สถานะทางบุคคลที่ทุกวันนี้มีรายชื่อตกหล่นมากกว่า 1 ล้านคน พวกเขาไม่ใช่แรงงานต่างด้าว แต่นี้คือบุคคลดั้งเดิมในประเทศไทย ที่พวกเขาเป็นชนเผ่าชาติพันธุ์ หรือหลายคนให้คำนิยามกับพวกเขาว่า “ชาวเขา” และเด็กๆที่เติบโตมาในสังคมกว้างใหญ่ จึงพลอยได้รับผลกระทบคือ “เด็กไร้สัญชาติ”
วันที่ 17 มกราคม 2557 ณ โฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา จ.เชียงใหม่ ฉันได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสกิจกรรมงานวันเด็ก ซึ่งครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 12 แล้ว ฉันเห็นกลุ่มเด็กๆและเยาวชนจากจังหวัดทางภาคเหนือ ที่ได้เดินทางเข้าร่วมงาน กว่า 500 คน เช่น เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน เป็นต้น เด็กๆเหล่านี้เป็นชนเผ่าและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีเหมือนกันคือ “เด็กไร้สัญชาติ”
งานวันเด็กไร้สัญชาติ ครั้งนี้มีชื่อตอนว่า “เด็กดีแต่ไร้สัญชาติ” โดยมีพื้นที่ให้เด็กไร้สัญชาติได้มาแสดงออกถึงความรู้ ความสามารถหรือความเป็นเลิศของตนเอง แลกเปลี่ยนซึ่งกันสู่สาธารณะ ให้สังคมได้รับรู้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง โดยเล็งเห็นความสามารถของเด็กๆ ซึ่งพวกเขาก็คืออนาคตของประเทศไทยนั่นเอง
“แผนที่เด็กดีแต่ไร้สัญชาติ” ได้วางไว้เป็นแผนที่จังหวัด ประกอบภาพประวัติ ผลงานของเด็กดี ที่มีรายชื่อ 44 คน ซึ่งช่วงวันนี้ เด็กๆเหล่านั้นจะได้ขึ้นเวทีรับเกียรติบัตรจาก นายอรรถชา กัมปนาทแสนยากร ปลัดอำเภอเมืองเชียงใหม่ ความภาคภูมิใจที่ฉันเห็นแล้วรู้สึกปลาบปลื้มดีใจกับเด็กๆเหล่านี้ด้วย
“หนูดีใจมากคะ ที่ได้รับรางวัล ถ้าหนูได้บัตรประชาชน มีสถานะทางบุคคลเป็นคนไทย หนูก็อาจจะได้รับการรักษาพยาบาลที่ถูกลง” คำพูดจาก ด.ญ.นามิเสาะ ปู่หา ที่กำลังรอผลการพิสูจน์ดีเอ็นเอเพื่อรับสัญชาติไทยเยาวชนในสถานสังเคราะห์เด็กบ้านปลาดาว เชียงใหม่ รางวัลที่ได้รับคือ 1.ชนะเลิศศิลป์สร้างสรรค์ ระดับเขต 2.ชนะเลิศมหกรรมศึกษาท้องถิ่นไทย ระดับภาค 3.รองชนะเลิศอันดับที่ 1 แข่งว่ายน้ำ 4.นักเรียนกิจกรรมศิลปะดีเด่น ปัจจุบันกำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ
สุธาสินี นพธัญญะ ผู้จัดการสถานสังเคราะห์เด็กบ้านปลาดาว เชียงใหม่ ได้พูดคุยถึงน้องนามิเสาะ เด็กดีไร้สัญชาติ ที่กำลังรอผลการพิสูจน์ดีเอ็นเอในขณะนี้
ทางมูลนิธิมีการส่งเสริมเด็กๆอย่างไร ให้มีความสามารถและเป็นคนดีคะ?
ทางมูลนิธิจะสนับสนุนเด็กๆในเรื่องของการศึกษา ให้มีกิจกรรมที่ทำร่วมกับทางสังคมในเรื่องของจิตสาธารณะคะ ถ้าในมูลนิธิมีเด็กๆที่มีความสามารถพิเศษด้านใด เราก็จะส่งเสริมเด็กในด้านตรงนั้น ให้เขาได้มีส่วนร่วม แสดงความสามารถพิเศษกับทางสังคมให้เห็น
อยากผลักดันกลุ่มเด็กๆที่มีความสามารถ แต่ยังไม่ได้รับสัญชาติอย่างไรคะ?
เรามองว่าเด็กๆเหล่านี้มีสิทธิเท่าเทียมกัน แม้ว่าเขาจะไม่มีสถานะทางบุคคล หรือสถานะทางสัญชาติ ซึ่งตรงที่เราได้ให้การช่วยเหลือ การสนับสนุนเด็กๆที่มีความสามารถอย่างเต็มที่คะ ให้เท่าเทียมกับเด็กไทยทุกๆคน ให้อยู่ในการดูแลของเราได้
มีน้องนามิเสาะที่กำลังรอผลพิสูจน์ดีเอ็นเอ จะมีผลดีอย่างไรกับน้องคะ?
สำหรับน้องคนนี้ที่กำลังอยู่ในกระบวนการตรวจดีเอ็นเอ ก็เพราะว่าจากเอกสาร ข้อมูลของน้องมีการตกลงตั้งแต่เริ่มแรก เมื่อตั้งแต่ทางอำเภอคะ ทางนี้เราก็ได้รับการช่วยเหลือจากองค์กร เครือข่ายที่ทำงานช่วยเหลือร่วมกันกับเรา ในการให้คำแนะนำผลักดันให้น้องมีสัญชาติให้ได้ เพราะว่าแม้ของน้องก็มีสัญชาติเรียบร้อยแล้ว น้องชายของน้องก็มีสัญชาติแล้ว เหลือแต่น้องคนนี้ที่อยู่ในกระบวนการ ซึ่งทางองค์กรที่ได้ทำงานร่วมกัน ได้แนะนำว่าน่าจะให้น้องไปตรวจดีเอ็นเอ เพราะว่าแม่ของน้องมีสถานะทางบุคคลแล้ว ซึ่งครั้งนี้จะได้รับข่าวดี ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เราจะฟังผลดีเอ็นเอแล้วจะนำไปยื่นกับทางอำเภอ
ทำไมน้องถึงมีรายชื่อตกหล่นคะ?
ด้วยปัญหาของน้องก็คือว่า แม่ของน้องไม่ได้ไปแจ้งเกิดกับทางอำเภอเชียงดาว ในขณะนั้นคะ ด้วยความเข้าถึงข้อมูลยังไม่เพียงพอ แล้วก็ตัวของผู้ปกครองก็ยังไม่มีความรู้ไม่มีข้อมูลในตรงนี้ เพราะฉะนั้นเมื่อน้องเกิด แม่ไม่ได้ไปแจ้งเกิดตั้งแต่แรก แต่บังเอิญว่าแม่ของน้องอยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว แล้วทางผู้ใหญ่บ้านก็ได้รับรองให้ ว่าเป็นบุคคลที่มีตัวตน แล้วก็มีพื้นที่อยู่ในนั้นนาน แล้วผู้ใหญ่ก็ได้ให้การรับรองให้ คือเมื่อเริ่มแรกทางอำเภอก็จะรับรองให้การรับรองสถานะของแม่ก่อน แล้วตอนนี้ก็เป็นในส่วนของตัวลูกสาว ที่กำลังทำตอนนี้
ในช่วงระหว่างการตรวจดีเอ็นเอ มีปํญหาด้านอื่นไหม เช่นด้านเศรษฐกิจ ฐานะเศรษฐกิจของครอบครัวน้องคะ?
มองว่าปัญหาเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ถ้าถามครอบครัวที่เป็นชนเผ่าที่เขาไม่สามารถมีรายได้เหมือนกับเราปกติทั่วๆไปก็อาจจะมีปัญหาในเรื่องของค่าใช้จ่าย การตรวจดีเอ็นเอ เพราะว่าค่อนข้างสูง หากเด็กหรือครอบครัวไม่ได้รับการสนับสนุนการช่วยเหลือจากองค์กรที่ทำในเรื่องของสัญชาติ หรือองค์กรต่างๆที่เข้ามาช่วยเหลือตรงนี้ เด็กที่มีปัญหาในเรื่องของสถานะทางบุคคลก็อาจจะไม่มีโอกาสที่จะได้รับการตรวจดีเอ็นเอ เพราะว่ามีปัญหาด้านของค่าใช้จ่าย
อยากจะเสนอแนะอะไรไหม ในเรื่องของการตรวจดีเอ็นเอ เพื่อให้ลดผลกระทบกับค่าใช้จ่ายและครอบครัวของเด็กๆที่ได้ตรวจดีเอ็นเอ ให้น้อยที่สุด?
สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ เรื่องของข้อมูล อยากจะให้ผู้ที่ทำงานในส่วนของสัญชาติในการที่จะไปให้การสัมภาษณ์ ให้ข้อมูลกับกลุ่มเป้าหมายที่ยังไม่มีสถานะด้านตรงนี้ ให้เขาได้เข้าถึงข้อมูลให้ได้มากที่สุด ทำยังไงที่จะมีโอกาสที่จะได้สิทธิในตรงนี้ แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ไม่อยากจะให้คนไทยที่จะแบ่งแยกว่า เด็กคนนี้เป็นคนที่ไม่มีสถานะ เด็กคนนี้ไม่ใช่เด็กไทย ถ้าถามว่าเด็กทุกคนที่อยู่ในแผ่นดินไทย หากเขาได้เป็นเด็กดี แล้วเขาก็สามารถที่จะทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศไทยได้มากมาย ตรงนี้เราเองก็ไม่อยากที่จะให้คนไทยด้วยกัน จำกัดสิทธิของเด็กในตรงนี้ อยากให้เขามีสิทธิเท่าเทียมกันเท่ากับเด็กไทยที่อยู่ในแผ่นดินไทยด้วย
1 ในเด็กดีแต่ไร้สัญชาติ นายยอด ปอง ชาวเขาเผ่า “ปะหล่อง” หรือ เผ่าดาราอั้ง จังหวัดเชียงราย
นิสิตชั้นปีที่ 3 คณะศึกษาศาสตร์ สาขาสอนนาฏยสังคีต มหาวิทยาลัยบูรพา ผู้ที่ไม่ยอดแพ้ต่อโชคชะตา โดยหวังว่าชาวเขาอย่างเขาจะได้รับสัญชาติไทย วันนี้ยอด ปองได้ขึ้นแสดงขับเสภาบนเวทีให้ผู้ใหญ่และเด็กๆได้รับชมความสามารถอีกด้วย
รู้สึกยังไงที่ได้คิดการแสดงเกี่ยวกับงานนี้?
การแสดงวันนี้เราก็ได้รับการประสานงานจากพี่มึดา ที่เป็นคนประสานงานต่างๆในการเป็นพิธีกรเพราะว่าผมไม่เคยมาเลย ปีนี้ก็เป็นปีแรกที่ผมได้มาแล้วก็ได้มาเห็นการแสดงน้องๆ ก็คิดว่าเราก็ไม่ใช่คนเดียวนะที่ไร้สัญชาติ เพราะว่ายังมีน้องอีกมากเลยจากการร่วมงานครั้งนี้ การแสดงที่เอาเสภามาเพราะผมนั้นเรียนเอกขับร้องสาขาการสอนนาตฏยสังคีต เกี่ยวกับครูสอนดนตรีไทย ผมคิดว่าศาสตร์ขั้นสูงของการขับร้องคือการขับเสภานะครับ คิดว่าน่าจะขับเสภาดีกว่านะครับ ถึงแม้เราไม่ใช่คนไทยแต่เราลองแสดงอะไรที่สื่อเป็นคนไทยคือการขับเสภา แต่ว่าเนื้อหาของเราก็คือเนื้อหาไม่ว่าจะเป็นวัตถุประสงค์โครงการหรืออะไรต่างๆของโครงการมาประยุกต์แล้วก็ดัดแปลงแต่งออกมาเป็นเนื้อที่ขับออกมาเมื่อเช้า
ความหมายบทเสภา สื่อถึงอะไรค่ะ?
กล่าวถึงการจัดโครงการวันเด็กไร้สัญชาติก็จัดมาตั้งแต่ปีไหนแล้วจนปีนี้เป็นปีที่ 12 แล้ว ในส่วนเนื้อก็พูดถึงผู้ใหญ่ด้วยให้ผู้ใหญ่เห็นคุณค่าของเด็กต่างๆ แล้วก็ส่วนเนื้อหาเป็นการให้กำลังใจน้องที่ไร้สัญชาตินะครับว่า ถึงแม้ว่าเราเป็นสัญชาตินี้ก็ขอให้เราอย่าท้อแท้ วันใดที่เราเกิดความท้อแท้ ถ้าเรามีกำลังใจไม่ว่าจะเป็นกำลังใจจากพ่อแม่ กำลังใจจากคนรอบข้างหรือสังคมเนี้ย เป็นสิ่งที่สำคัญนะครับก็ให้เราอย่าท้อแท้ให้มีกำลังใจขึ้นมา ต่อสู้แล้วก็ทำกิจกรรมต่างๆเพื่อเป็นการพัฒนาเด็กและเยาวชน อาจจะเป็นคนไทยด้วย เพราะเราก็ถือว่าเราก็เป็นพลเมืองนะครับ เป็นพลเมืองที่ดีแล้วก็เป็นพลเมืองส่วนหนึ่งของสังคมไทย
เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก็ได้รับความช่วยเหลือจากมูลนิธิการให้คำปรึกษากับสถานะบุคคลของอาจารย์แห๋วว ที่ทำธรรมศาสตร์นะครับแล้วก็ประสานความร่วมมือระหว่างครูแดงหรือป้าแดง เดือนใจ ดีเทศครับ ก็ให้ความช่วยเหลือในการปรับเปลี่ยนสถานะ เนื่องจากว่าเรามาที่ประเทศไทยตอนแรก เราไม่รู้ว่าเราเป็นคนอะไร ก็ถูกตีหน้าว่าเป็นคนพม่า ให้เป็นแรงงานต่างด้าว แต่ก็ได้รับความร่วมมือจากที่กล่าวไปแล้วสองท่าน คือให้ได้ปรับสถานเป็นเลข ศูนย์ ตัวเดียวให้เป็นคนชาวเขาเพื่อง่ายในการสำรวจอะไรอย่างนี้ แล้วก็ในการแปลงสัญชาติในอนาคต ส่วนเรื่องการแปลงสัญชาตินั้น ตอนนี้ก็ยังพูดในการแปลงไม่ได้นะครับ ในการที่จะแปลงสัญชาติอะไรต่างๆก็ต้องมีกฎเกณฑ์ต่างๆแล้วก็ข้อบังคับอะไรต่างๆของเขาทางส่วนนี้นะครับ แต่เราก็ไปปรึกษาอาจารย์ต่างๆเขาก็บอกว่าเราก็ยังไม่สามารถแปลงได้ก็ให้เรานั้นเรียนจบปริญาตรีก่อนถึงจะเข้าข้อกฎเกณฑ์ของเขาครับ … ไม่ใช่ครับผมไม่ได้เกิดที่นี่ แต่เติบโตที่นี่ก็ตอน..มาเรียนที่นี่เราก็ไม่ได้เกิดที่นี่ครับ แต่ว่าเราก็ไม่ได้นิ่งดูดายตั้งแต่มอ 3 แล้วครับ เราก็อยากมีสัญชาติ ก็เกิดน้อยใจอะไรบ้าง ร้องไห้ ทำไมเราไม่เหมือนชาวบ้านแบบนี้ครับ ก็การฮึดสู้แล้วก็อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองตั้งแต่มอ 3 แล้ว ต่อสู้มาเรื่อยๆเก็บข้อมูลอะไรต่างๆ ขอคำปรึกษาจากทุกหน่อยงาน มาจนถึงตอนปี 1 ก็ได้รับความช่วยเหลือในการปรับสถานะ ก็ถือว่าเป็นใบเบิกทางอีกหนึ่งใบนะครับที่ทำให้คนไร้สัญชาติจากที่ไม่เคยไปไหนเลยไม่ว่าจะออกจากอำเภอ ไม่ว่าจะกลับมาทางเชียงรายมาหาแม่แบบนี้ กลัวตำรวจมากเลย เพราะเราเป็นคนที่ไม่มีหลักฐานอะไรเลย เวลาจะกลับมาทีหนึ่งก็ต้องแต่งตัวเป็นนักเรียน เพื่อตำรวจไม่ค่อยถาม แต่งมาก็รอด ได้ครูแดงเป็นแม่อีกคนหนึ่ง อาจารย์นิเทศช่วยตรงนี้ ก็เลยไปประสานงานกับเจ้าหน้าที่อำเภอแม่สายรวมถึงปลัดนายอำเภอก็ให้ความช่วยเหลือตรงนี้ ได้ทำให้ตัวเองมีบัตรเลข ศูนย์ หรือบัตรประจำตัวบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียนมีขึ้น แล้วก็คนในครอบครัวก็มี แล้วยังช่วยเหลือในเรื่องการศึกษา ให้ผมทำใบหนังสือเดินทางสามารถเดินทางไปมาระหว่างชนบุรีกับเชียงรายนะครับ ตลอดครบหลักสูตรก็คือ 5 ปีนะครับ เป็นส่วนที่ดีมากครับ
ตอนปี1 เปลี่ยนสถานะเป็นอะไร?
ก็แปลงแรงงานต่างด้าวเป็นเลข 00 เนื่องจากตอนที่เข้ามาเป็นอะไรก็ถูกหน่วยงานที่เขาไม่ค่อยรู้ตรงนี้ให้เป็นต่างด้าว ทำงานไปด้วยเหมือนเป็นแรงงานครับเลข 00 ตอนปี1 ได้รับความช่วยเหลือจากครูแดงจากเลข 00 ให้เป็นเลข 0 ตัวเดียว หมายถึงบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียน รวมไปถึงคือเด็กๆและเยาวชนที่เป็นคนไร้สัญชาติทั่วประเทศไทยเขาก็จะมีบัตรตัวนี้ครับ เป็นเหมือน ID Card นั้นเองครับ ใช้เลข 0 ในการกำหนดสถานะครับ
สถานะบุคคลมีความสำคัญ?
ถ้าผมยังไม่เรียนถึงตรงนี้ ถ้าตอนเด็กๆผมก็เคยจัดโครงการแบบนี้นะครับ โครงการอบรมไร้รัฐไร้สัญชาติโดยเชิญวิทยากรภายนอกไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากอาจารย์แหว๋วนะครับ ก็มาให้ความรู้กับน้องๆที่จังหวัดสมุทรสาครเช่นกัน แล้วก็มีน้องๆจากหลายๆโรงเรียนเลยนะครับที่อยู่ใกล้ๆชายแดนของสมุทรสาคร มีน้องๆมาอบรมยังเกิดความไม่รู้เรื่องสิทธิและกฎหมายต่างๆ ปัจจุบันก็ยังมาถามว่าสามารถเรียนต่อได้ไหม ตั้งแต่ปี 47 นะครับที่เปิดให้มีการเหมือนเป็นด้านการศึกษา รัฐบาลคนไทยก็เริ่มเปิดให้เป็นสิทธิเพิ่มมากขึ้นจากเมื่อก่อนไม่เคยให้การศึกษาก็กลับให้เรียนได้อะไรอย่างนี้ครับ ไปไหนได้มากขึ้นครับ ส่วนใหญ่คือน้องยังไม่รู้นะครับ ในส่วนนี้
อยากฝากอะไรกับน้องๆที่ไร้สัญชาติตอนนี้บ้างค่ะ?
อยากฝากถึงน้องๆที่ยังไร้รัฐไร้สัญชาติ ไม่ว่าจะเป็นทุกชนเผ่าทุกชนชาติพันธุ์เลยนะครับก็ฝากถึงน้องๆว่าเราอย่านิ่งดูดาย สิ่งที่สำคัญคือเราต้องรู้ตัวตน อาจารย์สอนเสมอว่า ต้องรู้ว่าเราเป็นใครมาจากไหน ต้นกำเนิดมาอย่างไรเมื่อเรารู้ข้อมูลตัวเองแล้วเราสามารถที่จะให้ทุกคนนั้นสามารถมาช่วยเราได้ แต่ทุกวันนี้ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเรามาจากไหน เกิดที่ไหนยังไงของเผ่าตัวเอง อยากให้น้องๆลองไปศึกษาข้อมูลประวัติ ของตัวเองให้ครบ แล้วก็ให้ไปสอบถามหน่วยต่างๆ เป็นด่านแรกแล้วในการที่จะขอหรือปรับสถานะของตัวเอง ต้องรู้ตัวเองก่อน สองคืออย่าท้อแท้นะครับ เพราะในสังคมนี้ไม่ได้มีแค่เราเพียงคนเดียวที่ไร้รัฐไร้สัญชาติจากงานวันนี้หรือจากทั่วประเทศไทยของเรานั้นยังมีเด็กและเยาวชนที่เป็นเหมือนเรามาก ดังนั้นอย่าท้อแท้อย่าอ่อนแอและให้สู้ เมื่อใดที่เราอ่านแอให้นึกถึงคนที่ด้อยกว่าเรา นึกถึงคนที่เป็นแบบอย่างของเราหรือนึกถึงในหลวงของเราก็ได้ ในการที่จะมีความอดทนต่างๆมาเป็นแบบอย่างของเรา เด็กไร้รัฐไร้สัญชาติทั่วแผ่นดินไทยครับ
อีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนในงานวันเด็กครั้งนี้ อดีตเยาวชนไร้สัญชาติ ผู้ต่อสู้จนได้รับสัญชาติไทยอย่างถูกต้อง น.ส.มึนา นาวานาถ ชาวเผ่ากระเหรี่ยง ซึ่งสำเร็จการศึกษา สาขานิติศาสตร์ ปัจจุบันมึดาได้รับบัตรประจำตัวประชาชนเมื่อปีพ.ศ. 2551 และเป็นอาสาสมัครนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน มาร่วมจัดงานวันเด็กให้กับรุ่นน้องที่ยังไม่มีสัญชาติ ในชื่องานวันเด็ก “เด็กดีไร้สัญชาติ” ครั้งที่ 12 ในปีนี้ด้วย
“ถ้าเรียนจบนิติศาสตร์หรือกฎหมาย พี่จะนำความรู้ของพี่ไปช่วยเหลือพี่น้องที่มีปัญหาเรื่องสัญชาติ ตอนนี้ก็เหมือนทำตามความฝันอยู่ ที่จะนำความรู้ของเราไปใช้ให้เกิดประโยชน์ช่วยเหลือพี่น้องที่มีปัญหาเรื่องไร้สัญชาติเหมือนกัน” มึดา นาวานาทกล่าว
งานวันเด็กครั้งนี้ จะสำเร็จไม่ได้หากขาดบุคคลสำคัญเป็นแรงผลักดันให้กลุ่มเด็กๆกล้าต่อสู้ให้ได้รับสถานะบุคคล สัญชาติไทย ตัวอย่างเยาวชนที่ได้รับสัญชาติไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย คือ มึดา นาวานาท ซึ่งมึดา ได้กล่าวขอบคุณผู้ใหญ่ท่านนี้ที่คอยช่วยเหลือเธอมาตลอด ระหว่างที่ฉันได้นั่งพูดคุย ซึ่งท่านนี้คือ “พี่หลวง” ที่เด็กๆเยาวชนได้กล่าวนาม
“แต่ ณ วันนี้ประเทศไทย ยังไม่สง่างาม เพราะเรายังไม่กล้าพอไง เรายังกังวล กลัวนั้นกลัวนี้ ยังไม่กล้านับคนในประเทศ เมื่อไม่กล้าวันนี้ ก็จะทวีคูณในวันหน้า เพราะฉะนั้นต้องกล้าตัดสินใจสักอย่าง” สันติพงษ์ มูลฟอง ผู้อำนวยการ ผู้ช่วยเลขานุการ คณะอนุกรรมการศึกษาและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสถานะและสิทธิบุคคล ซึ่งเด็กๆเยาวชนหลายคน รู้จักกันนามว่า “พี่หลวง”
เห็นความสำคัญตรงไหนของเด็กกลุ่มนี้?
เด็กเป็นเหมือนผ้าขาว แล้วที่นี้จำทำอย่างไรให้มีความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ณ วันนี้กลายเป็นว่าตัวของกฎหมายจะได้นิยามว่าเด็กๆเหล่านี้เป็นคนผิดกฎหมาย ที่เราเรียกว่ากฎหมายสัญชาติ มาตรา 7 ทวิวรรค 3 ฐานะการอยู่อาศัยในประเทศ เด็กๆที่เกิดจากพ่อแม่เข้ามาเมืองมา เด็กๆที่เกิดจากพ่อแม่ที่ได้รับการให้อยู่เป็นลักษณะเป็นการชั่วคราว อยู่ลักษณะเป็นการพิเศษ กลายเป็นว่าเขาเกิดมาซึ่งไม่มีความผิด แต่เกิดมากฎหมายกลับกลายให้เขียนว่า ให้มีฐานะเป็นผู้หลบหนีเข้าเมือง มีความผิดทางอาญาตั้งแต่เกิด อันนี้เป็นสิ่งที่เรารับไม่ได้ เป็นหัวใจที่เราต้องแก้ไข
ทำไมเด็กๆถึงยังไม่ได้รับสัญชาติ?
มีหลายระดับนะครับ ที่ไม่สามารถแก้ไขให้บรรลุได้
อันดับ 1 ผมถือว่าเริ่มต้นจากตัวเด็ก หรือตัวครอบครัว อาจจะมีเข้าใจไม่ชัดเจน ว่าเด็กคนนี้ที่เกิดมาแล้ว แล้วไม่มีสถานะทางบุคคลที่ชัดเจน หรือไม่มีสัญชาติ อันนี้จะต้องทำอย่างไร คงเป็นเรื่องความรู้ความเข้าใจ
อันดับ 2 เป็นในส่วนของผู้บริหารงาน ผู้ปฏิบัติงานที่มีหน้าที่ตามกฎหมาย ที่จะต้องจดแจ้งชื่อเด็กให้เข้าไปสู่ระบบทะเบียนราษฎร แล้วก็พิจารณากำหนดสถานะที่ถูกต้อง อันนี้ก็เป็นปัญหาในทางปฏิบัติ เริ่มที่มีทัศนะคติที่ไม่ดี มองว่าคนพวกนี้เป็นคนต่างด้าว เป็นคนก่อปัญหาสังคม หรือมากไปกว่านั้นบางที่ไม่เข้าใจว่าช่องทางจะทำอย่างไร ก็ลองผิดลองถูก หรือมากไปกว่านั้นจะมีปัญหาในการเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งอันนี้เรื่องนี้ปัญหาเราก็มี หลายคนติดคุก ติดตารางง หลายคนก็ถูกเรียกร้องผลประโยชน์จากเรื่องเหล่านี้
สูงกว่านั้นคือเรื่องโครงสร้างทางกฎหมาย หรือเรื่องนโยบาย ระเบียบ ปฏิบัติ หรือนอกจากนั้นคือเรื่องระเบียบการใช้กฎหมาย ก็ยังเป็นปัญหาอยู่ ซึ่งหลายคนที่เป็นผู้ปฏิบัติงานบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องรอง ไม่มีความสำคัญ เรื่องนี้ไม่ใช่หน้าที่โดยตรง ทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ หรือบางคนพูดไปถึงขั้นว่า ทำแล้วไม่มีอะไรที่ดีขึ้น บางครั้ง “ทำดีก็เท่าตัว ทำชั่วก็ติดลบ” หลายคนพูดแบบนี้ ก็เลยกลายเป็นว่าเอาไว้นั้นก่อนนะครับ
ถ้าหากว่าเด็กดี เด็กที่สร้างผลงานให้กับประเทศเหล่านี้ แล้วยังไม่ได้รับสัญชาติจะเกิดอะไรขึ้น?
ก็วันเด็กปีนี้เราทำมาสิบสองปี โดยปีนี้เราทำประเด็น “แผนที่เด็กดีแต่ไร้สัญชาติ” เราพยายามโชว์ให้สังคมเห็นว่า สังคมไร้สัญชาติ ที่ผ่านมาจะมอง 2 มุมใหญ่ๆ คือ มองว่าพวกนี้เป็นพวกอาชญากร ก่อปัญหาสังคม หรือมองว่าพวกนี้เป็นเหยื่อ อาจจะมองว่าเป็นผู้ถูกกระทำในสังคม แต่ความเป็นฮีโร่ ความเป็นเลิศของเด็กๆไม่ได้แสดงออก หรือแสดงออกคนใหญ่ก็ไม่เห็นคุณค่าทีสำคัญ
จากนี้จะเป็นสิ่งที่ตามว่า ที่เป็นปัญหาตัวใครตัวมัน ปัญหาบุคคลที่นี้ก็ก่อตัวกลายเป็นปัญหาสังคม คือทำเรื่องปัญหาสัญชาติเหมือนแก้ไขปัญหาหลายอย่าง คือทำเรื่องคนที่อยู่บนดิน แล้วทำสถานะที่ถูกต้องตามกฎหมาย ในอนาคตปัญหาอื่นก็จะลดลงไป แต่ถ้าไม่ทำเรื่องนี้เลย ก็ถือว่าเป็นจุดเปราะบาง ปัญหาเรื่องแรงงานก็ตามมา ปัญหาเรื่องค้ามนุษย์ก็ตามมา ปัญหาเรื่องคนหาย ปัญหาความมั่นคง ก็จะตามมา ซึ่งเราคิดว่า ปัญหาสังคมที่แพร่วงกว้างจะตามมาอีกหลายเรื่อง แต่ก็ไม่ได้บอกว่าการแก้ไขปัญหาเรื่องสัญชาติจบ แล้วปัญหาอย่างอื่นไม่มี มันไม่ใช่ แต่มันอาจเบาบางลงไป
คิดว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาหลายๆอย่างลงไปได้อย่างไรบ้าง?
บางครั้งเราคิดว่าตรงนี้มันเป็นต้นทางของปัญหาอื่นๆ เช่น เด็กคนหนึ่งไม่มีสัญชาติ บางทีโอกาสการเข้าถึงการศึกษา เขาอาจมีข้อจำกัด โอกาสที่เขาจะได้รับการเยียวยา หรือรับประกันสุขภาพ โอกาสที่จะได้รับการพัฒนาด้านอื่น ก็มีข้อจำกัด เหมือนเด็กในงานที่เราจัด เด็กบางคนมีความสามารถทางด้านกีฬา เทียบเท่ากับนักกีฬาระดับชาติ ไปซีเกมส์ได้เลย แต่เขามีข้อจำกัดที่ว่า เขาไม่มีสัญชาติ ก็ไปไม่ได้ หรือบางคนที่เรียนจบวิชาชีพนิติศาสตร์ หรือจบสาขาที่สังคมมีความจำเป็นต้องการ แต่ไม่สามารถที่จะประกอบวิชาชีพนั่นๆได้ ตามที่ตัวเองมีความถนัด แบบนี้ก็จะเป็นปัญหา เราก็คิดว่าถ้าแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้ ผมจะทำอย่างไรดีให้คนเหล่านี้มีสถานะที่ถูกต้องตามกฎหมายในผืนแผ่นดินไทย ไม่ได้บอกว่าทุกคนต้องได้สัญชาติไทย ขอให้เขามีสถานะที่ถูกต้อง
ณ วันนี้เด็กๆ ที่มา บางคนไม่มีสถานะอะไรเลย หรือไม่มีเลขประจำตัวอะไรเลย หรือบางคนการกำหนดสถานะที่ถูกต้องก็ยังไม่มีให้เขา
แต่ว่าที่จะให้สัญชาติ ก็ต้องระวังในเรื่องการแอบแฝง อย่างไรคะ?
เราทำงานด้านนี้ทั้งสองด้าน ด้านหนึ่งเป็นการส่งเสริม พัฒนาการ คือคนที่ควรได้ ก็ควรต้องได้ ได้สถานะที่ถูกต้อง อันนี้คือเรามองถึงความยั่งยืน ที่ควรต้องให้มีสถานะที่ถูกต้องแบบยั่งยืนไปเลย แต่ในขณะเดียวกัน คนที่มาไม่ถูกต้องเราก็แนะนำให้ไปแบบนี้นะ ดูแล้วตามข้อเท็จจริง ตามข้อกฎหมาย ยังไงที่เขาไม่ได้สัญชาติไทยก็ไม่ได้ เช่นฐานะแรงงานต่างด้าวหรือแรงงานต่างชาติ คุณก็ต้องไปแบบนี้ หรือมาในฐานะผู้ลี้ภัย คุณก็ต้องไปแบบนี้ อันนี้เราก็จะแยกแยะแบบนี้นะครับ ซึ่งนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่จะบอกให้ตัวเจ้าของได้รับรู้ ถ้าไม่อย่างนั้น คนไม่รู้ก็จะแสวงหา แล้วบางทีก็ต้องยอมไปเสียเงินเสียทองไปจ่าย
แล้วเราก็รู้ว่า ความสำคัญสูงสุดไม่ได้ถ้าไม่ได้สัญชาติไทย แล้วถ้าอนาคตไปเป็นอาเซียน ต่อไปคุณอาจเป็นพลเมืองอาเซียนก็ได้ เรามองให้รู้เลยว่า ช่องทางเป็นแบบนี้ ก็ไม่ได้เสียหายอะไร ถ้าเราไม่ได้เกิดไทย แล้วเข้ามาเมืองมา แล้วถือพาสปอร์ตประเทศที่เรามา แล้วเราก็ขอวีซ่าเข้ามา ใช้ชีวิตแบบปกติสุขในแผ่นดินไทย แต่อาจมีเงื่อนไขว่า ต้องไปขอวีซ่าต้องไปต่อวีซ่า ก็ยังดีกว่าอยู่แบบหลบๆซ่อนๆ หรือแบบถูกกดขี่ ดูถูก จนถึงที่สุดก็ถูกเรียกรับผลประโยชน์ คือเราต้องไปให้ความรู้
อยากให้สังคมส่งเสริมแบบนี้อย่างไร?
ผมคิดว่า คนสังคมต้องเปิดใจให้ได้รับสถานการณ์ทั้งหมด คือจากเดิมคนจะมองว่า เรื่องสัญชาติเป็นปัญหาเรื่องคนชายขอบ คนที่สูง พี่น้องชาติพันธุ์ตามป่าตามเขา แต่อันนี้ไม่ใช่ เพราะอันนี้เป็นอดีตที่คนเข้าใจ ณ วันนี้จากป่าสูงเมือง วันนี้เมืองเชียงใหม่ คนในกรุงเทพก็มีคนไม่มีสถานะทางบุคคล หรือคนไร้สัญชาติ อยู่ทุกที วันนี้ควรเปิดใจว่าไม่ใช่ปัญหาเรื่องชายขอบอีกต่อไปแล้ว
และสองเมื่อรู้แบบนี้ เราก็ควรต้องช่วยกันอย่างไร เพราะปัญหานี้เราบอกว่าไม่ใช่ปัญหาของคนใดแล้วจบลงที่นั่น มันอาจตัวเป็นปัญหาสังคม ถ้าเราช่วยกัน ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องทัศนคติ แล้วจะนำไปสู่การแปลงพฤติกรรม เพราะถ้าทัศนคติเป็นลบแล้ว พฤติกรรมที่แสดงออกก็จะตามมา ไม่ว่าจะเป็นคนในสังคมแบบธรรมดา หรือคนที่อำนาจกำหนดนโยบาย ทั้งระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัด หรือระดับชาติ
วันนี้อยากจะบอกกับหลายคนว่า เรามีธงที่จะไปอาเซียน วันนี้เหมือนมีฝาชีครอบอยู่ 10 ฝาชี แต่ก็มีคนที่เล็ดลอดออกมาจากฝาชี จากฝาชีนั้นไปอีกฝาชี อย่างน้อยที่สุดประเทศไทยก็ยังมีประมาณ 4 ล้านคนที่ยังไม่ชัดเจนในเรื่องสถานะทางบุคคล เมื่ออาเซียนเปิดในปี 58 ฝาชีทุกฝาชีจะเปิดพร้อมกัน ปัญหาอย่างอื่นก็จะตามยั่วเยี้ยไปหมด เราคนหนึ่งก็อาจจะเป็นเนื้อปัญหาตรงนี้ ดังนั้นถ้าเราช่วยกันขจัด ที่ว่าการจัดการประชากรในประเทศก้าวเข้าสู่อาเซียน ถ้าบ้านเราเคลียร์คือ นับประชากร กำหนดบาร์โค้ด เลข 13 หลักให้ทุกคน หลังจากนั้นเมื่อเปิดฝาชี คนที่ไม่มีเลข ก็จะสงสัยได้ง่ายว่ามาจากฝาชีอื่นมาอยู่ฝาชีนี้ไหม
แต่ ณ วันนี้ประเทศไทย ยังไม่สง่างาม เพราะเรายังไม่กล้าพอไง เรายังกังวล กลัวนั้นกลัวนี้ ยังไม่กล้านับคนในประเทศ เมื่อไม่กล้าวันนี้ ก็จะทวีคูณในวันหน้า เพราะฉะนั้นต้องกล้าตัดสินใจสักอย่าง
ถ้าเด็กๆได้รับสัญชาติ จะสร้างคุณประโยชน์ได้อย่างไรให้กับประเทศไทยเรา?
เท่าที่ดูแล้ว มหาศาล แต่ถ้าเด็กๆได้รับสถานะที่ถูกต้องเขาจะมีความจงรักภักดี มีความภูมิใจในแผ่นดิน ผมคิดว่าความมั่นคงที่เกิด แล้วความมั่นคงในแผ่นดินก็จะตามมา ถือว่าสุดยอดแล้ว
ถ้าถามเรื่องการสร้างคุณประโยชน์แล้ว เด็กๆเหล่านี้สร้างความเป็นเลิศไม่ว่าจะเป็นด้านกีฬา การเรียน ด้านวิทยาศาสตร์ ตลอดจนด้านศิลปวัฒนธรรม ผมคิดว่าเด็กๆยังมีโอกาสในการสร้างชาติ ซึ่งสังคมยังมีความสับสนวุ่นวาย ซึ่งถ้าสังคมให้พื้นที่กับเด็กๆ ผมคิดว่านี้เป็นพื้นที่ในการแสวงหาความสุข นี้คือปัญหาอีกอย่างหนึ่งก็จะได้จบลงไป
แนวทางขององค์กร จะดำเนินต่อไปอย่างไร?
ก็ถือว่า ประเด็นเด็กดีแต่ไร้สัญชาติ อาจจะเป็นก้าวแรก ที่เราเสนอผ่านทางวันเด็กประจำปีนี้ แล้วหลังจากนี้เราจะเผยแพร่ข้อมูลเด็กๆเหล่านี้ให้กับสังคมอย่างกว้างขวางมากที่สุด ผ่านสื่อผ่านช่องทางต่างๆ เพราะฉะนั้นหวังว่าสังคมจะมีมุม 3 มุม มองว่าหนึ่ง เด็กๆเหล่านี้มีความเป็นเลิศ เป็นฮีโร่ เป็นต้นแบบในทางที่ดี สองอาจจะมองว่าแต่เดิม เป็นปัญหาอาชญากรรม ซึ่งอาจไม่ใช่เด็กๆเหล่านี้อีกต่อไปแล้ว สามในเรื่องกลุ่มบุคคล ผู้เสียหาย ผมคิดว่านี้เป็นเรื่องเผยแพร่
หลังจากนั้นนะครับ เราก็อยากให้เด็กๆได้สร้างเครือข่ายกัน วันนี้ที่เรารวบรวมได้ ถือว่าเป็นตัวอย่างหนึ่งแค่นั้นเอง ผมเข้าใจว่ายังมีอีกเยอะอยู่ในแผ่นดินนี้ เพราะฉะนั้นผมอยากให้เด็กๆได้รับข่าวสาร แล้วเขาก็จะสร้างเครือข่ายกัน ณ วันนี้เด็กคนหนึ่งอยู่โรงเรียนหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่ามีเพื่อนคนไหนที่มีปัญหาเหมือนกัน ซึ่งในวันนี้เราสร้างพื้นที่ให้มาเจอกัน เขาก็จะเติมเต็มให้กำลังใจ แล้วก็จะก่อตัวให้ทำความดีขึ้นมา
เพราะฉะนั้นผมคิดว่า เหมือนเป็นตาสัปปะรดทั่วประเทศ มารวมกัน ก็จะเป็นภาพลักษณ์ในเชิงบวก ว่าทำดีแล้วเป็นแบบนี้ แล้วผมก็คาดหวังว่าคนในสังคมจะตระหนัก แล้วก็จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ณ วันนี้มีกฎหมายที่นิยามว่า เด็กเป็นผู้กระทำความผิดในฐานะผู้หลบหนีเข้าเมือง รวมไปถึงฐานะของพ่อแม่ที่นำไปสู่การแก้ไขระเบียบ กฎเกณฑ์ ที่ให้พื้นที่เด็กๆเหล่านี้ และที่สำคัญที่สุด เด็กๆที่มีคุณประโยชน์แบบนี้ ก็จะถามผ่านสังคมไทย ว่าถ้าสังคมไทยไม่เอา แล้วเราจะเอาคนอย่างไร
ผมคิดว่าเสียงผู้ใหญ่ใจดีหลายคนที่ร่วมทำงานด้วย บอกว่า บางโรงเรียนมีชื่อเสียงจนถึงทุกวันนี้ เพราะเด็กๆเหล่านี้ เอาเข้าจริงๆ เด็กๆที่มีสัญชาติไทยยังคาดหวังอะไรไม่ได้เลย เด็กๆเหล่านี้ได้สร้างชื่อเสียงให้กับท้องถิ่น ให้กับโรงเรียน องค์กรพอสมควรนะครับ ก็อยากจะฝากให้ผู้ใหญ่เนื่องในวันเด็กได้ชื่นชมกับผลงานเด็กๆในก้าวแรกครั้งนี้ แล้วหลังจากนี้หลายๆอย่างก็จะดีตามมา
กิจกรรมงานวันเด็กครั้งนี้ แม้จะไม่ได้จัดตรงกับงานวันเด็กจริง คือวันเสาร์ ที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ ก็ยังไม่ช้าไปสำหรับเด็กๆเยาวชนอย่างพวกเขา ทุกกิจกรรมที่พวกเขาได้แสดงออกผ่านผลงานรางวัลต่างๆที่เคยได้รับ และประสบความสำเร็จมานั่น รวมถึงวันนี้เป็นหนึ่งพื้นที่การแสดงออกทางความสามารถบนเวที ที่สื่อถึงสังคมให้เห็นว่า พวกเขาไม่ได้น้อยความสามารถ หรือด้อยคุณค่า เพียงขอให้สังคมได้เล็งเห็นถึงความเป็นบุคคลในแผ่นดิน เล็งเห็นถึงอนาคตที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย และพวกเขาก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่พร้อมพัฒนาประเทศไทยด้วยฝีมือ ความสามารถ และประกอบด้วยความจงรักภักดี ยิ่งกว่าสิ่งใด หากสถานะบุคคลคือสิ่งสำคัญที่แสดงความเป็นมนุษยชาติ
“เด็กดีแต่ไร้สัญชาติ”