คำมั่นสัญญาที่ผมให้ไว้เมื่อ 2 ปีก่อนนั้น ผมได้ทำสำเร็จจงได้ตามที่ผมได้มอบคำสัญญาให้แก่เด็กผู้พลัดถิ่นผมได้พาเพื่อนผมที่อยากเป็นอาสาสมัครเหมือนกับผม เพื่อพวกเขาเหล่านั้นจะได้รู้จักโลกอีกใบหนึ่งที่ยังต้องการความช่วยเหลือและความรัก
เหล่าอาสาสมัครครูชายขอบ The Salween Volunteer teacher project.
งานของพวกเราในรัฐกะเหรี่ยงมีอะไรบ้างไปชมกัน
เหล่าเด็กๆที่น่ารักกับเหล่าอาสาสมัครครู
จากใจพี่ใหญ่ของเรา พี่พิม หรือ พิมสุดา เชอร์
บันทึกการเดินทางไปรัฐกะเหรี่ยงอิตูท่า ก่อนอื่นเริ่มจากมีตัวแทนนักศึกษา Xavier Learning Community 3คน (กะเหลอะ/เฟิร์น/ภูวดล)ได้เคยไปเป็นครูอาสาสมัครสอนหนังสือให้กับน้องๆที่รัฐกะเหรี่ยงช่วงปิดเทอม(ประมาณเดือนสิงหาคม2562) และช่วงคริสต์มาสปี2562 มีโครงการที่จะกลับไปเยี่ยมและส่งมอบความสุขในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและสวัสดีปีใหม่ให้กับน้องๆที่อิตูท่า ดิฉันซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในมูลนิธิฯ ได้ฟังเรื่องราวที่ตัวแทน นักศึกษา แบ่งปันประสบการณ์เมื่อครั้นได้ไปเป็นครูอาสาที่อิตูท่า มีความสนใจกับสถานที่ดังกล่าวจึงได้สอบถามกับตัวแทน นักศึกษา ว่าขอไปร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วยนะและก็ได้รับอนุญาตให้ไปร่วมกิจกรรมได้ ความรู้สึกตอนนั้นคือ รู้สึกดีใจมาก ตื่นเต้นที่จะได้ไปหาน้องๆ แต่ขณะเดียวกันก็มีความกังวลเรื่องการเดินทางที่เข้มงวดและมีความเสี่ยงพอควร
บ่ายวันที่22ธ.ค.62 หลังจากที่จัดกิจกรรมค่ำคืนเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสในเสร็จ Xavier Learning Community เราได้ออกเดินทางจาก Xavier Learning Community ไปแวะพักที่บ้าน1คืน(อ.ไชยปราการ) และเช้าวันที่23 เดินทางไปรวมตัวกันที่ขนส่งอาเขต ครั้งนี้เราไปกันทั้งหมด 5 คน(กะเหลอ/อาร์ต/เฟิร์น/นุช/พิม) สายๆก็มีรถมารับเรา(พี่มีชัย)พาไปส่งที่ด่านท่าสามแหลบ พอพวกเราไปถึงก็เย็นพอดีมีคนมารอรับพวกเรา4คน เป็นเซอหร่า1คน และเด็กๆจากค่ายอพยพ3คน และได้นอนพักที่บ้านคุณป้า หนึ่งคืนเพื่อรอขึ้นเรือในเช้าวันใหม่ บรรยากาศยามเย็นของวันนั้นอากาศช่างสดชื่น เย็นสบายและช่วงกลางคืนอากาศจะหนาวมากเพราะอยู่ติดกับแม่น้ำบวกกับเป็นช่วงฤดูหนาว
รุ่งเช้าทุกคนตื่นกันแต่เช้าตรู่เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางข้ามฝั่ง ตอนเช้าๆที่ท่าเรือจะคึกคักเป็นพิเศษเพราะจะมีคนมารอข้ามเรือกันเป็นจำนวนมาก และช่วงที่นั่งรอเรือออก ฉันนั่งมองผู้คนที่ผ่านไปมา สังเกตเห็นใบหน้าที่สดใส แม้ทุกคนจะรีบเดินทางเพื่อไปยังจุดมุ่งหมายของตัวเอง แต่ใบหน้าเหล่านั้นฉันกลับเห็นความสุข ความราบเรียบที่ซ่อนอยู่บนนัยตาของผู้คนเหล่านั้น และเมื่อถึงเวลาเรือได้แล่นออกจากท่าในใจฉันทั้งตื่นเต้นทั้งกังวลว่าจะข้ามฝั่งได้อย่างปลอดภัยไหม แต่ลึกๆก็เชื่อว่ามีพระนำทางทุกอย่างจะปลอดภัยแน่นอนและเพราะเรากำลังไปทำสิ่งที่ดีดีต่อผู้อื่น ระยะเวลา 2 ชม. ที่นั่งอยู่บนเรือ
ฉันต้องใส่เสื้อกันหนาวสองชั้น สวมหมวกไหมพรม สวมถุงมือ ถุงเท้า และกอดกระเป๋าไว้แน่นไม่ขยับเลย เพราะลมอากาศที่เย็นมากกับน้ำเมื่อกระทบใบหน้ารู้สึกเย็นยะเยือกถึงข้างในใจ ขณะเดียวกันเมื่อมองไปรอบๆตัว เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ป่าไม้ช่างเขียวขจียิ่งนัก สัมผัสได้ถึงกลิ่นไอของธรรมชาติอย่างแท้จริง รู้สึกฟินมากกกก และก่อนที่เราจะถึงฝั่ง เรือจะแวะจอด 2 จุดโดยมีหน่วยตรวจเป็นทหารของฝั่งเมียนมาลงมาตรวจดูความเรียบร้อย ซึ่งโชคดีมากช่วงที่พวกเรามาไม่ได้มีการตรวจแบบเข้มงวดนัก (อาจเพราะอากาศที่หนาวเย็น)
เด็กๆที่อาศัยอยู่ตามชายขอบพวกเขาน่าสงสาร ทุกๆวันเขาต้องสู้ดิ้นรนเพื่อดำเนินชีวิตรอด เราซึ่งเป็นพี่น้องร่วมโลกหากช่วยเหลือเกื้อกูลแบ่งปันสิ่งดีดีที่เรามีให้แกกันจะทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นเยอะมากเลยจริงๆขอบคุณอิตู่ท่า ที่ครั้งหนึ่งฉันได้มีโอกาสไปเยือนสถานที่แห่งนี้ สถานที่ที่เงียบสงบ(ช่วงไม่มีสงคราม) อาศัยอยู่กลางหุบเขา มีแม่น้ำไหลผ่านหน้าบ้านตลอดปี สถานที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่รวมกันเป็นจำนวนมากจากการหนีสงคราม สถานที่ที่อบอุ่น อากาศบริสุทธิ์ ชาวบ้านน่ารัก จิตใจอ่อนโยน ฉันมีความสุขทุกครั้งเมื่อนึกถึงสถานที่แห่งนี้ อยากเห็นเด็กๆเติบโตมีอนาคตที่แจ่มใส…. รัก อิตู่ท่า
จากใจครูอาสาสมัคร ครูชายขอบ The Salween Volunteer teacher project.