ข่าววิกฤตน้ำเน่ากับกว๊านพะเยา (Embedding disabled, limit reached)
ข่าว กว๊านพะเยากับวิกฤตน้ำเสีย
กว๊านพะเยาเป็นทะเลสาบน้ำจืดใหญ่เป็นอันดับ 1 ในภาคเหนือ และ อันดับ 3 ของประเทศไทย มีเนื้อที่ประมาณ 12,831 ไร่ เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่เกิดจากน้ำที่ไหลมาจากห้วยต่างๆ 18 สาย เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาต่างๆ ทัศนียภาพโดยรอบกว๊านพะเยามีความสวยงาม ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ที่สำคัญของจังหวัดพะเยา และยังเป็นแหล่งน้ำดิบแห่งเดียวในการผลิตน้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาคจังหวัดพะเยา
แต่จากการประเมินความหลากหลายทางชีวภาพและคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยวิทยาลัยพลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพะเยา เมื่อตรวจวัดคุณภาพน้ำฝั่งชุมชนเมืองพะเยามีค่า DO หรือค่าร้อยละของออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน้ำต่ำ และพบแมลงน้ำในกลุ่ม Diptera ซึ่งบ่งบอกว่าคุณภาพน้ำต่ำ และจากการตรวจสอบคุณภาพน้ำจากกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดพะเยา
นายบัณฑิต สีใส “คุณภาพน้ำกว๊านในปัจจุบันตามที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 จังหวัดลำปางที่ได้มาเก็บตัวอย่าง 8 สถานีของจังหวัดพะเยา คุณภาพน้ำในภาพรวมอยู่ในขั้นเสื่อมโทรม การแบ่งประเภทของน้ำแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ก็จะแบ่งออกเป็น ดีมาก ดี พอใช้ เสื่อมโทรมและเสื่อมโทรมมาก เพราะฉะนั้นของเราอยู่ในขั้นเสื่อมโทรม อาจจะมีบางห้วงลงมาถึงเสื่อมโทรมมาก ประเภทที่ 4 เป็นประเภทปัจจุบันก็คือกว๊านพะเยาเราเจออยู่ก็คือ เป็นแหล่งน้ำที่ได้รับน้ำทิ้งและสามารถใช้อุปโภคบริโภคโดยต้องผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อและผ่านการปรับปรุงคุณภาพน้ำเป็นพิเศษ”
และสาเหตุที่ทำให้คุณภาพน้ำกว๊านอยู่ในระดับต่ำมาจากหลายสาเหตุ คือการใช้สารเคมีในภาคการเกษตร การปล่อยน้ำที่ยังไม่ผ่านการบำบัดจากภาคอุตสาหกรรม การเน่าเสียของผักตบชวาและน้ำเสียที่เกิดจากกิจกรรมต่างๆของชาวบ้านรอบกว๊านพะเยา แม้จะมีบ่อบำบัดน้ำเสียของเทศบาลเมืองพะเยา แต่บ่อบำบัดสามารภรองรับได้แค่ 1 ใน 4 ส่วนของจำนวนน้ำเสียทั้งหมดที่ปล่อยลงสู่กว๊านใน 1 วัน
นายบัณฑิต สีใส “ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิด มี 2 ส่วน คือในฝั่งภาคตะวันตกจะมาจากภาคการเกษตรกรรม การปศุสัตว์เลี้ยงสัตว์ ก็จะมีเรื่องสารเคมีเข้ามาเกี่ยวของ และทางด้านฝั่งตะวันออกเป็นเรื่องของเขตเมืองก็จะมีเรื่องของปริมาณน้ำเสียจากครัวเรือนที่ใหลลงสู่กว๊าน เพราะว่าในส่วนของกว๊านในเรื่องของการบำบัดน้ำเสีย ซึ่งเทศบาลเมืองดำเนินการอยู่ ก็ยังรองรับน้ำเสียได้ไม่ทั่วถึง สามารถรองรับได้แค่ 3 จุดจาก 13 จุด ตั้งแต่ประตูเหล็กไปจนถึงวัดศรีโคมคำ ในส่วนนี้ก็คือไม่มีระบบรองรับน้ำเสียจากครัวเรือน เพราะฉะนั้นน้ำเสียจากตรงนั้นก็จะใหลลงสู่กว๊านโดยตรง” จากปัญหาที่เกิดขึ้นก่อให้ดกิดผลกระทบในหลายด้าน จำนวนปลาที่ลดน้อยลงทำให้ชาวประมงรอบกว๊านพะเยาที่ยึดอาชีพประมงเป็นอาชีพหลัก ต้องหันไปหาอาชีพอื่นแทน การเน่าเหม็นและการขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วของผักตบชวาก่อให้เกิดผลกระทบในด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เป็นอย่างมาก แม้จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการและคณะทำงานส่งเสริมการพัฒนากว๊านพะเยาอย่างยั่งยืนของภาครัฐ เข้ามาแก้ไขปัญหากว๊านพะเยา แต่การแก้ไขปัญหาที่แท้ยั่งยืนคงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนนั่นเอง