กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลคอรุม อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ เป็น 1 ใน 10 กองทุนสวัสดิการชุมชนจากทั่วประเทศที่ได้รับรางวัล “ผู้สรรค์สร้างความมั่นคงของมนุษย์ระดับชาติ” ประจำปี 2566 ตามแนวคิดการจัดสวัสดิการสังคม “จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน” ของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ (www.thaipost.net/public-relations-news/546209/)
โดยกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลคอรุม ได้รับรางวัลจากการประกวดประเภทที่ 6 ‘ด้านการพัฒนาสัมมาชีพในชุมชน’ ซึ่งจะมีพิธีมอบโล่และใบประกาศเกียรติคุณพร้อมกันทั้ง 10 กองทุนในวันที่ 9 มีนาคม 2567 นี้ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย บางขุนพรหม กรุงเทพฯ
เมืองพิชัย เป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย โดยเฉพาะด้านการศึกสงครามระหว่างไทยกับพม่า และไทยกับลาว ในอดีตพม่าเคยยกทัพเข้าตีเมืองพิชัยถึงสองครั้ง ทำให้เกิดวีรกรรมของพระยาสีหราชเดโชหรือที่รู้จักกันในนาม “พระยาพิชัยดาบหัก”
ในสมัยรัตนโกสินทร์ เจ้าอนุวงศ์ได้กวาดต้อนชาวลาวจากเมืองเวียงจันทน์มาอยู่ที่เมืองพิชัย จนทำให้เมืองมีขนาดใหญ่ขึ้น จนได้รับการยกเป็นหัวเมืองชั้นโทในสมัยรัชกาลที่ 3
จากการสัมภาษณ์สมาชิกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลคอรุมเกี่ยวกับความเป็นมาของคำว่า “คอรุม” นั้น ทุกคนต่างบอกว่ามีตำนานเรื่องเล่ามาจากคำว่า “คอรวม” จากสงครามระหว่างไทยกับพม่า โดยพม่ามาตั้งทัพบริเวณวัดเอกา พระยาพิชัยได้นำทหารมาสกัดทัพพม่าบริเวณวัดขวางชัยภูมิและประกาศให้รางวัลทหารที่สามารถตัดคอข้าศึกได้ เมื่อทหารของพระยาพิชัยตัดคอทหารพม่าได้แล้วจึงนำไปกองรวมกันไว้ที่บริเวณวัดขวางชัยภูมิ และเรียกพื้นที่ตรงนั้นว่า “คอรวม” ต่อมาหลายยุคหลายสมัยจึงเรียกเพี้ยนกลายเป็น “คอรุม”
ส่วนกลุ่มชาวลาวจากเมืองเวียงจันทน์ที่ถูกกวาดต้อนมาจากการศึกสงครามในอดีต มาตั้งถิ่นฐานอยู่ในตำบลคอรุม จังหวัดอุตรดิตถ์ เรียกว่า “ลาวเวียงบ้านหาดสองแคว” หรือ ‘ลาวเวียง’ หรือ “ลาวตี้” อพยพมาจากเวียงจันทน์ในสมัยรัชกาลที่ 3 ในฐานะเชลยศึกสงคราม มาตั้งรกรากอยู่ตามลำน้ำน่านใน 2 อำเภอ คืออำเภอตรอนและอำเภอพิชัย ปัจจุบันยังมีสำเนียงพูดแบบชาวลาวเวียงจันทร์ มีอาหารดั้งเดิม เช่น พริกยัดไส้ทอด หมกปลา หมกเขียด แกงหน่อไม้ดอง แกงหยวกกล้วย น้ำพริกแจ่วหม้อ และประเพณีวัฒนธรรมแบบลาวเวียง เช่น การตักบาตรเช้าที่เรียกว่า “หาบจังหัน” มีเรือนไม้ทรงลาวโบราณ ซึ่งได้รับการสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลคอรุม ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2554 ริเริ่มโดยกลุ่มผู้สูงอายุและการส่งเสริมของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ ‘พอช.’ โดยมีระเบียบกำหนดให้สมาชิกสมทบเงินเข้ากองทุนเป็นรายปี คนละ 365 บาท/ปี แล้วนำเงินกองทุนนั้น รวมทั้งเงินสมทบจากรัฐบาลผ่าน พอช. และเงินสมทบจาก อบต.คอรุม มาช่วยเหลือสมาชิกในยามเดือดร้อนจำเป็น
มีวัตถุประสงค์การจัดตั้งเพื่อ 1.สร้างหลักประกันเพื่อความมั่นคง ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนในชุมชน 2.เพื่อให้เกิดการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชุมชน 3.เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีของคนในชุมชน 4.เพื่อสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น องค์กรชุมชน ในการสนับสนุนกองทุนสวัสดิการฯ และ 5.เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงกองทุนสวัสดิการชุมชนในทุกระดับ
จำนวนสมาชิกแรกตั้งมี 457 คน ปัจจุบันมีสมาชิก 4,421 (จำนวนประชากรในตำบล 9,246 คน) จำนวนสมาชิกจาก 12 หมู่บ้าน จำนวนเงินกองทุน ณ วันแรกเริ่ม 175,945 บาท ปัจจุบันมีเงินกองทุนสะสม 16,934,660.13 บาท จำนวนเงินกองทุนคงเหลือ 4,204,631.13 บาท (ข้อมูล ณ 30 กันยายน 2565)
ส่วนสวัสดิการที่จัดให้กับสมาชิกมี 12 ประเภท คือ 1.สวัสดิการเกี่ยวกับเด็กแรกเกิด คลอดบุตร 2.สวัสดิการการรักษาพยาบาล (คลอดบุตร) 3.สวัสดิการเกี่ยวกับการเจ็บป่วย/รักษาพยาบาล 4.สวัสดิการผู้สูงอายุ 5.สวัสดิการกรณีเสียชีวิต 6.สวัสดิการคนด้อยโอกาส/พิการ 7.สวัสดิการเพื่อพัฒนาอาชีพ 8.สวัสดิการเพื่อการศึกษา 9.สวัสดิการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ 10.สวัสดิการการนอน CI (ผู้ป่วยติดเชื้อ Covid-19) 11.สวัสดิการอุบัติเหตุ และ 12.สวัสดิการพัฒนาศักยภาพคณะกรรมการและสมาชิกกองทุน
การบริหารจัดการกองทุนช่วง ‘วิกฤติโควิด-19’
กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลคอรุม มีการประชุมคณะกรรมการกองทุน 3 เดือน/ครั้ง มีการสรุปยอดบัญชีเป็นรายเดือน มีแผนการติดตามประเมินผลทุก 3 เดือน และเนื่องจากกองทุนฯ ได้รับการสนับสนุนจาก อบต.คอรุม ที่ตั้งของกองทุนสวัสดิการจึงอยู่ในที่ทำการ อบต. และมีบุคลากรของ อบต.ช่วยสนับสนุนงานของกองทุนสวัสดิการทุกด้าน
การบริหารกองทุนสวัสดิการในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เมื่อมีคนอพยพกลับบ้าน และมีสมาชิกบางส่วนที่ไม่สามารถส่งเงินเข้ากองทุนได้ คณะกรรมการกองทุนสวัสดิการชุมชนฯ จึงได้จัดประชุมแก้ไขระเบียบเพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์โควิดได้ โดยนำเงินส่วนหนึ่งของกองทุนฯ ไปทำศูนย์ CI (Community Isolation) หรือ ‘ศูนย์พักคอย’ ในตำบล เพื่อดูแลรักษาเบื้องต้น รวมทั้งเพื่อไม่ให้ผู้ติดเชื้อนำเชื้อไปเผยแพร่แก่คนในครอบครัวและชุมชน
นอกจากนี้ในช่วงสถานการณ์โควิด มีสมาชิกที่ตกงาน ไม่มีรายได้ จึงมีสมาชิกจำนวนมากไม่มีเงินสมทบเข้ากองทุน และอยากจะลาออกจากการเป็นสมาชิก กองทุนสวัสดิการชุมชนจึงมีเงื่อนไขว่า ถ้าสมาชิกจ่ายเงินเข้ากองทุน 10 บาท กองทุนฯ จะคืนเงินให้สมาชิก 1,000 บาทเพื่อเอาไปใช้จ่ายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน นอกจากนี้กองทุนสวัสดิการฯ ยังสนับสนุนเงินจ้างผู้ดูแลผู้ป่วย สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง
รวมทั้งยังจัดทำ “โครงการสัมมาชีพ” เพื่อช่วยเหลือสมาชิก ทำให้คนที่จะลาออกกลับเข้ามาเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีผู้ที่มาสมัครเป็นสมาชิกเพิ่ม ทำให้กองทุนเติบโตขึ้นมีสมาชิกเกือบ 50% ของประชากรทั้งตำบล คือ มีสมาชิก 4,421 จากประชากรในตำบล 9,246 คน
กองทุนสวัสดิการฯ ต่อยอดสร้างอาชีพ ‘สบู่น้ำนมข้าว-หอยขมสามรส’
ตำบลคอรุม อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชุมชนยาวนาน มีวัฒนธรรมพื้นถิ่นหลายอย่าง โดยเฉพาะวัฒนธรรมลาวเวียง นอกจากนี้ยังมีภูมิประเทศที่สวยงาม มีแม่น้ำน่านไหลผ่าน มีวัดโบราณ เช่น วัดขวางชัยภูมิ วัดเอกา ทั้งสองวัดนี้มีประวัติศาสตร์เกี่ยวโยงกับพระยาพิชัยดาบหักและการศึกสงครามในอดีต
แกนนำในตำบลจึงนำต้นทุนเหล่านี้มาจัดการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เชื่อมโยงการท่องเที่ยวชุมชนกับเมืองโบราณพิชัย มีโฮมสเตย์รองรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งส่งเสริมอาชีพอื่นๆ เช่น การสานตะกร้า หมวก การอนุรักษ์พันธุ์ไก่ชน กลุ่มผลิตน้ำพริก ฯลฯ เพื่อให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มเกษตรอินทรีย์-ชีวภาพ (ก่อตั้งในปี 2543) มีศูนย์เรียนรู้โรงเรียนชาวนา และจัดตั้งโรงสีชุมชน รับซื้อข้าวเปลือกและสีเป็นข้าวสารขายคนในชุมชน แต่ก็ประสบปัญหาเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ข้าวจึงได้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้ใช้เอง แก้ไขปัญหาข้าวปน ข้าวดีด และต่อมาได้มีบริการรถดำนา รณรงค์ให้เกษตรกรดำนาเพื่อแก้ปัญหาวัชพืชในนา รวมทั้งผลิตข้าวกล้องตรา “เพชรคอรุม” ได้รับมาตรฐานอาหารปลอดภัย
จากต้นทุนต่างๆ ดังกล่าว ทั้งด้านการท่องเที่ยว ผลผลิตจากไร่นา รวมทั้งมี ‘หอยขมคอรุม’ หอยขมพื้นถิ่นที่มีรสชาติ อร่อย คณะกรรมการกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลคอรุมจึงได้ต่อยอดฐานทุนของท้องถิ่นมาเป็น “โครงการพัฒนาสัมมาชีพ” เพื่อให้สมาชิกกองทุนฯ และชาวบ้านในตำบล มีอาชีพ มีรายได้ เช่น
1.โครงการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าว ฝึกอบรมการทำสบู่น้ำนมข้าวจำนวน 80 คน ฝึกอบรมการทำพวงกุญแจข้าวเปลือกจำนวน 50 คน เชื่อมโยงกับกลุ่มบ้านพัก home stay เพื่อนำสบู่ไปให้บริการแขกที่มาพัก วางจำหน่ายในกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชน ร้านวิสาหกิจชุมชน แอป ชิมฟรี และ เพจ Korrum mall
นอกจากนี้โครงการดังกล่าวยังพุ่งเป้าไปที่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นครัวเรือนของศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม (ครัวเรือนผู้เสพและผ่านการบำบัดจากศูนย์คัดกรอง) ส่งผลให้เกิดการเชื่อมโยงงาน สร้างสังคมให้กลุ่มคนที่เดินทางผิด ปรับปรุงและใช้ชีวิตในสังคมได้โดยไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก โดยให้สมาชิกกองทุนฯ รวมกลุ่มสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ มีวิทยากรมาฝึกอบรม ส่งเสริมการออม ลดอัตราการขาดส่งของสมาชิก สนับสนุนการขายสินค้าและบริการในชุมชน ทำให้เกิดรายได้ย้อนกลับเข้ากองทุนฯ และทำให้ชุมชนมีรายได้หมุนเวียน
2.โครงการเลี้ยงหอยขม ฝึกอบรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากหอยขม จำนวน 100 คน โดยนำพันธุ์หอยขมมาจากโครงการ ‘โคกหนองนาโมเดล’ ในตำบล หลังฝึกอบรมแล้วจะให้สมาชิกและชาวบ้านนำหอยขมกลับไปเลี้ยงที่บ้านในวงซีเมนต์ ทำให้มีรายได้ ลดรายจ่ายค่ากับข้าวในครัวเรือน นำหอยขมมาแปรรูปเป็น ‘หอยสามรส’ บรรจุกล่องพลาสติกจำหน่ายทางออนไลน์ และจำหน่ายที่ศูนย์แสดงสินค้าตำบลคอรุม
3.สวนฝรั่งสวนดีพิชัย ของนายสายฝน เกิดแก้ว สมาชิกกองทุนสวัสดิการชุมชน ที่ได้ปรับพื้นที่สวนเป็นแหล่งท่องเที่ยวและเชื่อมโยงการท่องเที่ยวของตำบลพิชัย การท่องเที่ยวสวนฝรั่ง “สวนดีพิชัย” เป็นกิจกรรมหนึ่งของการท่องเที่ยวในจังหวัดอุตรดิตถ์ที่ถูกนำไปบรรจุในเส้นทางการท่องเที่ยวโดยหลายหน่วยงาน ก่อให้เกิดกิจกรรมที่ขยายรายได้ไปสู่สมาชิกกองทุนฯ คนอื่นๆ
โดยปรับสวนเป็นร่องน้ำ แล้วนำเรือมาให้นักท่องเที่ยวล่องสวนพร้อมกับรับประทานฝรั่งสดๆ จากต้น รวมทั้งเลี้ยงหอยขมไว้ในร่องสวน สมาชิกกองทุนสวัสดิการสามารถมาช้อนหอยขมไปประกอบอาหาร บางรายนำไปทำน้ำยาขนมจีนเพื่อจำหน่าย มีการจ้างงานสมาชิกกองทุนสวัสดิการและนักเรียนในพื้นที่ในการห่อผลฝรั่ง ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
เป้าหมายในอนาคต 1.กองทุนสวัสดิการมุ่งพัฒนาชุมชนในภาพรวม โดยเน้นเรื่องการเป็นสถานที่ศึกษาดูงาน โดยเฉพาะด้านการดูแลผู้สูงอายุ จัดกิจกรรมให้ครบวงจร “มาแล้วต้องพัก กิน ซื้อ ทำพื้นที่ให้มีเรื่องเด่น” 2.เน้นเรื่องความเชื่อถือของคนในหมู่บ้าน สร้างความมั่นใจ ทำให้มีแรงบันดาลใจ และ 3.เรื่องความยั่งยืนของกองทุนสวัสดิการชุมชน ต้องคำนวณประมาณการ และมีบัญชีพิเศษฝากไว้ที่สหกรณ์เพื่อจะได้ดอกเบี้ยพิเศษ และพยายามไม่ให้กระทบกับเงินต้นกองทุนฯ
เรื่องและภาพ : สำนักพัฒนาองค์ความรู้และสื่อสารองค์กร สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์