
ก็อยากให้ทุกดูแลตัวเองให้ดี และดูแลสุขภาพของตัวเองเพราะเป็นเรื่องที่สำคัญมากไม่ใช่แต่ตัวเราเท่านั้น ครอบครัวเรา คนรอบข้างเราตัว พวกเขาทั้งหลายต่างสำคัญต่อเราเช่นกัน สุดท้ายฉันก็หวังว่า โรคระบาดนี้จะหายเร็ว ๆ และทุกคนจะได้มีชีวิตที่ปกติสุข