เครือข่ายประชาชนจับตาน้ำท่วมอุบลฯ เขื่อนแม่น้ำโขงร้องรัฐยกเลิกการสร้างเขื่อนแม่น้ำโขงและซื้อไฟฟ้า 3,500 เมกะวัตต์ จากลาว

เครือข่ายประชาชนจับตาน้ำท่วมอุบลฯ เขื่อนแม่น้ำโขงร้องรัฐยกเลิกการสร้างเขื่อนแม่น้ำโขงและซื้อไฟฟ้า 3,500 เมกะวัตต์ จากลาว

22 สิงหาคม 2567 เวลา  เครือข่ายประชาชนจับตาน้ำท่วมอุบลฯ เขื่อนแม่น้ำโขง  นำโดยนางสาวสดใส  สร่างโศรก  ซึ่งเป็นตัวแทนเครือข่ายที่ทำหนังสือร้องเรียน ได้เข้าพบนายรังสิมันต์  โรม  ประธานคณะกรรมธิการความมั่นคงแห่งรัฐ  กิจการชายแดนไทย  ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูป  ที่ห้องประชุมกรรมธิการ N 402 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา  โดยมีคณะกรรมธิการฯ ผู้เชี่ยวชาญ  ที่ปรึกษา  และทีมเลขาณุการเข้าร่วมในการประชุม  นอกจากนี้ยังมีตัวแทนหน่วยงานต่างๆที่คณะกรรมธิการได้เชิญเข้าร่วมเพื่อชี้แจงและให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อกรณีที่มีการร้องเรียน  ได้แก่  กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ  การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย  สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ  พลังงานจังหวัดอุบลราชธาชธานีในนามตัวแทนจังหวัดอุบลราชธานี  บริษัทเจริญเอ็นเนอร์ยี่แอนด์วอเทอร์เอเชีย จำกัด (ประเทศไทย)  และมีสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานที่คณะกรรมาธิการเชิญแต่ติดภารกิจและไม่ได้มอบหมายผู้แทนเข้าร่วม

รังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ  กิจการชายแดนไทย  ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูป 

ทั้งนี้  สืบเนื่องจากเครือข่ายฯ ได้มีการยื่นหนังสือร้องเรียนให้ตรวจสอบโครงการเขื่อนพูงอย   เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา กรณีแผนการก่อสร้างเขื่อนพูงอย ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนจังหวัดอุบลราชธานีและพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงความมั่นคงของรัฐที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน  ทั้งนี้เขื่อนพูงอยเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ที่มีแผนจะก่อสร้างในเขตพื้นที่ สปป.ลาว บริเวณตอนล่างแม่น้ำโขงใต้เมืองปากเซ  แขวงจำปาสัก  ประมาณ 18 กิโลเมตร  เป็นเขื่อนผลิตไฟฟ้าแบบไหลผ่าน (Run-off-river) พัฒนาโครงการโดย บริษัทเจริญเอ็นเนอร์ยี่แอนวอเทอร์เอเชีย จำกัด (ประเทศไทย) และ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ มีความยาวสันเขื่อนประมาณ 3 กิโลเมตร กั้นแม่น้ำโขง มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 728 เมกกะวัตต์ และระดับกักเก็บน้ำ 98 เมตรเหนือระดับทะเลปานกลาง

สดใส  สร่างโศรก ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ กล่าวในที่ประชุมว่า  เขื่อนพูงอยอาจส่งผลต่อพื้นที่เขตแดนไทยจากการเปลี่ยนแปลงของระดับแม่น้ำโขงและร่องน้ำลึก โดยเกรงว่าจะสูญเสียพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานีด้วย  รวมถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของท้องถิ่นตลอดแนวชายแดนแม่น้ำโขง  ที่จะเกิดจากปัญหาน้ำท่วมขังในเขตพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น  

เขื่อนพูงอยจะส่งผลกระทบหลายเรื่อง  ประเด็นแรก  ก็คือเขื่อนจะเกิดขึ้นภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan) หรือที่เรียกกันว่าแผน PDP ที่กำหนดไว้ว่าจะมีกำลังไฟฟ้าเพิ่มขึ้นสำรองไว้ 50% ทำให้รัฐบาลต้องการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ 40,000 กว่าเมกะวัตต์  ซึ่งจะซื้อไฟฟ้าจากลาวประมาณ 3,500 เมกะวัตต์  แล้วในแผนก็ระบุไว้ว่าเขื่อนพูงอยมีศักยภาพในการที่รัฐบาลจะรับซื้อ  เพราะฉะนั้นถ้าหากว่ารัฐบาลรับซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนพูงอย  สิ่งที่เกิดขึ้นสำหรับเราก็คือเราจะเป็นผู้แบกรับค่าไฟเพิ่มขึ้นเพราะมันเกินจากความจำเป็น  ประเด็นที่สอง  คือเขื่อนพูงอยที่สร้างอยู่ในประเทศลาว  มันจะเป็นเขื่อนที่ปิดกั้นไม่ให้น้ำจากอุบลฯ ไหลลงแม่น้ำโขงแล้วก็ และจากการคำนวนจะทำให้น้ำเท้อขึ้นมาประมาณ 4 เมตร ซึ่งเป็นระดับน้ำที่สูงขึ้น  และจะมีผลต่อขอบเขตชายแดนที่แบ่งตามร่องน้ำลึกในแม่น้ำโขง  และประเด็นที่สาม  คือน้ำจะท่วมอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะและรวมถึงเขื่อนปากมูลแน่นอน  และในสถานการณ์ปัจจุบันที่คนอุบลฯ มีสภาพน้ำท่วมซ้ำซากทุกปีในฤดูน้ำหลาก  เพราะฉะนั้นเราก็จะกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมถาวรและรวมถึงอีสานด้วยเพราะจะได้รับผลกระทบร่วมหลายจังหวัด ผู้ประสานงานเครือข่าย ซึ่งกล่าวในฐานะผู้ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง

สดใส สร่างโศรก ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนจับตาน้ำท่วมอุบลฯ เขื่อนแม่น้ำโขง

ทางด้านชัยรัตน์ พงศ์พีระ พลังงานจังหวัดอุบลราชธานี  ได้ชี้แจงว่าหากมีการศึกษาและเห็นว่าเขื่อนพูงอยมีผลกระทบ ก็จะมีคณะกรรมการสำหรับประเมินผลกระทบและแนวทางการรับมือ ซึ่งในระยะยาวจะมีการตั้งคณะกรรมการมไทย-ลาว  เพื่อการประสานงานพร้อมยืนยันว่า ณ ตอนนี้ยังไม่ได้รับรายละเอียดโครงการและผลการศึกษาผลกระทบ ทั้งนี้หากเป็นไปตามที่ภาคประชาชนคาดการณ์  จะส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการน้ำของจังหวัดอุบลราชธานีอย่างมาก โดยจะเกิดปัญหาน้ำท่วมขังง่ายขึ้นเป็นบริเวณกว้างมากขึ้น  และท่วมขังยาวนานขึ้น  

ในส่วนของตัวแทนบริษัทเจริญเอ็นเนอร์ยี่แอนวอเทอร์เอเชีย จำกัด  ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัมปทานได้ยืนยันว่า  มีการประสานกับทุกหน่วยงานรัฐของไทยเพื่อสร้างความเข้าใจและจัดทำการประเมินผลกระทบตามหลักเกณฑ์และข้อสังเกตของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสมอ และให้ข้อมูลว่าโครงการเป็นโรงงานไฟฟ้าพลังน้ำแบบน้ำไหลผ่านตลอดปี (Run-off-river) พร้อมมีระบสะพานปลาไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพันธุ์ปลาในแม่น้ำ โดยแม้จะมีการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำจริง  แต่จะไม่ทำให้เกิดปริมาณน้ำล้นตลิ่งและไม่ท่วมอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ นอกจากนี้ยังยืนยันว่าโครงการจะไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการอุทกภัย จ.อุบลราชธานี ทั้งนี้โครงการยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาความเป็นไปได้และผลกระทบ หากมีความจำเป็นก็สามารถยกเลิกได้ 

“ในเรื่องการเดินทางของทางปลา  เราไม่ได้ทำเป็นลักษณะบันไดปลา  ซึ่งบันไดทางปลาของเราจะมีโขดหินและหญ้า  รวมทั้งพืชน้ำที่มีความคล้ายกับแหล่งเพาะพันธุ์ปลาจริง  เราได้มีการศึกษาทางปลาจากหลายที่และนำมาประยุกต์ใช้  ซึ่งทางปลาจะไม่เหมือนเขื่อนเขื่อนปากมูลเพราะเราเน้นธรรมชาติ  ในส่วนของพลังงานไฟฟ้าก็จะใช้เวลา 10 กว่าปีจากตอนนี้กว่าจะมีการซื้อขาย  ส่วนรายงานผลกระทบเรื่องชายแดนเราได้หารือเบื้องต้นซึ่งรัฐบาลลาวให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อพื้นที่ต่างๆ  เช่น  แก่งตะนะ  และพื้นที่อื่นๆในฝั่งไทย”  สุรเชษฐ  ธำรงลักษณ์  ตัวแทนบริษัทเจริญเอ็นเนอร์ยี่แอนวอเทอร์เอเชีย จำกัด  กล่าวเพิ่มเติมในที่ประชุม 

ชุมลาภ  เตชะเสน  ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้ให้ข้อมูลว่า  โครงการเขื่อนพูงอยตอนนี้มีเพียงการศึกษาผลกระทบในขอบเขตของพื้นที่ สปป. ลาวเท่านั้น และยังอยู่ในขั้นตอนที่ลาวกำลังรวบรวมข้อมูลก่อนมานำเสนอให้ประเทศสมาชิกในกลุ่มคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงพิจารณาร่วมกัน โดยยังต้องรับฟังผลกระทบข้ามพรมแดนจากสมาชิกประเทศอื่นร่วมด้วย หลังจากนี้ทางการไทยจะทำการวิเคราะห์ผ่านอนุกรรมการวิชาการเพื่อให้ข้อคิดเห็น และเข้าร่วมในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระดับภูมิภาค ก่อนร่วมจัดตั้งแผนปฏิบัติการร่วม (Joint Action Plan) เพื่อการติดตามผลกระทบและกำหนดมาตรการเพื่อหลีกเลี่ยงหรือบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจริง  นอกจากนี้ทรงชัย  ปฏิยุทธิ  รองอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย  กระทรวงต่างประเทศ ได้ให้ข้อมูลซึ่งเป็นข้อสังเกตเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเล่าว่าแม้ลาวจะเป็นเจ้าของโครงการแต่ก็มีพันธกรณีตามกระบวนการของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง โดยต้องเคารพหลักความเท่าเทียมกันของรัฐ คือ การกระทำใดๆจะต้องไม่กระทบต่อรัฐอื่น ในด้านข้อกังวลต่อการแบ่งเขตแดนนั้นจะเป็นเรื่องของการพิสูจน์ทราบและเจรจรจรจาแบ่งเขตแดนตามแนวร่องน้ำ อย่างไรก็ตามยังมีความจำเป็นที่จะต้องควบคุมผลกระทบเรื่องระดับน้ำอย่างใกล้ชิด และจะนำเสนอความคิดเห็นที่ได้รับทราบต่อรัฐบาลเพื่อประกอบการพิจารณาการซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนพูงอยต่อไป

ภาพมุมสูงน้ำท่วมจังหวัดอุบลราชธานี

ในส่วนของตัวแทนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยโดยณัฐจารีย์  ศรีเพ็ชร์ ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจพลังงาน ก็ยืนยันว่า ณ ปัจจุบันยังไม่มีการทำข้อตกลงซื้อขายไฟฟ้ากับโครงการเขื่อนพูงอยแต่อย่างใด และหากจะมีการซื้อขายจะต้องมีการพิจารณาผ่านคณะอนุกรรมการประสานความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้าระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน อันจำเป็นต้องริเริ่มจากทางการลาวเป็นผู้เสนอเรื่องเข้ามา เพื่อให้มีการพิจารณาร่วมกันต่อไป

ทั้งนี้ในที่ประชุมได้สรุปประเด็นสำคัญว่า  ขณะนี้โครงการเขื่อนพูงอยอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมด้านข้อมูลให้ครบถ้วนและครอบคลุมซึ่งกำกับและติดตามโดยคณะอนุกรรมาธิการวิชาการภายใต้คณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติ (MRC)  และเป็นช่วงที่กำลังดำเนินการตามแผนปฏิบัติการหรือ Roadmap ที่เห็นชอบร่วมกันจากคณะกรรมการร่วมและยังไม่เข้าสู่กระบวนการปรึกษาหารือตามระเบียบปฏิบัติของ MRC รวมถึงกระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้าและข้อตกลง  ที่สำคัญยังไม่มีข้อมูลด้านอุทกวิทยา  ชลศาสตร์ด้านประมง  สิ่งแวดล้อมและด้านเศรษฐกิจ – สังคมยังไม่ครบถ้วน  ซึ่งคณะกรรมการแม่น้ำโขงอยู่ระหว่างเพิ่มเติมข้อมูลและแก้ไขตามข้อคิดเห็นของฝ่ายไทย

ทั้งนี้คณะกรรมาธิการฯ มีข้อกังวลถึงความจำเป็นและความคุ้มค่าด้านการลงทุนจัดหาพลังงานลักษณะนี้ โดยจำต้องเปรียบเทียบกับความเสี่ยงด้านความมั่นคงของประเทศและประชาชนตามแนวชายแดนไทย-ลาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงที่จะกระทบต่อแนวเขตแดนของไทย รวมถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจและวิถีชีวิตท้องถิ่น  พร้อมทั้งเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการพิจารณาผลกระทบของโครงการ  ในฐานะผู้สังเกตการณ์หรือคณะทำงานภายใต้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เพื่อเป็นช่องทางรับฟังและสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง

author

ปฏิทินกิจกรรม EVENT CALENDAR

เข้าสู่ระบบ