ออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโลกไอทีแต่อย่างใด ทั้งไม่ได้เรียนมาโดยตรง และไม่ได้รับข่าวสารด้านไอทีตลอดเวลา แต่สิ่งที่เห็นเรื่อยมาในยุคของชีวิตติดสายแลน และสัญญาณ Wireless ก็คือ เรามีชีวิตผูกติดกับการเสพข้อมูลข่าวสารมากขึ้นเรื่อยๆ
ระหว่างอ่านหัวข้อเรื่องนี้ เชื่อว่าหลายคนก็ล็อกอิน facebook, twitter, e-mail ฯลฯ อยู่แน่ๆ ผมเชื่ออย่างนั้น
ก็ในเมื่อโลกยุคนี้มันเป็นแบบนี้ ถามว่าเราเรียนรู้อะไรจากการใช้งานอินเตอร์เน็ตที่มากกว่า user ธรรมดาๆ บ้าง อันนี้เราคงไปว่าอะไรไม่ได้ เพราะพื้นฐานความสนใจของมนุษย์ย่อมแตกต่างกัน และแน่นอนว่าความเชี่ยวชาญของคนแต่ละคนก็ย่อมต่างกันไปด้วย
….
เข้าเรื่อง!!
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมมีโอกาสพูดคุยกับคนหลายคนในเรื่องการสร้างเว็บไซต์ หลายคนอยากมีพื้นที่ในโลกออนไลน์นี้เป็นของตัวเอง ที่มากกว่าการมี account twitter, facebook, blog, social media เรากำลังพูดถึงเว็บไซต์ที่มีโดเมนเป็นของตัวเอง หรือตามความเข้าใจง่ายๆ คือ เป็นเจ้าของบ้าน ไม่ใช่ห้องเช่าที่อยู่ภายใต้ชายคาร่วมกับใคร
ผมเองก็เช่นกัน อยากเป็นอย่างนั้น แต่ถามว่าเราสามารถกระโดดเข้ามาทำ หรือเรียนรู้มันได้ทันทีหรือไม่ เอาตรงๆ เลยก็คือ มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น และการมีพื้นที่แบบนั้นเพื่อระบายอารมณ์ พร่ำ บ่น มันก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ผมคิดว่าเราทำได้มากกว่านั้น แม้จะไม่ใช่เว็บไซต์เพื่อเปลี่ยนโลก แต่มันก็ควรจะเป็นข้อมูลชั้นดีสำหรับให้โลกออนไลน์แห่งนี้มีมากกว่าดราม่า
….
"พี่ครับ ผมอยากทำเว็บ เอาแบบง่ายๆ เอาไว้เป็นเหมือนสำนักข่าวเล็กๆ ที่เล่าเรื่องใหญ่ๆ ของคนตัวเล็กๆ ตกขอบทางหน้าสื่อ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง" ใครคนนึงบอกกับผมอย่างนั้น เขาไม่มีพื้นฐานอะไรเลย ไม่เข้าใจภาษาพื้นฐานสำหรับทำเว็บ PHP, HTML, CSS แค่ส่งเมลเป็น ใช้ facebook ได้
แค่นั้น
ผมคิดว่าความรู้พื้นฐานอันแตกต่างไม่ใช่ปัญหา หากต้องการเรียนรู้จริงๆ เพราะผมก็เคยเป็นมนุษย์หางอึ่งในกะลาบนจักรวาลไอทีอันกว้างใหญ่ไพศาล จนถึงวันนี้เต็มที่ก็ได้แค่เปิดกะลาครอบตัวเอง แม้หางอึ่งจะยังติดที่ก้นความคิดเหมือนเดิมก็ตามที
ความพยายามต่างหากที่สำคัญ ความขยันต่างหากที่เอาชนะมันได้
….
ผมตอบคำถามใครคนนั้นได้ไม่เต็มปากหรอกว่า หากอยากมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองมันยากมากน้อยแค่ไหน ต้องกลับไปเอ็นทรานซ์ใหม่ หรือต้องกลับไปเรียนมัธยมให้ถูกสายถูกทางก่อนหรือเปล่า แต่โลกไอทียุคนี้มันไม่ได้แห้งแล้งขนาดนั้น เพราะในความยากของการเขียนภาษาคอมฯ ที่ไม่เหมือนกับเขียนเรียงความ ที่อยากเล่าอะไรก็บอกๆๆๆ เสร็จแล้วก็ปริ๊นท์ส่งนั้น ในความยากของมันยังมีเครื่องไม้เครื่องมือที่ง่ายกว่าสำหรับมือใหม่ที่ไม่ต้องการอะไรใหญ่ๆ แต่ได้คุณภาพ
ผมกำลังพูดถึง Open Source
หากยกตัวอย่างว่า Open Source คืออะไร มันก็คงเหมือนกับศูนย์เรียนรู้ชุมชนที่ทุกคนได้มาคิด มาสร้าง และเรียนรู้แชร์ประสบการณ์ร่วมกัน เอาง่ายๆ คือตำราเล่มนี้ทุกคนร่วมคิดมันขึ้นมา และทุกคนมีสิทธิเอาไปใช้งานได้…ฟรี
(แม้ยุคหลังๆ มานี้จะมีนักพัฒนา Open Source เพื่อการพานิชย์มากขึ้นก็ตามที แต่ส่วนมากก็ยังฟรีอยู่)
….
นี่เป็นบทแรกของการพูดคุยว่าด้วย "Open Source เพื่อชุมชน" ครับ
ผมจะยังไม่ลงลึกอะไรมากว่า เครื่องไม้เครื่องมือในการใช้งานเป็นอย่างไร แต่จะพยายามทำความเข้าใจในหลักการเบื้องต้น ว่าด้วยการสร้างเว็บไซต์ด้วย Open Source และการปรับใช้งานไอทีเพื่อตอบโจทย์ประเด็นทางสาธารณะ
หากว่างๆ ลองหาข้อมูลพื้นฐานผ่าน Google ไปก่อน…ผมจะเล่าถึงการสร้างเว็บไซต์ด้วยระบบ CMS เช่น WordPress, Joomla, SMF เป็นหลัก เพราะเอาเข้าจริงผมถนัดกับเครื่องมือพวกนี้พอที่จะแลกเปลี่ยนกันได้อยู่ว่าอะไรเป็นอะไร
บทความชิ้นต่อไปจะมาเมื่อไหร่ คงไม่ต้องให้รอนานครับ
author
