โครงการนี้เป็นแนวคิดที่นำโดยนักธุรกิจชาวดัตซ์ ดินแดนที่เจนจัดในการล่าอาณานิคมมาตั้งแต่อดีต “บัส ลันสคอร์ป” เจ้าของบริษัท Mars One ผู้ต้องการสร้างนิคมมนุษย์ถาวรบนดาวอังคาร โดยเขาได้รับการสนับสนุนจากนักฟิสิกส์รางวัลโนเบล “เจอร์ราร์ด ฮุฟท์”
โครงการนี้ถูกเปิดเผยอย่างเป็นทางการเมืองเมื่อมิถุนายน 2555 โดยวิธีการพาคนขึ้นไปนั้นจะใช้วิธีการเปิดรับอาสาสมัครจากทั่วโลกโดยมีเงื่อนไขคืออายุไม่ต่ำกว่า 18-40 ปี มีทักษะเอาตัวรอดสูง พูดภาษาอังกฤษได้เยี่ยม มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
คนที่ผ่านการคัดเลือกประมาณ 20-40 จะถูกแบ่งเป็นทีมละ 4 คน ชาย 2 หญิง 2 จากนั้นจะต้องผ่านการอบรม 7 ปี กระทั่งปี 2023 อาสาสมัครทีมแรก 4 คน จะถูกส่งไปเริ่มสร้างนิคมบนดาวอังคาร และจะส่งไปเพิ่มอีกครั้งละ 4 คนทุกๆ 2 ปี โดยระหว่างการอบรมนั้นอาจจะมีการคัดคนออกได้เรื่อยๆ หากเห็นว่าไม่พร้อมต่อการปฏิบัติภารกิจ
มีการเปิดเผยว่าโครงการนี้ต้องใช้งบประมาณกว่า 6,000 ล้านเหรียญดอลล่าสหรัฐ โดยนอกจากเงินบริจาคที่จะได้รับจากหลายองค์กรร่วมสนับสนุนแล้ว ยังรวมถึงเงินจากค่าสมัครซึ่งต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพียง 38 เหรียญต่อคนเท่านั้น
ความน่าสนใจของโครงการนี้คือ การเดินทางจะมีตั๋วเพียงเที่ยวเดียว คือ “ขาไป” เท่านั้น เนื่องจากเทคโนโลยีขณะนี้สามารถพัฒนาได้เพียงส่งคนไปดาวอังคารเท่านั้น ส่วนขากลับนั้น เครื่องมือยังไม่พร้อม
ชาย 2 หญิง 2 ที่ไปบุกเบิกบนดาวอังคารไม่ได้มีกฎห้ามการมีลูก โดยโครงการถือเป็นวิจารณญาณของอาสาสมัครเองว่า ความเป็นอยู่บนดาวสีแดงเช่นนั้น ควรจะมีลูกหรือไม่
หลังเปิดรับสมัครผ่านไป 5 เดือน โครงการนี้ได้ปิดรับสมัครแล้วเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2556 น่าสนใจที่มีผู้ยื่นใบสมัครมากกว่า 202,586 คน จากทั่วโลก โดยที่มาของใบสมัครนั้น
24% เป็นคนอเมริกัน
10% เป็นคนอินเดีย
6% เป็นคนจีน
5% เป็นคนบราซิล
ที่เหลือนั้นไล่เลี่ยกันมีทั้งจากสหราชอาณาจักร แคนดา รัสเซีย เม็กซิโก รวมทั้งฟิลิปปินส์ เพื่อนบ้านในอาเซียนของเราด้วย ที่เหลือยังมีสเปน โคลัมเบีย อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส ตุรกี ชิลี ยูเครน เปรู เยอรมัน อิตาลี และโปแลนด์
…..
ปล. ใครสนใจข่าวนี้สามารถเข้าไปอ่านได้ที่ http://www.mars-one.com/ ครับ
author
