“Child of the Mist: สารคดีที่สะท้อนสิทธิและชีวิตของเด็กสาวในเงาของธรรมเนียมดั้งเดิม”

“Child of the Mist: สารคดีที่สะท้อนสิทธิและชีวิตของเด็กสาวในเงาของธรรมเนียมดั้งเดิม”

“Child of the Mist”
เป็นสารคดีที่บอกเล่าเรื่องราวของเด็กสาวชาวม้งในเวียดนามที่ชื่อ“ดี้” วัย 14 ปี ผู้ซึ่งอยู่ในวัยที่อาจต้องเผชิญกับการ “ขโมยเจ้าสาว” หรือการจับแต่งงานโดยไม่ได้รับความยินยอม ที่เป็นประเพณีของชนเผ่าม้งที่ยังคงอยู่มานาน และในสารคดีนี้จะเน้นให้เห็นถึงผลกระทบทางสังคมและอารมณ์ที่เกิดกับเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

คอนเซปต์ของหนัง
หนังอยากจะสื่อให้เห็นเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิม กับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะในเรื่องสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียม หนังแสดงให้เห็นความตึงเครียดระหว่างการเคารพประเพณีเก่าแก่ของชนเผ่า และความพยายามที่จะปกป้องสิทธิส่วนบุคคลของ “ดี้” เด็กสาวชาวม้งในการเลือกชีวิตของตัวเอง นอกจากนี้ สารคดียังสะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านทางวัฒนธรรมที่กำลังเกิดขึ้นในชุมชนชนเผ่า เมื่อคนรุ่นใหม่เริ่มเปิดกว้างมากขึ้นและตั้งคำถามกับธรรมเนียมที่เคยมีมา

เนื้อเรื่องย่อ
ในเรื่องนี้ “ดี้” ต้องเผชิญกับการจับแต่งงานกับเด็กชายในหมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งครอบครัวของเด็กชายเชื่อว่านี่เป็นวิธีที่เหมาะสมในการหาภรรยา แม้ว่าเธอจะพยายามหลีกหนีและแสดงเจตจำนงไม่เห็นด้วย แต่ก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากครอบครัวและสังคม สารคดีแสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งของ “ดี้” ที่อยู่ระหว่างการต้องปฏิบัติตามธรรมเนียมกับความต้องการที่จะมีชีวิตในแบบของตัวเอง

การสะท้อนสังคม
หนังสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่เด็กหญิงในชนเผ่าม้งต้องเผชิญ และชี้ให้เห็นถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่มาพร้อมกับธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิม นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการปฏิรูปวัฒนธรรมเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพของเด็กๆ โดยเฉพาะสิทธิในการปฏิเสธการแต่งงานที่ไม่สมัครใจ

ความเป็นพลเมืองและการละเมิดสิทธิ
ในแง่ของความเป็นพลเมือง ประเด็นหลักคือสิทธิในความเท่าเทียมและสิทธิของเด็กที่ถูกละเมิด ประเพณีการ “ขโมยเจ้าสาว” ทำให้เด็กสาวไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเกี่ยวกับชีวิตของตัวเอง และยังถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในมุมมองสากลที่เน้นสิทธิในการปกครองตัวเองและเสรีภาพในความคิด สิทธิเสรีภาพในการเลือกคู่ครองเป็นสิ่งที่เด็กสาวเช่น ดี้ ถูกละเลย เพราะถูกสังคมกดดันให้ยอมรับการกระทำนี้ตามธรรมเนียม

เรื่องนี้ปลุกกระเเสพลเมืองยังไง?
เรื่องนี้มีหลายแง่มุมที่ได้นำเสนอออกมา ที่เห็นได้ชัดคือเรื่องของสิทธิสตรีของเด็กผู้หญิงในเรื่อง ที่โดนประเพณีวัฒนธรรมเข้ามากดทับ อาจจะทำให้เกิดกระเเสเกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชนของคนในสังคมมากขึ้นได้ เช่น อาจมีการเกิดการเรียกร้องทางสังคม ประเพณีที่ไม่สมควรมี ในปัจจุบัน มีการเรียกร้องให้เห็นถึงปัญหาที่ไม่เคยได้รับการพูดถึง เรียกร้องสิทธิของมนุษย์ ปัจจุบันอาจจะมีประเพณีแบบนี้อยู่ ที่เด็กผู้หญิงยังคงถูกบังคับและโดนพรากสิทธิของตนเอง ทั้งที่ไม่สามารถขัดขืนได้อยู่ ทำให้คนในสังคมหันมาให้ความสนใจ ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และพยายามแก้ปัญหานี้ได้ และยังมีประเด็นเรื่องของสังคมชายเป็นใหญ่ พลเมืองอย่างพวกเราก็ควร ปลุกกระแสความคิดให้ทุกคนรู้และเข้าใจว่ายังมีความไม่เท่าเทียมเกิดขึ้นอยู่ในสังคม เพื่อปกป้องสิทธิของเด็กผู้หญิง และในสังคมที่ชายเป็นใหญ่ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคม

ในเรื่องนี้แสดงให้เห็นได้ชัดว่าถ้าเราไม่กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นก็จะส่งผลกระทบที่ร้ายแรงกับตัวเองได้เพราะการที่ไม่ได้พูดออกมา ก็จะทำให้ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคม ทำให้สังคมก็ยังจมอยู่ที่เดิมการกล้าแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ช้าก็เร็ว ขึ้นในสังคมอย่างเห็นได้ชัด เหมือนการที่เรียกร้องสมรสเท่าเทียมที่คนในสังคมออกมาเรียกร้องต่อสู้เพื่อสิทธิของตนเองจนเกิดการได้รับสมรสเท่าเทียมในปี2024ได้สำเร็จ

สัมพันธ์กับสื่อภาคพลเมืองยังไง?
เรื่องนี้มีการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของเด็กผู้หญิงผู้ในชนบทของเวียดนาม เสนอมุมมองจากกลุ่มคนทั่วไปที่ไม่ต้องผ่านสื่อกระเเสหลัก แต่มีเรื่องที่สำคัญต่อประชาขนทุกคนที่สะท้อนเสียงของคนในพื้นที่ได้อย่างดี ที่หาจากสื่อกระเเสหลักไม่ค่อยได้ เรื่องนี้เหมือนเป็นการเปิดพื้นที่สื่อให้คนในชุมชนที่อาจจะถูกมองข้าม ละเลย ได้ออกมาแสดงมุมมองต่างๆในสังคม นำเสนอมุมมองที่แตกต่างออกไป ทำให้ทุกคนได้รับรู้ถึงปัญหาทางสังคมและสิทธิมนุษยชนมากขึ้น

แรงบันดาลใจที่ได้จากเรื่องนี้

การเห็นถึงความกล้าของเด็กผู้หญิงที่ต้องต่อสู้เพื่อสิทธิและชีวิตของตัวเอง แม้จะเจอแรงกดดันจากประเพณีที่บังคับให้ต้องทำตาม สารคดีนี้ทำให้เราเข้าใจว่าประเพณีบางอย่างอาจไม่ยุติธรรมสำหรับทุกคน โดยเฉพาะกับเด็กผู้หญิง

สารคดีนี้ยังเตือนใจเราถึงความสำคัญของการให้สิทธิเด็กในการเลือกทางชีวิตของตัวเอง และทำให้เราตระหนักว่าประเพณีบางอย่างอาจต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อความยุติธรรมในสังคม

ผู้เขียน กลุ่ม RiseTogether

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ