คดี อ.อ.ป.ฟ้องชาวบ้านบ่อแก้วรุกป่า นัดพิพากษาศาลฎีกา 30 ต.ค.

คดี อ.อ.ป.ฟ้องชาวบ้านบ่อแก้วรุกป่า นัดพิพากษาศาลฎีกา 30 ต.ค.

ศาลภูเขียวกำหนดนัดวันฟังคำตัดสินศาลฎีกา คดีระหว่างองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) ฟ้องขับไล่ชาวบ้านชุมชนบ่อแก้ว จำนวน 31 คน ข้อหาจำเลยและบริวารกระทำการบุกรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าภูซำผักหนาม วันที่ 30 ต.ค.นี้ เวลา 10.00 น.

ชุมชนบ่อแก้ว ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ

รายงานโดย ศรายุทธ ฤทธิพิณ
สำนักข่าวปฎิรูปที่ดินภาคอีสาน

26 มิ.ย.2560 ชาวบ้านชุมชนบ่อแก้ว ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ รวมทั้งชาวบ้านสมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.) กว่า 100 คน เดินทางไปศาลจังหวัดภูเขียว อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ เพื่อร่วมฟังการไต่สวนคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยที่เสียชีวิต และฟังนัดหมายศาลเพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีบุกรุกสวนป่าคอนสาร (สวนป่ายูคาลิปตัส) ที่องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) ฟ้องขับไล่ นายนิด ต่อทุน จำเลยที่ 1 พร้อมพวกรวม 31 คน ในข้อหาว่าจำเลยและบริวารได้กระทำการบุกรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าภูซำผักหนาม

ถนอมศักดิ์ ระวาดชัย ทนายความศูนย์ศึกษาและพัฒนานักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน

ถนอมศักดิ์ ระวาดชัย ทนายความศูนย์ศึกษาและพัฒนานักกฎหมายเพื่อสิทธิมนุษยชน แจ้งว่า ตามที่ศาลจังหวัดภูเขียวมีคำสั่งนัดไสวนคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยที่ 13 (นายตา ปลื้มวงษ์)ที่ได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2558 ภายหลังการไต่สวน ศาลพิเคราะห์จำเลยที่ 3 เสียชีวิตในวันดังกล่าวจริง โดยมีนางสวย ปลื้มวงษ์ เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายและเป็นทายาทผู้มีสิทธิ์รับของจำเลยที่ 13

ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยที่ 13 ถึงแก่ความตายระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จึงให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลฎีกา กำหนดรับฟังคำสั่งและฟังคำพิพากษาศาลฎีกา วันที่ 30 ต.ค.2560 เวลา 10.00 น.

ชาวบ้านชุมชนบ่อแก้ว เดินทางไปศาลจังหวัดภูเขียว อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ

ที่มาของพื้นที่พิพาทสวนป่าคอนสาร

ในส่วนของพื้นที่พิพาทนั้น เกิดขึ้นนับแต่ ปี พ.ศ. 2521 หลังจากองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) ได้ดำเนินการปลูกสร้างสวนป่าคอนสาร ตามเงื่อนไขการสัมปทานทำไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูซำผักหนาม ในบริเวณเนื้อที่ทั้งสิ้น 4,401 ไร่ อย่างไรก็ตาม การปลูกสร้างสวนป่าไม่ได้ดำเนินการในพื้นที่เป้าหมาย คือบริเวณป่าเหล่าไฮ่ แต่ได้นำไม้ยูคาลิปตัสเข้ามาปลูกทับที่ดินทำกินชาวบ้าน จนนำมาสู่ปัญหาส่งผลกระทบให้หลายครอบครัวถูกอพยพออกจากที่ทำกิน ชาวบ้านจึงได้ออกมาเคลื่อนไหวมานับแต่นั้น กลายเป็นข้อพิพาทและมีการบังคับ ข่มขู่ คุกคาม ระหว่าง ออป.กับชาวบ้าน เรื่อยมา

ที่มาของการถูกดำเนินคดี เกิดขึ้นหลังจาก

ในวันที่ 17 ก.ค. 2552 ชาวบ้านผู้เดือดร้อนเข้าปฏิบัติการยึดพื้นที่พร้อมกับจัดตั้ง “ชุมชนบ่อแก้ว ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ” ขึ้นมาเพื่อแสดงสัญลักษณ์ความเป็นเจ้าของพื้นที่ และเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม โดยมีเป้าหมายร่วมกัน คือ การปกป้องสิทธิในที่ดินของชุมชน นอกจากนี้เพื่อรอคำตอบในการแก้ไขปัญหาสวนป่าคอนสารจากรัฐบาล ภายหลังจากการดำเนินการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานภาครัฐเป็นไปอย่างล่าช้า ตามที่ชาวบ้านมีข้อเรียกร้อง คือ ให้ยกเลิกสวนป่าคอนสารโดยเด็ดขาด ให้จัดสรรที่ดินให้ชาวบ้านผู้เดือดร้อนในรูปแบบโฉนดชุมชน และในระหว่างการแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านสามารถทำประโยชน์ในพื้นที่ เพื่อเตรียมการพัฒนาพื้นที่นำร่องโฉนดชุมชน จำนวนเนื้อที่ 1,500 ไร่

อย่างไรก็ตาม อ.อ.ป. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องดำเนินคดีชาวบ้าน ตามลำดับ ดังนี้

ลำดับการถูกดำเนินคดี

วันที่ 27 ส.ค.2552 องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.)เป็นโจทก์ยื่นฟ้องขับไล่ นายนิด ต่อทุน และพวกรวม 31 คน ข้อกล่าวหาว่าจำเลยและบริวารได้กระทำการบุกรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าภูซำผักหนาม จึงขอให้ศาลได้มีคำสั่งขับไล่ออกจากพื้นที่ พร้อมกับรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และไม้ผลไม้ยืนต้นที่ปลูกไว้

วันที่ 28 เม.ย.2553 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ จำเลย ที่ 1 ถึง 31 และบริวารออกจากพื้นที่พิพาทสวนป่าคอนสาร กับให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ ที่ได้นำไปปลูกไว้ในพื้นที่พิพาท ซึ่งจำเลยได้อุทธรณ์ และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีไว้ชั่วคราว แต่ในขณะเดียวกันโจทก์ยื่นคำให้การแก้อุทธรณ์และคัดค้านคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีชั่วคราว

วันที่ 13 ธ.ค. 2553 ศาลได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้มีการบังคับคดีชั่วคราวตามที่จำเลยยื่นคำร้อง และโจทก์ได้วางเงินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี เพื่อติดหมายบังคับคดีในพื้นที่พิพาท ในวันเดียวกัน

วันที่ 4 ก.พ. – 16 มี.ค. 2554 ทำให้ชาวบ้านได้เคลื่อนไหว โดยการเดินเท้าทางไกลจากคอนสาร ถึง กทม.เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลสั่งการให้ ออป.ถอนการบังคับคดี และเร่งประกาศพื้นที่โฉนดชุมชนในพื้นที่พิพาทสวนป่าคอนสาร ตามที่ได้ผลักดันให้รัฐบาลสมัยนั้นมีมาตรการทางนโยบายเพื่อคุ้มครองสิทธิที่ดินดังกล่าว

วันที่ 2 มี.ค. 2554 ผลการเจรจาระหว่างผู้แทนชาวบ้านกับ อ.อ.ป.นำมาสู่ข้อตกลง 3 ข้อคือ 1. อ.อ.ป.จะไม่เร่งรัดบังคับคดี 2. การนำพื้นที่จำนวนประมาณ 1,500 ไร่ ไปดำเนินการโฉนดชุมชน ให้ผู้แทน อ.อ.ป. สำนักนายกรัฐมนตรี และชาวบ้านผู้เดือดร้อน ลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกัน และ 3. การใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว ให้นำข้อกำหนดของ อ.อ.ป.มาปรับปรุงให้เกิดการยอมรับร่วมกัน แต่การปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่มีการส่งมอบพื้นที่โฉนดชุมชนให้แต่อย่างใด นอกจากจำนวนพื้นที่เดิม (ประมาณ 86 ไร่) ที่ชาวบ้านร่วมกันยึดเข้ามาได้ในวันที่ 17 ก.ค.2552

วันที่ 21 ธ.ค. 2554 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากพื้นที่ภายใน 30 วัน ต่อมาในวันที่ 21 มี.ค. 2555 จำเลยได้ฎีกา

วันที่ 2 พ.ค. 2560 ศาลจังหวัดภูเขียวนัดจำเลยทั้ง 31 คน ฟังคำพิพากษาศาลฎีกา แต่ศาลไม่สามารถอ่านคำพิพากษาได้ เนื่องจากจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 13 เสียชีวิต ทนายจำเลยจึงยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกให้ทายาทของผู้เสียชีวิตมารับมรดกความ ศาลจึงได้อนุญาตตามที่ทนายจำเลยขอ โดยได้มีคำสั่งให้เลื่อนการอ่านคดีออกไป และมีคำสั่งเรียกให้ทายาทของจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 13 ที่เสียชีวิต มายื่นคำร้องขอรับมรดกความภายใน 15 วัน คือวันที่ 16 พ.ค.2560 และศาลมีคำสั่งนัดไต่สวนคำร้องขอรับมรดกความของทายาท จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 13 ในวันที่ 2 มิ.ย.2560

วันที่ 2 มิ.ย. 2560 ศาลมีคำสั่งนัดไต่สวนคำร้องขอรับมรดกความ แต่เนื่องจากเอกสารทะเบียนสมรสของผู้เป็นภรรยาของจำเลยไม่คบถ้วน ต้องไปขอคัดสำเนาที่ทำการอำเภอคอนสาร ศาลจึงมีคำสั่งเลื่อนนัดไต่สวนคำร้องขอรับมรดกความ ไปเป็นวันที่ 26 มิ.ย.2560

ชาวบ้านชุมชนบ่อแก้ว เดินทางไปศาลจังหวัดภูเขียว อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ

 

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

Prev

June 2025

Next

Mon

Tue

Wed

Thu

Fri

Sat

Sun

26
27
28
29
30
31
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
1
2
3
4
5
6

2 June 2025

Nothing to show.

เข้าสู่ระบบ