ไล่รื้อปางควายสร้างบ้านพักตำรวจน้ำ ชาวบ้านโวยทำลายวิถีดั้งเดิม เผยนายทุนบุกรุกหนักพื้นที่ชุ่มน้ำแอ่งเชียงแสน-สร้างรีสอร์ท-ทำไร่ยางพารา
เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2559 ตัวแทนชาวบ้านรายหนึ่งในบ้านเวียงเหนือ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่าเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา กองบังคับการตำรวจน้ำ ตำบลเวียง ได้ส่งหนังสือถึงนายกเทศมนตรีตำบลเวียง เพื่อขอใช้ที่สาธารณะประโยชน์สร้างอาคารบ้านพักข้าราชการตำรวจน้ำ เนื่องจากมีคำสั่งราชการให้ข้าราชการตำรวจมีที่พักภายในอำเภอเชียงแสน
ซึ่งที่ดินที่กองบังคับการขอใช้นั้นเป็นที่ดินประเภท หนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง หรือ นสล. (เป็นหนังสือแสดงสิทธิในการขอใช้ประโยชน์หรือร่วมกันใช้ที่ดินในเขตราชพัสดุหรือเขตสาธารณประโยชน์ ออกโดยกรมที่ดิน เป็น เอกสารสิทธิแสดงแนวเขตที่ดินของรัฐ โดยอาจจะออกเป็นแปลงใหญ่รวมกันและระบุชื่อหน่วยงานที่ใช้ประโยชน์ไว้ได้) อันเป็นที่ดินที่มีความสมบูรณ์ และมีชาวบ้านที่ก่อตั้งตัวเองมาเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านเวียงเหนือ ซึ่งประกอบอาชีพเลี้ยงควายมากกว่า 100 ปี โดยตำรวจน้ำขอใช้เนื้อที่ 25 ไร่จากทั้งหมด200 ไร่ ซึ่งทับที่เดียวกับกลุ่มปางควาย ทางอำเภอจึงมีคำสั่งจากทางอำเภอให้ชาวบ้านกลุ่มปางควายซึ่งมีกระท่อมและสิ่งปลูกสร้าง พร้อมคอกควาย ย้ายออกภายใน 6 เดือน ดังนั้นชาวบ้านจึงร่วมกันคัดค้าน โดยได้ส่งหนังสือร้องเรียนไปยังนายอำเภอเชียงแสน และคาดว่าจะมีการนัดเจรจากันอย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธุ์ นี้
ชาวบ้านรายเดิมกล่าวว่า ในการย้ายปางควายออกนั้น จะกระทบกับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในที่ดินดังกล่าว22หลังคาเรือน ซึ่งทางการไม่มีการพูดถึงรายละเอียดค่ารื้อถอน ค่าขนย้ายควายออกจากพื้นที่เลย จึงกังวลว่ากลุ่มเลี้ยงควายจะเดือดร้อน และมีภาระค่าใช้จ่ายที่เกินตัว เนื่องจากที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่ประกอบอาชีพเลี้ยงควาย ขายปุ๋ยคอก แก่กลุ่มผู้ทำไร่ นา และจำหน่ายควายออกเมื่อถึงคราวจำเป็น ซึ่งหากมีการสร้างบ้านพักข้าราชการตำรวจจริงๆ ชาวบ้านจะต้องเดือดร้อน
ด้านนายบุญมี ดวงสนม ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปางควายเวียงเหนือ กล่าวว่า ได้ข่าวเรื่องการย้ายปางควายออก ตนตกใจมาก และกลัวสูญเสียอาชีพที่คนรุ่นก่อนทำสืบทอดกันมา ปางควายเวียงเหนือกับเวียงหนองหล่มเป็นวิถีชีวิตที่มีคุณค่าคล้ายกัน เพราะชาวบ้านเลี้ยงแบบตั้งใจรักษาพื้นที่หนองในอำเภอเชียงแสน และเชื่อมั่นว่า มีความมั่นคงของพื้นที่เชียงแสนนั้น หนีไม่พ้นการเกษตรและมั่นใจว่าประคองเศรษฐกิจได้ดี และยังคงหวังว่าหากนายอำเภอเชียงแสน เข้าใจประชาชน คงจะสั่งระงับโครงการได้
อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวไม่แน่ใจว่า การสร้างบ้านพักตำรวจน้ำเป็นกุศโลบายหรือเปล่า เพราะพื้นที่เวียงเหนือขณะนี้เริ่มมีรีอสอร์ท มีนายทุนเข้ามาทำไร่สับปะรด ไร่ยางพารา กันแล้ว อีกใจหนึ่งกังวลว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมพื้นที่สำหรับเขตเศรษฐกิจพิเศษ
“เราเลี้ยงควายและทำนาปะปนกันไป เพื่ออยู่ เพื่อใช้ โดยใช้ที่ดิน นสล. ซึ่งไม่มีการซื้อขายอะไร และหากเราต้องย้ายควายกว่า 600 ตัว เราจะทำกันยังไง ผมเชื่อว่าทางราชการจะเห็นใจเกษตรกรอย่างเราบ้าง และเชื่อว่าการพัฒนาชุมชนมีหลายด้านให้เลือก เช่น หากมีการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตที่มีเรื่องควายจากเวียงหนองหล่ม เวียงเหนือ เกิดขึ้น อาจจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวก็ได้ อยากให้อำเภอชะลอเรื่องราวไว้ก่อนและต่อจากนี้จะติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด” นายบุญมี กล่าว
อนึ่ง ทะเลสาบเชียงแสน และเวียงหนองหล่มหรือเวียงหนองล่ม เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำขนาดใหญ่ที่เกิดจาการยุบตัวของแผ่นเปลือกโลกรอยเลื่อนแม่จัน คนทั่วไปรู้จักในนามแอ่งเชียงแสน เดิมมีพื้นที่ประมาณ 25,000 ไร่ ปัจจุบันเหลือเพียง 14,000 ไร่ ผืนเดียวกันกับทะเลสาบเชียงแสนและหนองบงกาย คาบเกี่ยวพื้นที่ 3 ตำบล ได้แก่ตำบลจันจว้า ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน และตำบลโยนก อำเภอเชียงแสน โดยปัจจุบันพื้นที่ชุมน้ำแห่งนี้ถูกบุกรุกอย่างหนักทั้งโดยเอกชน ภาครัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งๆที่บริเวณนี้เคยเป็นอาณาจักรโบราณแห่งโยนกนาคพันสิงหนวัติ
ชมคลิป สารคดี คนเลี้ยงควาย แห่งเวียงหนองหล่ม https://www.youtube.com/watch?v=alxQxa0FunI